มาดริด,สเปน
ทันทีที่ประตูห้องทำงานเปิดห้องตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังก้าวเท้าเดินหน้าเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของสาวน้อยในดวงใจด้วยสีหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มส่วนคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่กลับไม่ได้สนใจการมาของปีศาจร้ายที่คอยวุ่นวายอยู่กับเธอแม้แต่น้อย เพราะหญิงสาวเข้าใจว่าบุคคลที่เปิดประตูห้องทำงานของเธอคงเป็นบอดี้การ์ดที่พี่ชายส่งมาดูแลช่วงที่เธอมาดูแลงานแทนพี่ชายคนรอง
ราฟาเอลยืนมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกใจ เขาเปิดประตูเข้ามาเกือบห้านาทีแล้ว แต่เหตุใดหญิงสาวถึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องสักนิด นี่ถ้าหากเขาเป็นคนร้าย มีหวังเธอคงถูกฆ่าไปแล้ว
“จะไม่เงยหน้ามามองผมหน่อยหรือฮันนี่” เพียงเท่านั้นแหละ ใบหน้าหวานมองเจ้าของเสียงอย่างตกใจ แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกโกรธคงเป็นสรรพนามที่ชายหนุ่มใช้เรียกแทนชื่อเธอเสียมากกว่า
“คุณเข้ามาในห้องทำงานฉันได้ยังไง?”
“ผมก็เปิดประตูเข้ามาสิ ฮันนี่”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ” ฟารีน่าร้องแหว หญิงสาวลุกขึ้นยืนก่อนตัดสินใจเดินออกมาจากโต๊ะทำงานแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าปีศาจตัวร้ายที่คอยรบกวนและวุ่นวายกับเธอมาตลอดหลายปี ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีว่าเธอไม่ชอบและไม่ยินดีจะเป็นแฟนกับเขาแม้แต่น้อย
แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มไม่สนใจกับสิ่งที่เธอพูดสักนิด เขายังคอยติดตามและสืบข่าวของเธอตลอดเวลา ไม่ว่าเธอไปไหน เธอก็ต้องเจอเขาที่นั่นเหมือนกัน อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วแต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมแต่งงานเสียที!
“ไม่เอาน่าฮันนี่ เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือครับ”
“ใครเป็นแฟนกับคุณไม่ทราบ อย่ามาทำตัวปัญญาอ่อนที่นี่ ฉันว่าคุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย เพราะที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ”
ฟารีน่าพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ เมื่อใดที่เธอกำจัดผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิต คงจะดี นี่ถ้าไม่ติดว่าถูกพี่ชายคนโตบังคับให้มาดูแลงานแทนพี่ชายคนรองล่ะก็ เธอไม่มีวันเหยียบมามาดริดเด็ดขาด
“ก็คุณไงครับฮันนี่ที่เป็นแฟนผม และอีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นภรรยาของผมด้วย” ราฟาเอลตอบหน้าตาย ใบหน้าคมสันก้มลงมามองร่างเล็กบอบบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทุกครั้งที่เขาเห็นใบหน้าหวานบูดบึ้งเพราะคำพูดชวนทะลึ่ง เขาก็มักเห็นแก้มนวลแดงซ่านจนเขาอยากก้มลงไปหอมให้มันหายร้อนรุ่ม จะว่าไปเขาก็ไม่เคยได้ทำตามที่ใจคิดสักครั้ง เพราะคนตัวเล็กของเขามักโวยวายและด่าทอเขาตลอด นับตั้งแต่รู้จักกันมาจนตอนนี้ก็เกือบห้าปีไปเข้าไปแล้ว แต่เขายังไม่สามารถทำให้หัวใจดวงนี้ยอมใจอ่อนกับเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเธอหรือเปล่าในชาตินี้
“มองฉันแบบนี้หมายความว่าไงคุณราฟาเอล”
“ก็มองคนน่ารักสิครับ ไปกันเถอะนี่ก็เที่ยงแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า”
“ฉันไม่ไป! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ไปไหนกับคุณอีก” ฟารีน่าตอบเสียงเขียว เรื่องอะไรที่เธอต้องทานข้าวเที่ยงกับเขาด้วย เพราะทุกครั้งที่เธอต้องไปทานข้าวกับเขา เธอจะไม่ได้กลับมาทำงานทุกที
เหอะ! สองครั้งก็เกินพอแล้ว จากนี้ไปเธอจะไม่ยอมเชื่อใจและยอมไปไหนกับเขาเด็ดขาด
“ยังโกรธผมอยู่อีกหรือ ฮันนี่?” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าคมสันลงมาจนเกือบแนบไปกับดวงหน้าหวานที่ดูจะบูดบึ้งอย่างหนัก เมื่อเขาเคยทำผิดสัญญาเมื่อคราวก่อน แต่จะว่าไปมันผ่านมาเกือบปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าสาวน้อยคนนี้ยังจำมันได้อีก ถ้าเธอไม่พูดออกมา เขาก็คงจะจำไม่ได้แล้ว
“คนบ้า! ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกฉันว่า ฮันนี่!” ฟารีน่าร้องโวยวาย พร้อมกับฟาดฝามือเล็กบางลงบนแผงอกกว้างอย่างลืมตัว ก่อนร้องกรี๊ดออกมาเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็ดึงร่างเธอเข้าไปกอด
“งั้นก็เรียก ‘ที่รัก’ ได้ใช่ไหมครับ”
“ว๊ายยย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะนายราฟาเอล จะเรียกฮันนี่หรือที่รักก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”
“อย่างทำหน้าแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวผมก็ปล้ำคุณ”
“ไอ้บ้า ไอ้คนปากเสีย! ลองคุณปล้ำฉันสิ ฉันจะแจ้งความจับคุณหรือไม่ฉันก็จะฆ่าคุณซะ แล้วเอาศพไปทิ้งกลางทะเลทราย”
“น่ากลัวจังเลยฮันนี่ แต่ผมไม่กลัวหรอก เพราะถ้าคุณแจ้งความ ผมก็ขอคุณแต่งงานต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมันเสียเลย หรือไม่ผมก็ลงข่าวหน้าหนึ่งไปเลยว่า ทายาทสาวเพียงคนเดียวของตระกูลอัมฟาล อัล ราเฟลกำลังแต่งงานกับทายาทหนุ่มหล่อ ไฟแรงอย่างราฟาเอล เซอเรนโซ ผมว่างานนี้เราสองคนคงต้องดังเป็นพลุแตกแน่นอน หรือฮันนี่ว่าไง?” ราฟาเอลตอบเสียงยียวน ยิ่งเห็นใบหน้าหวานแดงซ่านก็ยิ่งชอบใจ และที่สุดยอดไปกว่านั้นเขาชอบมองดวงตาคู่สวยของเธอเหลือเกิน เพราะในยามที่หญิงสาวโกรธ เขารู้ดีว่าดวงตาคู่นั้นมันช่างสวยงามน่าค้นหาเป็นที่สุด
“ใครมันจะบ้าไปแต่งงานกับผู้ชายเจ้าชู้ นิสัยแย่อย่างคุณ อีกอย่างฉันไม่นิยมกินคนแก่”
“แต่บังเอิญว่าผมชอบกินเด็ก และเด็กคนนั้นก็คือนางสาวฟารีน่า อัมฟาล อัล ราเฟลเสียด้วย”
ฟารีน่าถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อฟังคำพูดห่ามนั่นจบ หญิงสาวมองใบหน้าคมสันตาเขียวปั๊ด นี่สรุปว่าทุกคำพูดที่เธอเคยพูดมาตั้งหลายปี เขาไม่ได้สำนึกเลยหรือ
“ผมไม่อยากเถียงกับฮันนี่แล้ว เราไปทานข้าวกันเถอะ”
“ไม่!” ฟารีน่าปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดเลย เธอไม่มีทางออกไปทานข้าวกับเขาเด็ดขาด
“ไปเถอะ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” แล้วชายหนุ่มก็ปล่อยร่างเล็กบอบบางลงก่อนหันไปหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กขึ้นคล้องที่หัวไหล่ จากนั้นก็หันมาจับข้อมือเล็กเอาไว้แน่น แล้วก็ดึงร่างฟารีน่าให้เดินตามเขาออกมาจากห้อง โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนขัดขืนแม้แต่นิดเดียว
“ปล่อยฉันนะคนบ้า! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปทานข้าวกับคุณนะ”
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...