INTRO

1913 คำ
INTRO ‘ ห้ะ นอนห้องเดียวกันเหรอ? ’ ‘ แอบแซ่บกันใช่ไหม? ’ ‘ ได้ข่าวว่าพี่ฉัตรเพิ่งเลิกกับแฟนแค่หกเดือนเองนะ ’ ‘ ทีแรกคิดว่ายัยมุก แม่งเป็นทอมแน่ๆ แต่ไหงถึงแอบแรดไปนอนห้องผู้ชายอะ ’ ‘ พี่ฉัตรไม่เหมาะสมกับยัยมุกนะ ไม่ๆแบบพี่ฉัตรเขาดูโตกว่าเยอะ น่าจะหาคนที่ดีกว่านี้อะ ’ ‘ ลูกรองนายกจะได้กับลูก อบต.เหรอ? ไม่เหมาะสมกันเนอะ อายุก็ห่างกัน’ ‘ ที่รีบหมั้นเพราะท้องหรือเปล่า? อาจจะยังไม่มีฤกษ์ดีเลยจับหมั้นสะก่อน ’ ‘ ฝ่ายยัยมุกคงกลัวลูกสาวขึ้นคานแน่ๆเลยรีบคว้าพี่ฉัตรมาให้ลูกตัวเอง ’ เรื่องที่เลื่องลือออกไปทั่วทั้งตำบลตอนนี้เป็นเรื่องใครไม่ได้นอกจากฉัน ฉาวโฉ่ซะเหลือเกิน น่าจะเกิดจากปากต่อปากแหละ ก็งานวันเกิดพี่มดส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนแถวบ้าน ไม่แปลกถ้าเรื่องจะแดงขนาดนี้ และคนที่เดือดร้อนควรจะเป็นฉัน แต่ใครจะแคร์ ฉันยังไงก็ได้ แต่ครอบครัวฉันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเป็นที่รู้จัก แม่เป็นท้าวแชร์ นายมือหวยและเป็นเจ๊ปล่อยเงินกู้อีกด้วย นี่ไงที่คนรู้จักทั้งตำบาล หลังจากเรื่องในวันเกิดของพี่สาวคนโตในวันนั้น ครอบครัวฉันกับครอบครัวพี่เขาก็หารือกันเรื่องฤกษ์ ดูครอบครัวฉันกับพี่ฉัตรจะเข้ากันดีนะ ก็แหง่ล่ะ เป็นคนรู้จักกัน แถมสนิทกันด้วย พ่อพี่ฉัตรเป็นรองนายก ส่วนพ่อฉันเป็น อบต. พวกท่านทำงานทีมเดียวกัน ฐานะของสองครอบครัวก็เท่าเทียมกัน ผ่านมาสองอาทิตย์หลังจากที่เป็นข่าวใหญ่ ฉันกับพี่ฉัตรไม่ได้คุยอะไรกันเลย และไม่รู้จะคุยอะไรกันด้วย เลยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ “ เยส! เย่ๆๆ 555+ ดีใจอะ ” ฉันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ พร้อมตะโกนร้องเสียงดัง เรียกให้คนในครอบครัวพากันวิ่งมาดู ในห้องนั่งเล่นที่หน้าคอม พ่อพี่สาวทั้งสองพากันส่ายหน้าแล้วก็พากันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ คงคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระล่ะมั้ง “ ยัยมุกเป็นอะไรลูก? ” แม่ตรงมาจากครัวมีผ้ากันเปื้อนใส่คลุมอยู่ด้วย ในมือถือตะหลิว “ นี่ๆ แม่ดู หนูสอบได้แล้ว หนูจะเป็นทหารพรานหญิงแล้วนะแม่ ” “ อะไรนะ! ทหารพราน ” แม่พูดทวนซ้ำ! พร้อมใบหน้าตกใจ “ ใช่ๆ นึกไม่ถึงละซิ ว่าหนูจะสอบได้ เก่งไหมแม่ ” ด้วยความดีอกดีใจ เอามือกอด'อก' แล้วเชิดหน้าเลิกคิ้วทีละข้าง ทำพี่แกพอได้ “ ใช่ แม่นึกไม่ถึง ” “ 555+ หนูเก่งไม่แพ้พี่ๆ หนูเคยบอกแล้ว...แต่แม่ไม่เชื่อ ” แสดงความดีใจออกมา ยิ้มไม่หุบเลย “ นึกไม่ถึงว่าลูกตัวเองจะแอบไปสอบทหารพรานทั้งที่ส่งให้เรียนการจัดการ ” น้ำเสียงของแม่ที่เปล่งออกมาเคร่งขรึมมาก จนฉันหุบยิ้มเกือบไม่ทัน “ ก็หนูคิดว่า มันไม่ใช่ตัวหนูนะ ที่สอบคณะนั้นเพราะแม่บังคับ หนูเลยสอบให้ แต่นี่หนูได้งานที่ตัวเองถนัดแล้วนะแม่ แม่ควรดีใจกับหนูสิ ที่ลูกตัวเองได้งานที่ชอบอะ ” “ ดีใจเหรอ? แม่พยายามให้ลูกห่างไกลจากสิ่งพวกนี้แล้วนะ พยายามเอามาใส่ตะกร้าล้างน้ำ หวังจะให้เป็นกุลสตรี ทำงานบ้านงานเรือน หวังว่าเรียนจบจะได้ทำงานที่มีหน้ามีต่อ งานที่ทำระยะยาว ไม่ต้องหางานซ้ำๆ แต่ไหงลูกถึงต้องไปสอบทหารพรานอะไรนั้นด้วย มันอันตรายมากนะ ทหารพราณคือแนวหน้าเหมือนหน่วยกล้าตายอะ มันอันตรายมาก ” “ แต่แม่…หนูชอบนะ ผู้หญิงเขาไม่ให้บุกน้ำลุยไฟหรอกแม่ หนูเห็นเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กอะที่เป็นทหารพราน เขาทำงานหน้าคอมเอง และอีกอย่างหนูก็เคยใฝ่ฝันอยากใส่ชุดทหารสักครั้ง ไม่ว่าจะทหารไหนก็ตามและอยากทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง ” “ ยอมเสียสละตนเองเหรอ? งานแบบนั้น นานๆ ทีกว่าจะได้เจอครอบครัวเลยนะลูก แม่ว่าคิดให้ดีๆ ก่อนแล้วกัน ถ้าเกิดออกเรียนกลางครรภ์ในตอนนี้ แล้วไปเป็นทหารแต่อยู่ไม่ได้ ลูกต้องเรียนใหม่หมดเลยนะ ” “ ดร๊อปได้นะแม่ ดร๊อปไว้ก่อนได้ อันนี้หนูแค่สอบข้อเขียนผ่านเองนี่ต้องไปเทสร่างกายอีก ไม่แน่ใจว่าจะผ่านไหม แม่ให้หนูไปนะ คนไปเกือบร้อยแหนะ ใช่ว่าหนูจะได้สักหน่อย นะๆๆ แม่นะ ” เข้าไปหาแม่แล้วเอาหน้าไปถูแขนแบบออดอ้อน “ พอเลย ไม่ต้องมาอ้อนแม่ ก็ได้แม่รับปาก แต่ลูกต้องชวนพี่ฉัตรไปเป็นเพื่อนนะ ละอีกอย่างพรุ่งนี้วันเสาร์ชวนพี่เขามากินข้าวบ้านเราด้วยนะ แม่จะให้พี่เขาพาลูกไปดูชุดหมั้นด้วย ” “ ห้ะ! แม่ทำไมรีบไปดูจังเลย หนูต้องไปเทสร่างกายอีกนะ ถ้าเกิดได้ขึ้นมาจริงๆ แล้วตรงกับวันหมั้น หนูไม่ยอมหรอกนะ ” “ ก็ไหนลูกบอกคนเยอะไง ไม่น่าจะได้ ” “ ไม่ได้พูดนะ ว่าไม่น่าจะได้ แล้วถ้าเผื่อฟลุ๊คอะ ทำไง ” “ ก็สละสิทธิ์ไปเลย ” “ ไม่ๆ แม่อยากให้หนูหมั้นกับพี่ฉัตรเพราะอยากดองกับบ้านนั้นใช่ไหมล่ะ จริงๆ หนูคิดว่าจะหนีงานหมั้นนะ….เดี๋ยวๆ แม่ใจเย็นๆ ฟังหนูพูดให้จบก่อนสิ ” พอพูดคำว่าหนี แม่ยกตะหลิวพร้อมจะฟาดมาก “ หนูหมายถึงก่อนหน้านั้น แต่ถ้าตอนนี้หนูได้เป็นทหารพรานตามใจหวัง หนูจะหมั้นกับพี่ฉัตรเลย เอาให้สมดั่งใจแม่ที่อยากได้พี่เขาเป็นเขย นะๆ ค่อยหมั้นก็ยังไม่สายอะ ” ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอก ทำไมแม่ถึงคุยถูกคอกับป้าพริ้ง เพราะไม่ค่อยจะเห็นไปมาหาสู่กัน แต่ในความเป็นจริงแม่อะนึกไตร่ตรอง เด็กผู้ชายในตำบลมาทุกคนแล้ว แล้วจดลิสต์ไว้แล้วว่าผู้ชายบ้านไหนที่การศึกษาดี มีหน้ามีตาในสังคม เป็นผู้ชายที่ลูกสาวบ้านตัวเองสามารถฝากชีวิตไว้ได้บ้าง พอรู้ว่าเป็นพี่ฉัตรที่มีรายชื่อในลิสต์ของตัวเองเท่านั้นแหละ ชอบ'อก'ชอบใจใหญ่เลย นี่ถ้าแต่งเองได้ คงแต่งไปแล้วแหละ “ เฮ้อ ผัวเป็นทหาร เมียก็เป็นทหารพรานอีกเหรอ แล้วจะมีเวลาให้กันหรือไง พอแต่งงานกันไป จะมีหลานให้แม่หรือเปล่าล่ะ ” “ นั้นมันเรื่องของอนาคตนะแม่ หนูกับพี่เขาอาจจะไม่คู่กันก็ได้ อยู่ไปก็อาจจะเข้ากันไม่ได้ ก็เลยถอนหมั้นไป ” “ ใครอนุญาต แม่กับป้าพริ้งตกลงกันแล้วว่าจะให้หมั้นกันแล้วศึกษาดูใจแค่สองปี หลังจากนั้นแต่งทันที จะไม่มีข้ออ้างว่ายังไม่พร้อมแล้วในตอนนั้น ” “ แม่จะบอกว่ายังไงๆ ก็ต้องแต่งใช่ไหมล่ะ ” “ ใช่ ” “ เฮ้อ! หนูไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไรแล้ว แต่ยังไงหนูขอทำหน้าที่ของตัวเองก่อนแล้วกัน แม่หยุดห้ามหนูด้วย ถือว่าหนูตามใจแม่แล้วนะ ทั้งชีวิตเลยนะที่หนูต้องแต่งงานอยู่กินกับสามีที่แม่หามาให้นะ ชีวิตหนูที่เหลือขอเลือกทำตามใจตัวเองบ้างนะ ” “ ได้ ” “ เย่ๆ จริงๆใช่ไหมแม่ งื้อๆ ดีใจมากเลย ” พอแม่ตกปากรับคำอย่างง่ายดาย ฉันก็โผเข้ากอดท่านทันที หลังจากนั้นก็หนึ่งเดือนต่อมา ฉันต้องไปเทสร่างกาย คนที่พาไปก็คือพี่ฉัตร ว่าที่คู่หมั้นนั่นแหละ พอไปถึงที่เขานัดหมาย ฉันกับพี่เขาต่างคนต่างไป แต่ก็เจอกันแหละ ดูท่าจะมีคนรู้จักพี่เขาเยอะนะ คงไม่มีใครว่าฉันเป็นเด็กมีเส้นหรอกใช่ไหมอะ แต่ก็แหง่ล่ะพี่เขาสอบนายสิบได้บรรจุสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย ตอนนี้เลื่อนยศเป็นสิบเอกแล้วด้วย สอบเทสร่างกายก็ผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับฉันคิดว่าทำเวลา ทำคะแนนได้ดีนะ แต่คนคุมสอบจะประเมินว่าไง มันก็อีกเรื่อง ตอนนี้คือกลับไปรอฟังผลกันต่อ อีกสองวันจะประกาศผล ลุ้นมาก ระหว่างที่นั่งรถกลับ พี่เขาก็เงียบตลอดทาง ส่วนฉันก็เงียบเช่นกัน เราจะเจอกันทุกเสาร์อาทิตย์ เพราะมันคือวันพักของพี่เขา เวลาเจอ เขาจะมาทานข้าวบ้านฉัน ไม่ก็เป็นฉันที่ต้องไปทานข้าวบ้านเขา เราทั้งคู่จะคุยกันแค่วันเสาร์อาทิตย์ คุยไม่เหมือนคู่รักอื่นๆ หรอก จะคุยกันแค่พรุ่งนี้วันเสาร์ไปกินข้าวบ้านใคร พรุ่งนี้วันอาทิยต์จะกินข้าวบ้านใคร แค่นี้จริงๆ แต่แบบเหมือนเราสองคนจะเตี๋ยมกันมาดี แสดงได้สมบทบาทเสมือนคู่รักที่รักกันหวานชื่น ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็คุยกันดี ยิ้มแย้มตลอด ตักอาหารให้กันด้วย แต่พอลับหลังแทบจะไม่คุยกันเลย เงียบเหมือนเป่าสากอะคิดดู ปกติฉันจะพูดมาก เป็นคนร่าเริง แต่พอพบเจอพี่ฉัตร ทำให้ฉันอึดอัด ต้องเงียบปากตลอด เท่าที่รู้มา พี่เขาเป็นคนเจ้าระเบียบมาก หนึ่งปีต่อมา ฉันกับพี่ฉัตรหมั้นกันแล้ว ขนาดบอกแค่ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเอง ชาวบ้านชาวช่องก็รู้ข่าวเร็วมาก พูดกันปากต่อปาก รวมเข้ากันทุกเรื่อง ว่าท้องบ้าง! ว่าฉันอยากได้ผัวจนตังสั่นบ้าง! แต่ถ้าเราไม่แคร์ปล่อยผ่านเพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง ชาวบ้านก็เงียบปากไปเอง ฉันกับพี่ฉัตรก็วนเวียนไปมาหาสู่กันแบบนั้นตลอดมา ทำเหมือนเป็นกิจวัตรประจำตัวไปแล้ว ตั้งแต่ที่ฉันได้เป็นทหารพราน ก็ต้องไปฝึกอยู่สามเดือน ฝึกทุกอย่างเหมือนผู้ชาย แต่จะเบากว่า ง่ายกว่า พอฝึกจบก็กลับมาบ้าน แล้วก็ถูกจับหมั้นกับพี่ฉัตรทันที หมั้นกันแล้วก็เริ่มคุยกันบ้าง เป็นฉันซะส่วนใหญ่ที่จะเริ่มโทรหาเขาก่อน แต่ไม่เคยคุยกันถึงสิบนาที โทรถามว่าพรุ่งนี้กลับบ้านไหม ทำอะไรอยู่ ประมาณนี้แหละ ทำกันแบบนี้จนใกล้จะถึงเวลา ต้องแต่งงานกันแล้ว อีกแค่เก้าเดือนจะครบอีกสองปี พี่ฉัตรเขาเลยนัดฉันไปหาที่คุยกันสองคน คุยแบบเปิดใจอะ พี่เขาบอกตรงๆ ว่า เขายังไม่รู้สึกอะไรกับฉัน ซึ่งฉันก็เช่นกัน แต่เราทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกันแล้ว ยังไม่รู้อะไรของกันและกันเลย จึงแลกเปลี่ยนกัน พูดคุยกันเรื่องสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ พูดเรื่องอนาคตถ้าแต่งงานกันจะมีลูกเลยไหม หรือรอก่อน บลาๆ ก่อนแยกจากกัน พี่เขาก็ได้พูดขึ้นว่าต่อไปนี้จะต้องโทรคุยให้รู้สึกคุ้นชิน โทรคุยให้เหมือนคนรักทั่วไป ❤️__________❤️ นามปากกาผกายมาส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม