บทที่ 5 คิดว่าจำไม่ได้เหรอ?

1402 คำ
บทที่ 5 คิดว่าจำไม่ได้เหรอ?  พวกเราหมู่สองทั้งสิบเอ็ดคนเดินมาถึงก็ไม่ทันได้พักหายเหนื่อย ก็เตรียมตัวจะลงไปช่วยประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก ค่ายพวกเรามาด้วยสภาพโส-มม เลอะเทอะ สกปรก อิดโรย ตั้งแต่เท้าถึงขาก็เต็มไปด้วยโคลนสีแดง ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยคราบสีดำ ที่ทาอำพลางตั้งแต่ตอนลาดละเวน ค่ายอื่นที่มาคือสภาพดูดี มีแค่ชุดที่เปียกคงเพราะลุยน้ำหรือตากฝนแหละ “ หวายกับหวานรอตรงนี้นะ เฝ้าสำภาระและปืนของทุกคนไว้ด้วย ที่เหลือตามผมมา” ผู้หมวดพูดขึ้น ที่ต้องทิ้งคนให้เฝ้าเพราะไม่สามารถไว้ใจใครได้ ปืนคือของหวงของทหารที่สุด ถ้าหายไปอาจจะมีอันตราย เพราะไม่รู้ว่าตกไปอยู่ในมือโจรหรือชาวบ้านและถ้ามันเป็นของทหารคนไหน คนนั้นต้องรับผิดชอบด้วย เขาถึงบอกว่ารักษาปืนให้รักษาเท่าชีวิต “ ยัยมุก นั่นมันคู่หมั้นแกใช่ไหมอะ? ” ฟ้าเดินมาสะกิดแขนฉันเบาๆ พร้อมพูดกระซิบและพยักพเยิดไปตรงหน้า ฉันที่กำลังวางกระเป๋าที่แบกมากับปืนวลงก็มองตามและมันก็จริง พี่ฉัตรกำลังพายเรือพาชาวบ้านมาส่งบนถนนที่พวกฉันยืนอยู่ “ หลีกๆ ” ฉันไม่รู้ว่าพี่ฉัตรจะเห็นไหม แต่รีบพาตัวเองไปหลบข้างหลังเพื่อน แล้วรีบวางของลง พอเรือพี่ฉัตรมาถึงผู้หมวดค่ายเราก็เอ่ยทักภาษาราชการ ถึงไม่รู้จักแต่ก็ต้องทำความเคารพและทักทายกันอยู่ดี ฉันพยายามก้มหน้าลงสุดๆ แอบหวังว่าพี่เขาจะไม่ทันสังเกต พอชาวบ้านขึ้นมาจากเรือ พี่ฉัตรกับเพื่อนของเขาก็พายเรือกลับไปทางเดิม “ งั้นพวกที่เหลือตามผมมา เมื่อกี้หมู่คนนั้นบอกว่าให้พวกเราไปขนถุงยังชีพมาแจกและกล่องข้าวแกงมาให้ชาวบ้านตรงนี้ก่อน เพราะน่าจะหิวกันแล้ว” ผู้หมวดพูด รอดไป คิดว่าต้องลุยน้ำแล้ว ไม่ใช่ว่าว่ายน้ำไม่เป็นนะ แต่น้ำน่าจะเย็นแล้วลึกประมาณอกถึงเอวเลยนะ แล้วสีมันก็เป็นสีแดงซึ่งมันคือน้ำโคลนที่ลงมาจากเขาด้วย ค่ายอื่นก็นั่งเรือกันหมด จะให้พวกเราลุยน้ำก็ใช่เรื่อง หลังจากนั้นก็พากันไปขนถุงยังชีพกับกล่องข้าวแกงมาแจกชาวบ้าน และถามสารทุกข์สุกดิบ ถามอาการของแต่ละคน จนเวลาล่วงเลยมาบ่าย ค่ายทหารบกค่ายที่ใหญ่สุดในสามจังหวัดเรียกพวกทหารทุกค่ายให้ไปพักกินข้าวเที่ยงกัน “เหนื่อยมากอะ กว่าจะได้กินข้าวหิวจนไส้กิ่วแล้ว ” ฝ้ายพูดพร้อมลูบท้อง “อยากอาบน้ำมากตอนนี้ ตัวเหนียวหมดแล้ว” ฟ้าพูด “เดี๋ยวฝนก็ตก ได้อาบแน่ๆ ” ฉันพูด “ ฉันอยากอาบแบบ สระผม ถูสบู่ ล้างนอกล้างในนะยะ เอือดไปหมดแล้ว” ฟ้าพูดต่อ “ฉันก็หาห้องน้ำอยู่นะ ว่าจะไปล้างหน้าสักหน่อย เมื่อกี้ดูผ่านกระจกรถทหาร แอบตกใจหน้าตัวเอง ดูไม่ได้เลย” ฝนพูดต่อ “ ทนเอาหน่อยน่า เดี๋ยวก็ได้กลับค่ายแล้ว ” พี่ส้มผ่านมาได้ยินจึงพูดขึ้น “แต่ฉันได้ยินมาว่าถ้าวันนี้ช่วยชาวบ้านที่ป่วยติดเตียงมาไม่ครบ ต้องนอนพักที่นี่นะ” พี่ใจพูดขึ้น พวกเราทั้งสิบคนถอนหายใจพรือใหญ่ ผู้หมวดค่ายพวกเราหายหัวไปนานแล้ว น่าจะเจอเพื่อนพ้องหรือไปแอบอยู่ตรงไหนสักแห่งแหละ ไม่สงสารลูกน้องแบบพวกเราเลย! มันน่านัก ไม่รู้แอบไปงีบหรือเปล่า? ตอนที่เดินไปเอาข้าว พวกเราต้องแบกทั้งกระเป๋าที่หนักห้ากิโลขึ้นกับปืนที่หนักสามกิโลกว่า ขาลากกันเลยแต่ละคน ค่ายอื่นคงไว้บนรถเพราะทุกคนมาจากค่าย แต่พวกเรามาจากป่า “เข้าแถวๆ ” พี่ใจพูดขึ้น พวกเราพากันต่อแถวเพื่อจะรับข้าวกล่องจากพวกทหารบกที่ใส่ลายพรางสีเขียว “ทหารเขียวด้านหน้าหล่ออะ” เสียงของพี่หวานที่มีอายุมากกว่าฉันหนี่งปี ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเราพูดขึ้น “ไม่มีกะจิตกะใจจะส่องผู้ชายแล้วพี่ เหนื่อยแทบขาดใจตอนนี้อะ” ฟ้าพูด ในที่สุดก็ถึงคิวพวกเราทหารพรานหญิงรับข้าว จู่ๆ ก็ถูกแซวกันเสียยกใหญ่ เกี่ยวกับสภาพพวกเรา จะว่าแซวจีบก็ไม่ใช่ พูดไปด้วยความสนุกปากแหละ แต่ก็นั้นแหละมีแค่ค่ายพวกเราที่เป็นผู้หญิงมาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม มีการหยอกล้อแบบยื่นกล่องข้าวให้แล้วยื่นกลับด้วย พวกพี่ๆ ข้างหน้าก็ดูครึกครื้นพอผู้ชายหยอกไก่ ฉันกับเพื่อนอีกสามคนพร้อมใจกันถอนหายใจและกรอกตามองบนไปตามๆ กัน จังหวะนั้นเป็นคิวของฝ้ายที่ยืนอยู่หน้าฉันกำลังจะรับข้าว ได้ยินทหารบกตรงหน้าเหมือนจะเรียกใครคนหนึ่งซึ่งชื่อนั้นทำให้ฉันมองตาม แล้วรีบก้มหน้าลงต่ำทันที “รีบเลยไอ้ฉัตร กูหิวจะตายแล้ว มึงมาแจกข้าวต่อเลย มีไม่กี่คนแล้วตอนนี้” คนที่แจกอยู่ก่อนพูดขึ้น แล้วยื่นข้าวให้ฝ้ายคนสุดท้ายและก็เดินจากไปทันที ทั้งฝนและฟ้าสะกิดฉันตลอด พอได้ยินชื่อพี่ฉัตร และฉันสงบนิ่งมาก ไม่กล้าจะหันไปมอง กำลังพลางตัวเองด้วยการก้มหน้าและดึงหมวกปีกสั้นให้ปิดลงมาอีก “อะ เอากับข้าวไปสองถุงเลย” พี่ฉัตรเดินมาถึงก็หยิบกล่องข้าวและถุงแกงให้สองถุงทันที ฉันยื่นมือไปรับโดยที่ไม่เงยหน้ามองผู้ให้ มันโชคดีที่มีหมวกพลางไว้ได้ เวลาปฎิบัติหน้าที่ในหน้าป่าจะใส่หมวกปีกสั้นนี้ ภาพประกอบ ​ “อะ” ฉันส่งเสียงออกมาทันที เพราะพี่ฉัตรชักมือที่ถือกล่องข้าวกลับ “เงยหน้าขึ้น” พี่ฉัตรสั่ง ฉันยืนก้มหน้านิ่ง “นี่คือคำสั่ง! ถ้าไม่ทำตามก็ยืนอยู่อย่างนี้แหละ เพื่อนๆ ที่เหลือก็ไม่ต้องกิน” เพราะความที่ถูกกดดันจากเพื่อนต่างค่ายข้างหลังแถวที่ส่งเสียงโห่เพราะมันช้าที่ตัวฉันแล้วไง จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองพี่เขาและแบะปากเล็กน้อย “ก็แค่นั้นแหละ คิดว่าพี่จะจำไม่ได้หรือไง” พี่เขาพูดต่อ “เอากล่องข้าวมา” ฉันพูดขึ้น โดยที่ไม่ตอบที่เขาพูด “เดี๋ยวไปคุยด้วย” พี่เขาพูดจบก็หาถุงมาใส่กล่องข้าวให้ฉันสองกล่อง แกงสองถุง น้ำสองขวด ทำเอาฉันงงงวยไปเลย “รับแล้ว ก็ไปสิ จะยื่นบื่ออยู่ทำไม คนอื่นก็หิวนะ” พี่ฉัตรพูดขึ้นเสียงดุ พอได้สติกลับคืนมาจากที่ยื่นงง ฉันรับมาหิ้วแล้วเดินไปเรื่อยๆ ก็มีสายตาหลายคู่จ้องมอง แล้วซุบซิบๆ ก็แหง่ล่ะ ได้เยอะกว่าคนอื่น มันเลยดูแตกต่าง ❤️_____________❤️ นามปากกาผกายมาส ***ที่พิมพ์เกี่ยวกับทหารพราน ในค่ายทหาร การปฎิบัติหน้าที่ทุกอย่างที่พิมพ์ไป ไม่ได้อ้างมาจากความจริง ไรต์แค่เสริมเติมแต่งไปเอง มันคือการสมมุติขึ้นมาแต่ทางค่ายทหารพรานชายมันจะมีจริงๆนะถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้แต่งมาไม่ได้อ้างอิงจากความจริง พิมพ์ขึ้นมาเองล้วนๆ คนที่รู้จริงในเรื่องทหารอย่าว่ากันนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเอาข้อมูลจริงๆมาเผยแพร่นะคะเพราะในกูเกิลจะมีให้คันหาอยู่แล้ว แต่ไรต์ไม่ได้แต่งเน้นความจริงหรือเกี่ยวกับทางราชการเยอะและกลัวจะไม่เป็นผลดีเลยเลือกจะสร้างขึ้นมาเอง เป็นเพียงการสมมุตินะคะ*** ***ขอแทนสามจังหวัดว่า จังหวัดA จังหวัดB จังหวัดC นะคะ ***
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม