“ โธ่เอ่ยลูกแม่ “ แม่ของเธอเอ่ยปลอบพลางดึงลูกสาวเข้าไปกอดในอ้อมอก เป่ยลู่กอดตอบแม่ของตนเองโดยมีสายตาห่วงใยจากพ่อและน้องชายส่งให้
“ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงห่วง “
“ ไม่เป็นไรแล้วนะเสียวลู่ พ่อกับแม่เป็นห่วงและรักลูกเสมอ “
“ ใช่ ผมก็รักพี่ใหญ่นะครับ “ เป่ยซานเอ่ยขึ้นตามพ่อแม่ของเขา
“ พ่อคะแม่ ถ้าฉันจะขอกลับมาอยู่ด้วย พ่อกับแม่จะว่าอะไรไหมคะ ฉันถูกบ้านหลี่ไล่มาพร้อมกับหนังสือหย่าขาดด้วย “
“ ไม่เป็นไรอยู่บ้านเรานะ พ่อแม่ดีใจที่ลูกมีชีวิตรอดกลับมา “
“ แต่คนข้างนอกอาจจะ “
“ ช่างคนข้างนอกเถอะ พ่อกับแม่ไม่สนใจคำพูดพวกนั้นหรอก “
“ ขอบคุณค่ะพ่อ ขอบคุณนะคะแม่ เธอด้วยนะอาซาน “
“ คุณคะวันนี้เราหยุดสักวันเถอะ “
“ อืม งั้นผมขอไปดูนาสักพักก็แล้วกัน จะรีบกลับมา “
พ่อของเธอเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกจากบ้านไป จากนั้นแม่จึงเล่าให้เธอฟังว่าตอนนี้ทางการได้จัดสรรทีี่ดินให้ชาวบ้านทำกิน จำนวน 8ไร่ ซึ่งแบ่งตามจำนวนคนในบ้าน ไม่ต้องลงงานในแปลงนาเพื่อแลกแต้มอีกแล้ว ส่วนที่ดินที่ได้รับแบ่งมานั้นบ้านหวงปลูกข้าวโพดและทำนาข้าวเอาไว้กินเอง
อาจมีบางครั้งที่ชาวบ้านมาขอซื้อเนื่องจากพวกเขาได้ผลผลิตน้อยไม่พอกินในครอบครัว
ซึ่งแม่ของเธอก็ขายให้ในราคาถูก เพราะเห็นเป็นคนกันเองในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านส่วนมากจึงมีความเกรงใจคนบ้านหวงอยู่บ้าง
“ จริงด้วย ฉันซื้อซาลาเปามาฝากทุกคนด้วยนะคะ “ เป่ยลู่ทำทีหยิบซาลาเปาออกมาจากกระเป๋าผ้าที่เธอสะพายกลับมาด้วย ซึ่งกระเป๋าใบนี้เธอขอเศษผ้าจากหญิงชราบ้านหลิวมาตัดเย็บเพื่อทำเป็นกระเป๋าสะพายใส่ของนั่นเอง
“ ลูกกินเถอะ แม่ยังไม่หิว “
“ อาซานมาเอาซาลาเปาไปกิน ไม่ต้องห่วงพี่ซื้อมาให้ได้กินครบทุกคน “ เป่ยลู่ให้น้องชายไป 1ลูก แม่และตัวเธอเองคนละลูกยังเหลืออยู่อีกตั้ง 7ลูก จึงไม่ต้องกลัวว่าพ่อจะไม่ได้กิน
“ แม่ยังไม่หิวจริงๆ “
“ แม่คะ ฉันมีอีกหลายลูก แม่กินกันเถอะค่ะ “
เป่ยลู่คะยั้นคะยอให้แม่ของเธอยอมกินซาลาเปาในมือ ส่วนแม่ของเธอก็จำใจต้องกินเพราะลูกสาวคนโตคะยั้นคะยอไม่หยุด อีกใจก็ห่วงสามีเกรงว่าเขาอาจจะหิว จึงอยากจะแบ่งเอาไว้ให้เขาสักครึ่งลูก
แต่เมื่อลูกสาวบอกว่ายังมีอีกหลายลูก เธอจึงต้องกินจนหมดไม่เหลือไว้ให้สามีตามที่ตั้งใจ
เป่ยลู่ที่คิดว่าในมิติยังเหลือซาลาเปาอยู่แค่ 7ลูกนั้นที่จริงแล้วไม่ใช่ มิติที่เธอได้รับมานั้น ภายในไม่มีอะไรนอกจากบ่อน้ำพุวิญญาณที่เทพฝึกหัดให้มา
แต่เมื่อเธอนำสิ่งของหรืออะไรก็ตามเข้าไปในมิติ เมื่อเธอหยิบออกมามันจะเพิ่มจำนวนเท่าเดิมเหมือนตอนที่ใส่เข้าไป ซึ่งก็แปลว่า ตอนนี้เธอเหลือซาลาเปา 10 ลูกเท่าเดิมและไม่มีวันหมด นี่คือความวิเศษของมิติที่เทพฝึกหัดไม่ทันได้บอกเธอ
หลังจากที่กินซาลาเปาอิ่มแล้วเธอก็ช่วยน้องชายเก็บฟืนที่พ่อตัดเอาไว้เข้าไปเรียงในครัว ซึ่งอยู่ติดกับบ้าน เพราะครัวของบ้านนี้แยกออกไปด้านนอก โอ่งน้ำขนาดใหญ่มีน้ำใส่อยู่เต็มโอ่งคาดว่าคงเป็นฝีมือของพ่อและน้องชาย
“ อาซาน แล้ววันนี้เธอไม่ไปเรียนหรอ “
“ พี่ใหญ่ ผมอายุ 12ปีแล้ว จบชั้นประถม 6 แล้วนะครับ “
“ ทำไมเร็วจังเลยล่ะ กว่าพี่จะเรียนจบก็ตอนอายุ 15เลยนะ “
“ ก็เพราะผมเรียนเก่งไงครับ อีกอย่างพี่รองช่วยสอนแล้วก็ช่วยส่งผมเรียนด้วย “
“ แล้วพี่รองของเธอสบายดีใช่ไหม “
“ ครับ พี่เขยดีต่อเธอมาก ตอนนี้คงใกล้จะคลอดแล้ว พวกเราตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมอยู่พอดี “
“ ใช่จ้ะ แม่กับพ่อพวกเราตั้งใจว่าเดือนหน้าจะไปเยี่ยมเสี่ยวฟางที่บ้าน เสี่ยวลู่ไปกับแม่สิ น้องคงดีใจที่เจอลูก “
“ ค่ะ ฉันจะไป “ เป่ยลู่นึกถึงน้องสาวคนรอง ใบหน้าเล็กๆจิ้มลิ้มผิวขาว ตากลมโต น้องสาวชื่อว่า เป่ยฟาง ตอนนี้อายุ 16ปี คาดไม่ถึงว่าน้องสาวจะแต่งงานเร็วกว่าเธอด้วยซ้ำแถมตอนนี้ยังใกล้คลอดแล้วอีกด้วย แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องที่ดีแหละนะ
ทางด้านหวงเป่ยหรงนั้นเขามาดูที่นาของตนเอง หลังจากที่ได้พูดคุยกับลูกสาวคนโตแล้ว
ตอนนี้กำลังจะเดินกลับไปที่บ้าน ซึ่งภรรยาและลูกๆกำลังรออยู่ เขาเดินกลับอย่างสบายใจ แม้ว่าลึกๆแล้วจะอดที่จะสงสารลูกสาวคนโตไม่ได้ แต่เขาเป็นพ่อ เป็นผู้นำครอบครัว เขาจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเด็ดขาด
“ กลับแล้วหรออาหรง ได้ข่าวว่าเสี่ยวลู่กลับมาเยี่ยมบ้านหรอ “
“ ครับลุงจาง “
“ ดีๆ แล้วเสี่ยวฟางล่ะใกล้คลอดหรือยัง “
“ ลูกเขยบอกว่าเดือนหน้านี้แล้วครับ “
เป่ยหรงเอ่ยตอบชายชราแซ่จางเมื่อเดินผ่านบ้านของเขาไปยังบ้านตนเอง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดเรื่องของลูกสาวทั้งสองของเขากัน ชาวบ้านถึงได้รู้กันทั่วแบบนี้ เขาถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย แล้วรีบเดินกลับบ้านตนเองไป
“ นี่ตาเฒ่าจาง คุณไม่รู้อะไร เสี่ยวลู่น่ะฉันได้ข่าวมาว่าแม่สามีขับไล่ออกมาต่างหากช่ะ ถึงได้กลับมาที่บ้านหวง “
“ แล้วเธอรู้ได้ยังไง “
“ ก็หลานสาวฉันอยู่ในหมู่บ้านนั้นนะสิ “
“ งั้นหรอ “ เฒ่าจางไม่ได้สนใจคำพูดของหญิงคนนั้นที่เอ่ยบอกมา เขาเพียงนั่งเงียบๆมองดูหลานชายตนเองนั่งเล่นอยู่บนพื้นต่อไป ส่วนหญิงชาวบ้านที่เห็นว่านินทาลูกบ้านหวงกับเฒ่าจางไม่ได้แล้วก็เดินกลับไปนั่งใต้ต้นไม้เช่นเดิม