@ร้านอาหารชื่อดังใจกลางเมือง
“สวัสดีค่ะพี่เชนท์”
“สวัสดีครับ น้องเพนนี น้องมีนา และก็…น้ำชาแมวน้อยของพี่”
“กรี๊ดดดด!!!…พี่เชนท์อย่ามาจีบกันต่อหน้าเพนนีนะ…หึ!!”
“ยัยเพนนี…แกยังไม่ชินอีกเหรอ???…”
“ก็มันเขินแทนเพื่อนนี่…พี่เชนท์มีฝาแฝดอีกคนที่บ้านมั๊ยคะเพนนีอยากได้”
“ฮ่ะๆๆๆ…เพนนีพี่อาจจะไม่ได้เฟอร์เฟคอย่างที่คิดก็ได้นะ”
“พี่เชนท์ทั้งหล่อทั้งเก่งใจดีอบอุ่นรักน้ำชาขนาดนี้ก็ต้องดีสิคะ”
“พอเลยเพนนีชมพี่เชนท์จนจะลอยติดเพนดานแล้ว…กินข้าวกันเถอะวันนี้ฉันเป็นเจ้ามือตามสัญญา”
“จ๊า!!!…คุณหนูน้ำชาแค่เลี้ยงข้าวเพื่อนขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกเน๊อะมีนา??”
“ใช่!!”
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนจึงได้สั่งเครื่องดื่มมานั่งจิบเพราะบรรยากาศในร้านพาไป และไม่บ่อยครั้งที่จะได้มีโอกาสพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ จากที่ดื่มเบาๆเพนนีนั้นก็สั่งไวท์ยี่ห้อโปรดมาเรื่อยๆจนทุกคนเริ่มเมา
“เพนนีเบาๆแกเนี้ยนะขี้เมาตั้งแต่สมัยเรียน”
“ชา…แกเป็นเพื่อนหรือว่าแม่กันเนี่ย…ชิ!!”
“อุ๊ย!!”
“นั่นไง…เมาแล้วยังซุ่มซ่ามอีกพูดยังไม่ทันจะขาดคำ”
เพนนีได้เผลอทำมือถือหล่นลงกับพื้นด้วยความมึนๆ จึงก้มลงไปเก็บมือถือที่หล่นไปอยู่ใต้โต๊ะ สายตาเจ้ากรรมกลับดันไปเห็นขาของผู้หญิงฝั่งตรงข้ามเกี่ยวกับขาของเชนท์อยู่ จึงใช้สองมือขยี้ตามองให้ชัดแล้วดึงสติเพ่งมองดูอีกที ขาคู่นั้นมันไม่ใช่ขาของน้ำชาเพราะเชนท์นั่งติดกับน้ำชา ขาที่ยื่นมามันอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเธอก็นั่งตรงข้ามกับน้ำชา ดังนั้นขาเรียวนั้นก็ต้องเป็นของมีนา
“พี่เชนท์คะหญิงแม่ท่านถามหาพี่เชนท์บ่อยๆวันไหนพี่เชนท์ว่างก็ไปเยี่ยมท่านบ้างนะคะ”
“ครับน้ำชา…พี่ฝากกราบขอโทษคุณหญิงแม่ด้วยนะพี่ยุ่งมากเลยช่วงนี้ว่าความเกือบทุกวัน” มือหนาของเชนท์จึงจับไปที่มือบางของน้ำชาอย่างละมุน
“ไม่เป็นไรค่ะหญิงแม่ท่านรู้ดีว่าพี่เชนท์ขยันและก็กำลังเตรียมตัวสอบ”
“ขอบคุณน้ำชานะที่เข้าใจพี่”
“สู้ๆนะคะพี่เชนท์คนเก่ง” น้ำชาส่งยิ้มหวานให้กำลังใจเชนท์อย่างสดใส
หลังจากที่ทุกคนดื่มกันเสร็จเพนนีที่ได้เห็นภาพที่เธอเองก็ยังสับสนและกังขาอยู่ในใจ จึงนั่งคิดทบทวนจากที่สนุกสนานครึกครื้นก็เอาแต่เงียบพูดจาน้อยลง จนเชนท์และทุกคนถามว่าเธอเมาแล้วหรือเปล่า เพนนีจึงอ้างว่ารู้สึกไม่สบายจึงชวนกลับโดยเธอขับรถมาเองแล้วขอตัวกลับก่อน ส่วนน้ำชาและมีนาเชนท์จึงอาสาไปส่ง
2 วันต่อมา
เพนนีเธอได้คิดทบทวนเรื่องที่กังวลใจตอนแรกคิดว่าจะไม่พูดเกรงว่าน้ำชาจะไม่เชื่อ แต่เธอก็ไม่อยากเก็บงำความสงสัยนี้เอาไว้คนเดียวจึงส่งข้อความไปนัดน้ำชาให้มาพบเธอที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า พร้อมกับกำชับว่าให้มาคนเดียวเท่านั้น
“เพนนีฉันก็เปิดร้านกาแฟยังจะชวนมากินกาแฟอีก?”
“ชา…แกฟังฉันก่อนนะและต้องสัญญากับฉันก่อนว่าถ้าฟังเรื่องที่ฉันเล่าแล้วจะมีสติและจะไม่โกรธ”
“อะไรมาถึงก็ซีเรียสเชียว??”
“แก….จำคืนนั้นที่ร้านอาหารตอนที่เรานั่งดื่มกันฉันเผลอทำมือถือหล่นได้ปะ??”
“อื้ม!!!..จำได้ฉันยังบ่นแกอยู่ให้ดื่มเบาๆ”
“แกรู้มั๊ย???…ว่าฉันเจอเข้ากับอะไร??”
“อะไร??”
“ก็…..ฉันเห็นขาของมีนาเกี่ยวขาของพี่เชนท์แฟนแกอยู่”
“……………………….”
“น้ำชา….น้ำชา….แกฟังที่ฉันพูดอยู่รึเปล่า??” ใบหน้าสวยนั่งนิ่งเงียบไม่พูดจาอึ้งอยู่อย่างนั้นจนเพนนีต้องเรียกให้เธอตื่นจากภวังค์
“แกพูดจริงเหรอเพนนีไม่ได้อำฉันเล่นใช่มั้ย??”
“เฮ้ยย!!!…ชาเรื่องแบบนี้ใครจะกล้าล้อเล่นพี่เชนท์กูก็นับถือแกกับมีนาก็เพื่อนฉัน”
“มันอาจจะแค่เมารึเปล่าวะ??”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนี้ว่ะแก…แต่ก็เอามันออกจากสมองไม่ได้เลย”
“งั้นเราไปถามพี่เชนท์เลยดีมั๊ย??..พี่เชนท์คงจะไม่โกหก”
“จะบ้าเหรอชาผู้ชายเค้าจะบอกจะยอมรับเรื่องพวกนี้หรอกไม่มีทาง”
“แล้วฉันต้องทำยังไงมีนาคือเพื่อนรักอีกคนฉันก็รักมันมากพอๆกะแก”
“งั้นเอางี้เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองคนนั่นถ้าแค่เมาแล้วอีมีนาแค่อ่อยก็ให้มันจบไป แต่ถ้าทั้งคู่เล่นหูเล่นตากันแล้วมีอะไรที่ทำไม่ดีลับหลังแกก็ค่อยจัดการพวกนั้นไปเลยทีเดียว”
“ต่อหน้าเวลาอยู่ด้วยกันสามคนมีนากับพี่เชนท์ก็ปกตินะไม่ค่อยจะพูดกันด้วยซ้ำมีนาวางตัวดีตลอด”
“แกลองไม่อยู่ร้านสักสองอาทิตย์สิแล้วให้มีนาเป็นคนคอยดูแลร้าน แกก็ให้พี่เชนท์มาช่วยดูแลความเรียบร้อยให้ระหว่างที่แกไม่อยู่”
“แล้วไงต่อ??”
“ร้านแกมีกล้องวงจรปิดตรงไหนบ้าง?”
“ก็มีอยู่หลายจุดนะพนักงานในร้านทุกคนจะรู้ดี”
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะแกเอากล้องไปติดที่ห้องนอนแกชั้นบน และจุดอับที่คิดว่าไม่มีใครเห็นแล้วเรามาดูกันนะว่าเรื่องที่คิดมันจะเป็นแค่ฉันมโนไปเอง”
“อื้ม!!!…เอางั้นก็ได้เรื่องนี้จะมีแค่ฉันกับแกที่รู้กัน”
“เค..ดีล”
หลังจากนั้นน้ำชาจึงแจ้งกับพนักงานทุกคนว่าเธอจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มเปิดสาขาใหม่เพื่อเป็นการพักผ่อน จึงฝากฝังให้มีนาเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างในร้าน และบอกให้เชนท์ว่าถ้าวันไหนเขาว่างหรือเลิกงานเร็วก็ให้มาดูแลความเรียบร้อยแทนเธอ เชนท์จึงรับปากและแอบบ่นอ้อนเธอว่าคิดถึงและอยากจะไปกับเธอบ้าง เมื่อน้ำชาวางแผนกับเพนนีเรียบร้อยโดยการแอบตั้งกล้องเอาไว้ตามสถานที่ลับตาต่างๆ พวกเธอจึงออกเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน ในใจของทั้งคู่หวังว่าสิ่งที่คิดนั้นมันไม่ได้เป็นจริง
@ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
“พี่เชนท์ชาถึงห้องแล้วนะคะอากาศหนาวมากเลย”
“ดีแล้วครับใส่เสื้อหนาๆนะพี่เป็นห่วง”
“ค๊า!!!…อยากได้อะไรเป็นของฝากคะ??”
“ของฝากทริปที่แล้วชาไปมาพี่ยังไม่ได้ใช้เลยเที่ยวเก่งนักนะเรา”
“งื้อ!!…ชาไม่ได้ขอเงินหม่อมแม่เลยนะใช้เงินเก็บตัวเองเที่ยวพี่เชนท์ก็”
“โอ๋ๆๆๆ…แมวน้อยของพี่ไม่งอนนะ”
“พี่เชนท์อย่าลืมแวะไปดูร้านคาเฟ่ให้ชาด้วยนะสงสารยัยมีนาด้วยทำงานคนเดียวตัวเป็นเกรียวแน่นอน”
“คร๊าบๆๆ!!..พรุ่งนี้พี่หยุดจะไปดูให้นะจะไปช่วยทั้งวันเลยโอเคมั๊ยครับ?”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากวางสายวิดีโอคลอทางไกลกับเชนท์แล้ว น้ำชากับเพนนีจึงตรวจดูความเรียบร้อยข้องสัญญากล้องวงจรปิดผ่านทางมือถือ และก็ไม่พบอะไรผิดปกติเชนท์ไม่ได้เข้ามาที่ร้านตามที่เขาบอก แต่ในวันพรุ่งนี้เขาจะเข้ามาช่วยงานที่ร้านพวกเธอทั้งสองจึงนอนหลับไปเพราะในเวลาที่ต่างประเทศนั้นห่างจากเวลาที่ไทย 5 ชั่วโมง
เช้าวันต่อมาที่ประเทศไทย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
พนักงานทุกคนสวัสดีเชนท์หนุ่มหล่อทนายความมากความสามารถ ที่เดินเข้าร้านมาแต่ช่วงเช้าตรู่ของวัน ในมือถือโจ๊กใส่ถุงมาฝากพนักงานที่ร้านทุกคนรวมทั้งมีนา เชนท์เป็นคนที่เอาใจเก่งยิ้มเก่งอัธยาศัยดีและอบอุ่น สาวๆทุกคนจะชื่นชมในตัวเขามาก และจะคอยบอกกับน้ำชาว่าเธอนั้นมีแฟนที่ดีและน่าอิจฉาที่สุด
“มีนากินโจ๊กก่อนสิร้านยังไม่เปิด”
“ขอบคุณค่ะพี่เชนท์”
มีนาจึงเดินไปหยิบถุงโจ๊กแล้วไปเทใส่ชามและเผื่อให้เชนท์อีกใบ เธอนั้นได้ไปนั่งทานโจ๊กกับเขาที่ห้องครัวหลังร้านซึ่งทางหน้าร้านนั้นโต๊ะอื่นๆพนักงานนั่งกินก่อนแล้ว เชนท์จึงเดินไปทานร่วมโต๊ะกับเธอ
“พี่เชนท์มาแต่เช้าเลยไม่เห็นต้องลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยพี่เต็มใจ”
“ชิ!!…มาตามคำสั่งยัยชา”
“ตรงนี้มีแค่เราอย่าพูดถึงคนอื่นสิ…กินเยอะๆนะครับ” เชนท์จึงตักโจ๊กในชามแล้วเป่าและป้อนให้กับมีนาอย่างเอาใจ
“อร่อยไหม??”
“อื้ม!!..อร่อยจังเลยค่ะ”
มีนาและเชนท์นั่งทานโจ๊กหลังร้านกันสองคนทั้งคู่คอยพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจกัน จนเมื่อทานเสร็จจึงลุกออกไปที่หน้าร้านด้วยสีหน้าท่าทางปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น