บทที่ 3 การทำงาน

1865 คำ
บทที่ 3 การทำงาน กลับมาเข้าสู่ปัจจุบัน อีกแค่เก้าเดือน ฉันต้องแต่งงานกับพี่ฉัตรแล้วสินะ เห้อ! “ ดูทำหน้าเข้า เป็นอะไร แฟนไม่โทรหาหรือไง! ” “ เปล่า ก็แค่ไม่อยากจะแต่งงานนะ ” ฉันพูดออกไปให้เพื่อนทั้งสามฟัง ตั้งแต่มาฝึกทหารพรานจนตอนนี้เข้ารับราชการแล้ว ฉันก็มีเพื่อนสนิทมากๆ ในกรมสามคน มี ฟ้า ฝน ฝ้าย เราคุยกันถูกคอมากเลยสนิทกัน ขนาดเพิ่งเข้ามาเป็นทหารพรานเองนะ เหมือนสนิทกันมาจากชาติปางก่อนแหนะ พูดจับเล่นได้ทุกเรื่อง ในค่ายทหารพรานที่ฉันอยู่คือค่ายXX มีทหารพรานชายประมาณห้าคนเป็นคนที่มียศใหญ่คอยสั่งการพวกเรา ที่เหลือเป็นหญิงทั้งหมดสามสิบคน การทำงานจะแบ่งกัน อยู่ในห้องธุรการหน้าคอมแอร์เย็นๆ สิบคน เข้าป่าลาดตระเวนสิบคนและอีกสิบคนจะหยุดพัก การทำงานและวันหยุดพักจะมีแค่สิบวัน คือสลับวนเวียนไป แต่ละกลุ่มจะเรียกเป็น หมู่หนึ่ง หมู่สอง หมู่สาม ก่อนออกลาดตระเวนทุกครั้งจะมีการเซ็นหนังสือยินยอม เพราะแค่ก้าวออกจากค่ายก็อันตรายแล้ว ถ้ามีหนังสือยินยอมมันจะไม่ต้องมีปัญหาภายหลัง หากเกิดการสูญเสียใดๆ แต่มันจะมีค่าชดเชยให้นะ และให้เราบอกว่าต้องการยกให้ใคร คนที่ไม่มีครอบครัวก็ยกให้แฟน คนที่มีครอบครัวก็ยกให้พ่อแม่ ส่วนมากทหารพรานหญิงจะไม่มีที่ผ่านการมีลูกมาแล้ว จะมีแค่คนโสด คนมีแฟน และแต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีบุตร ในค่ายXX นะ แต่ค่ายอื่นอาจจะมีเพราะทำงานสบายๆในห้องแอร์เย็นๆ แต่ค่ายของเรานั้นมันตั้งอยู่ข้างในป่า ไม่ได้ติดถนนใหญ่ เส้นทางขรุขระ รอบๆ เป็นป่าทึบ อยู่ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนต้องพร้อมตลอดเวลา เลยเลือกเอาคนที่แข็งแกร่งมา ตอนสมัครมีคนเยอะมากและพวกเขาก็รับมาก แต่พอเข้าบรรจุใช่ว่าทุกคนจะอยู่ที่เดียวกัน เขาจะแบ่งให้แค่ละค่าย ค่ายทหารพรานหญิงจะน้อยกว่าทหารพรานชาย ทหารพรานหญิงจะรับน้อยกว่าทหารนพรานชายเหมือนกัน ***ที่พิมพ์เกี่ยวกับทหารพราน ในค่ายทหาร การปฎิบัติหน้าที่ทุกอย่างที่พิมพ์ไป ไม่ได้อ้างมาจากความจริง แค่เสริมเติมแต่งไปเอง มันคือการสมมุติขึ้นมาแต่ทางค่ายทหารพรานชายมันจะมีจริงๆ นะถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้แต่งมาไม่ได้อ้างอิงจากความจริง พิมพ์ขึ้นมาเองล้วนๆ คนที่รู้จริงในเรื่องทหารอย่าว่ากันนะคะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเอาข้อมูลจริงๆ มาเผยแพร่นะคะเพราะในกูเกิลจะมีให้คันหาอยู่แล้ว แต่ไรต์ไม่ได้แต่งเน้นความจริงหรือเกี่ยวกับทางราชการเยอะและกลัวจะไม่เป็นผลดีเลยเลือกจะสร้างขึ้นมาเอง เป็นเพียงการสมมุตินะคะ*** ***ขอแทนสามจังหวัดว่า จังหวัดA จังหวัดB จังหวัดC นะคะ *** “ คู่หมั้นแกดูดีขนาดนั้นมีอะไรต้องให้กังวลอีก ” ฝนพูดขึ้น ใช่ว่าพวกเธอจะเคยเห็นพี่เขาตัวจริงๆสักหน่อย ก็แค่เห็นผ่านๆในเฟซบุ้คเอง “ ก็เราทั้งคู่ไม่ได้รักกันไง ” “ อยู่ไปก็รักกันเองแหละ ” “ ขนาดคุยกันมาปีกว่าแล้วนะ ยังไม่รู้สึกผูกพันธ์อะไรเลย ” ฉันพูดพร้อมยักไหล่ “ จะผูกพันธ์บ้าบออะไรกัน โทรคุยกันแค่หนึ่งถึงสองนาทีนี่อะนะ ” ฝ้ายพูดขึ้น ทั้งสามคนจะรู้เพราะเราสี่คนพักห้องเดียวกัน เพื่อนคุยโทรศัพท์กับแฟนกันเป็นชั่วโมงๆ ก็มีแต่คู่ฉันที่คุยกันทุกวัน วันละสามนาทีมากสุดอะ แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งจะนัดไปคุยกันเรื่องที่จะทำความคุ้นเคยให้มากกว่านี้ที่สวนสาธารณะของจังหวัดB ซึ่งนัดกันคนละครี่งทาง พี่เขาบรรจุอยู่ในค่ายทหารYY ที่จังหวัดC และฉันทำงานอยู่ในค่ายทหารพรานหญิงXX อยู่จังหวัดA “ แล้วที่ขอลาครึ่งวันไปนัดพบคู่หมั้นอะ แกยังไม่เล่าเลยนะ มุกว่ายังไง ” ฟ้าพูด “ ก็แค่แลกเปลี่ยนอะไรกันเล็กน้อยเพื่อต้องการความคุ้นชิน ต่อไปแต่งงานกันจะไม่ได้เกร็ง ” “ แต่นี่มันก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ฉันก็ไม่เห็นว่าพวกแกจะคุยกันเยอะกว่าเก่าเลย ” เพื่อนใส่ใจแหละดูออก ไม่งั้นจะจับตามองเหรอ? จะรู้ได้ไง!! “ อืม ก็ใช่ ” ฉันพยักหน้า วันนี้หมู่สองอย่างพวกเราทำงานในห้องธุรการมาครบสิบวันแล้ว พรุ่งนี้ต้องออกลาดตะเวนในป่า หมู่สามที่หยุดพักก็จะกลับมาทำงานในห้องธุรการแทน แล้วหมู่หนึ่งที่ออกจากลาดตะเวรในป่าจะได้ลาหยุดพักสิบวัน มันก็จะวนเวียนอยู่แบบนี้ “ งั้นฉันขอไปคุยกับแฟนก่อนนะ พรุ่งนี้เข้าป่าไม่ค่อยไม่สัญญาณอะ ” คงเห็นว่าฉันเงียบไม่ค่อยอยากจะพูดถึงคู่หมั้น เพื่อนๆเลยต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง พอเริ่มคุยกัน ฉันจะแทนตัวเองว่าหนูกับพี่ฉัตร ส่วนพี่เขาจะแทนตัวเองว่าพี่ปกติและจะเรียกฉันว่ามุก แต่เวลาพี่เขาอารมณ์ไม่ดีหรือแบบโกรธเพราะฉันดื้อ พี่เขาจะเรียกแทนว่า เธอ แทนตัวเองว่า ฉัน พอได้ยินแบบนี้คือรู้เลยแหละ ตัวฉันก็เงียบปากไปชั่วขณะ ครืดๆๆ ( โทรเข้า >> พี่ฉัตรคนเย็นชา ) มาแปลกแฮะ วันนี้โทรมาตอนเที่ยง ปกติจะโทรค่ำๆ ไม่ก็ดึก หรือบางวันตอนเช้าตรู่ พอเห็นว่ามันดังอยู่นานแล้วกลัวสายจะตัดไป นิ้วเรียวกดรับสายพร้อมส่งเสียงห้วนออกไปทันที เนื่องด้วยมาจากการที่ไม่สบอารมณ์ เห็นเบอร์เขาแล้วหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที ( ฉัน : ว่าไง ) ( พี่ฉัตร : พูดใหม่สิ! ) ( ฉัน : เหอะ! ) ( พี่ฉัตร : พูดใหม่! ) ( ฉัน : ว่าไงคะ ) ( พี่ฉัตร : ค่อยหน้าฟังหน่อย ทำอะไรอยู่ ) ( ฉัน : ทำงาน ) ( พี่ฉัตร : สอนไม่เคยจำ บอกว่าให้พูดมีหางเสียงด้วยไง ) ( ฉัน : ค่ะ ทำงานอยู่ค่ะ ) ( พี่ฉัตร : กินข้าวยัง ) ( ฉัน : ยัง…ค่ะ ) ( พี่ฉัตร : ทำไมต้องพูดทิ้งระยะห่างด้วย หัดพูดบ่อยๆสิจะได้ชิน แต่ก็สอนมาปีกว่าแล้วนะ ทำไมไม่รู้จักจำ ) ( ฉัน : เฮ้อ! พี่โทรมาทำไม หรือจะโทรมาคุยแค่เรื่องนี้ จะสอนกริยามารยาทอีกหรือไง ) ( พี่ฉัตร : ดูพูดเข้า! พี่โทรหาคู่หมั้นตัวเองไม่ได้เหรอ ) ( ฉัน : ก็ได้ ) ( พี่ฉัตร : มุกทำไมสอนยากจัง ) ( ฉัน : เห้อ! ฟังข้ามๆบ้างก็ได้พี่ เชอะ! จับผิดอยู่นั้นแหละ ) ( พี่ฉัตร : ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลยนะ.. ว่าแต่พรุ่งนี้กลับบ้านไหม เพื่อนพี่แต่งงานนะ ) ( ฉัน : เพื่อนพี่ ไม่ใช่เพื่อนหนูสักหน่อย จะให้กลับไปทำไมอะ ) ( พี่ฉัตร : ยัยเด็กคนนี้ดูพูดเข้า ก็มุกเป็นคู่หมั้นพี่ไง จะพาไปงานแต่งเพื่อนพี่ก็ไม่เห็นแปลก ) ( ฉัน : มันแปลกตั้งแต่พี่เอ่ยชวนหนูแล้วนะ ปกติไปคนเดียวไม่ใช่หรือไง ) ( พี่ฉัตร : มุก! เราคุยกันว่ายังไง ลืมแล้วเหรอ ) ( ฉัน : ก็รู้ แต่หนูก็เห็นว่าคุยกันปกติเหมือนหนึ่งปีที่ผ่านมานะ พอคุยกันได้ไม่กี่คำพี่ก็จะวางสายทุกครั้ง จะเอาอะไรมาสนิท จะเอาอะไรมาคุ้นเคยกัน ) ( พี่ฉัตร : ก็นี่ไง พี่พยายามทำแล้ว ชวนมุกไปออกงานไง ) ( ฉัน : หนูไม่ว่าง พรุ่งนี้ต้องเข้าป่าสิบวันหลังจากนั้นถึงจะพัก ) ( พี่ฉัตร : ลาได้ไหม ) ( ฉัน : ไม่ได้หรอก ) ( พี่ฉัตร : ทำไมไม่ได้ ) ( ฉัน : จะไปรู้เหรอ? ) ( พี่ฉัตร : ทำไมต้องใส่อารมณ์เวลาพูด ) ( ฉัน : หงุดหงิดตั้งแต่พี่โทรมาแล้วแหละ ) ( พี่ฉัตร : … ) พอพูดแบบนี้ออกไป คนปลายสายก็เงียบไปเลย ทำให้ฉันรู้สึกผิด รีบเอามือตีปากทันที แต่ฉันมันเป็นคนที่คิดอะไรได้ก็จะพูดทันทีโดยที่ยังไม่ทันไตร่ตรอง แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง และมาคิดได้ว่าพูดแรงไป ( ฉัน : เอ่อ…ว่าแต่พี่กินข้าวยัง ) ( พี่ฉัตร : กินแล้ว ) (ฉัน : แล้วไม่ทำงานเหรอวันนี้ ) ( พี่ฉัตร : ทำแต่ตอนนี้พักเที่ยง งั้นแค่นี้ก่อนนะ ) ( ฉัน : เดี๋ยวๆ นี่โกรธใช่ไหม ) ( พี่ฉัตร : เปล่า พี่รู้ว่าตัวเองมันน่ารำคาญ แต่ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจมุกดี ) ( ฉัน : ขอโทษ ก็มันหงุดหงิดอะ คนอื่นเค้าคุยกับแฟนกันเป็นชั่วโมง แล้วนี่เราสองคนก็หมั้นกันแล้ว คุยกันทีเหมือนคนแปลกหน้าอะ อีกไม่กี่เดือนกเแต่งงานกันแล้วด้วย ) ( พี่ฉัตร : แล้วจะให้พี่ทำไง ) ( ฉัน : พี่เคยมีแฟนมาก่อนนิ ต้องรู้อยู่แล้วว่าควรคุยอะไรกันบ้าง ควรทำยังไง หาเรื่องอะไรมาคุย ทำนองนี้ ) ( พี่ฉัตร : แต่เราทั้งคู่หมั้นกันโดยที่ยังไม่คบ ยังไม่รัก ยังไม่เป็นแฟนกันเลยนะ พี่ก็ทำตัวไม่ถูกสิ ) ( ฉัน : พี่ก็คิดว่าหนูเป็นพี่เพลงก็ได้ ) ( พี่ฉัตร : มุก! ทำไมถึงต้องโยงเพลงมาเกี่ยวด้วย ถ้าเธอพูดแบบนี้อีก ไม่ต้องมาพคุยกันเลย มุกกับเพลงจะแทนกันได้ไง มันคนละคนกันนะ มุกก็คือมุก เพลงก็คือเพลง ความรู้สึกมันต่างกันนะ มันเรื่องของเราสองคนไม่ต้องเอาคนอื่นมาเกี่ยวได้ไหมอะ ) ( ฉัน : ขอโทษๆ พูดไปแบบไม่ทันได้คิดอะ ) ( พี่ฉัตร : แบบนี้ประจำแหละ ก่อนพูดควรไตร่ตรองให้ดีก่อนนะ แล้วมันไม่ใช่ครั้งแรกด้วยนะ มุกพูดแบบไม่คิดมาหลายรอบแล้ว ) ( ฉัน : หนูขอโทษไปแล้วนะ ทำไมพี่ยังพูดใส่อารมณ์อยู่อีก เหอะ หนูรู้ว่าคนละคน ก็ใช่หนูกับพี่ได้หมั้นกันแบบสายฟ้าแลบ ความรู้สึกดีๆต่อกันเลยไม่มี ทุกครั้งที่คุยกันก็ฝืนใจ ไม่ใช่พี่เพลงที่เป็นอดีตคนรักพี่อะ ที่รักกันปานจะกลืน แต่ก็พูดถึงไม่ได้เลยนะ ) ( พี่ฉัตร : มุก พี่ว่ายิ่งคุยกันมันยิ่งบานปลาย เอาไว้พี่จะโทรหาอีกทีนะ ) แล้วพี่เขาก็กดวางสายไป โดยที่ฉันไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เชอะ พอพูดถึงแฟนเก่า อารมณ์เสียใส่เราทันที ก็รู้ว่ามันแทนกันไม่ได้ แต่แค่บอกว่าทำให้เหมือนตอนคุยกับพี่เพลงเอง …. ฉันพูดอะไรผิดไป ไอ้คนเย็นชา เจ้าระเบียบ ไอ้คนไม่มีหัวใจ ❤️_________❤️ นามปากกาผกายมาส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม