ตอนที่5 ภรรยาตามกฏหมาย
หญิงสาวร่างระหงส์สวมกอดคนตัวสูงจากทางด้านหลังก่อนจะจุมพิตลงบนแผ่นหลังที่ไร้อาภรณ์อย่างหลงไหล
“เรย์คิดจะทำอะไรกันแน่”
“เมียน้อยเขาน่ะเหรอ”
“อืม เรย์จะทำอะไร” ชายหนุ่มพ่นควันบุหรี่ลอยคลุ้งพร้อมกับครุ่นคิดอยู่เหมือนกันว่าเขาจะจัดการยังไงกับผู้หญิงคนนั้นดี
“น้ำว่าเรย์อย่าไปยุ่งเลยดีกว่า เดี๋ยวก็ทะเลาะกับพ่ออีก”
“ฉันไม่ได้กลัวทะเลาะกับเขาสักหน่อย”
“นั่นแหละ น้ำไม่อยากให้เรย์กับพ่อแตกหักกันไปมากกว่านี้” น้ำค้างขยับใบหน้ามาส่งสายตาอ้อนวอน เธอไม่สบายใจ เมื่อคนที่รักห่างเหินกับครอบครัวมากขึ้นทุกวัน
“ถ้าเมียน้อยคนนั้นเป็นของรักของเขาก็น่ายุ่งอยู่นะ จะปล่อยให้มีความสุขอยู่คนเดียวได้ยังไง”
“เรย์...”
“น้ำค้าง” เขาเอ่ยชื่อเธอเสียงทุ้มแล้วเงียบไป คล้ายบอกให้รู้ว่าเธอกำลังล้ำเส้นพื้นที่ของเขา
“อย่าไปหลงมันเข้าอีกคนก็แล้วกัน”
“เธอคิดว่าฉันพิศวาสผู้หญิงแบบนั้นได้ลงเหรอ”
“มันก็ไม่แน่ ความรักมันไม่เลือกคนหรอกนะ”
“เหอะ” มุมปากของชายหนุ่มระบายยิ้มเกือบจะหลุดขำ ความรักนั่นเขาอาจจะมีแต่ไม่ใช่กับผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้น
“ฉันไม่นอกใจเธอหรอกน่า”
“ก็ลองนอกใจดูสิ น้ำจะหนี” รัชชานนท์ทิ้งมวนบุหรี่อย่างไม่ลังเลก่อนจะไล่ต้อนมอบจูบกลิ่นควันอ่อน ๆ ให้เธอ
.....
ร่างสูงเดินฝ่าความแออัดท่ามกลางเสียงเพลงจังหวะมันส์ ๆ อึกกระทึกเข้าไปยังโต๊ะที่เพื่อนได้มาถึงก่อน
“กกเมียอยู่สิมึง” ตะวันหันมาทักหลังเขานั่งลงได้ไม่กี่วินาที
“เสือก”
“น้ำค้างนี่ดีฉิบหาย ชาตินี้กูคงหาอย่างเมียมึงไม่ได้หรอก”
“คนสันดานเสียแบบมึงไม่เหมาะกับผู้หญิงอย่างน้ำค้างหรอก” รัชชานนท์ว่าให้เพื่อนสีหน้านิ่งเรียบแต่อีกคนนั้นเจ็บแสบใช่เล่น
“พูดเหมือนมึงเป็นคนดี”
“อย่างน้อยก็หน้าตาดีล่ะวะ” เจษฎาเพื่อนอีกคนที่นั่งเงียบอยู่เอ่ยขึ้น และเรื่องที่เขาพูดก็เป็นเรื่องจริงอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
รัชชานนท์ ชายหนุ่มหน้าตาสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ รูปร่างสูงโปร่งและกำยำจนเคยมีแมวมองมาทาบทามให้เขาเข้าวงการบันเทิงแต่ก็ถูกปฏิเสธไปอย่างไม่ลังเล แต่เพื่อนอีกสองคนก็ไม่ได้แพ้กันเท่าใดนัก
“ไอ้เรย์ โต๊ะนั้นจ้องมึงนานแล้วน่ะ”
“อืม”
“อืมนี่เอาหรือไม่เอา”
“เอา” ปากตอบเพื่อนแต่ส่งสายตาวาวระยับกลับไปให้หญิงสาว ในสถานที่แบบนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันแค่มองตากันก็รู้ว่าต้องการอะไร
“นี่ขนาดมึงรักน้ำค้างนะ”
“รักไง ถึงไม่ให้รู้” รัชชานนท์ยกแก้วเหล้าขึ้นกรอกลงคอส่งท้ายก่อนจะลุกไปหาสาวสวยที่นั่งอยู่อีกโต๊ะและเพียงเวลาไม่ถึงสิบนาทีทั้งสองก็ออกไปจากที่แห่งนี้พร้อมกัน...
กวินกลับเข้าบ้านสุริยเดชครั้งแรกในรอบสัปดาห์ เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่พิมล เมียรุ่นลูกที่มอบความสุขให้เขาได้อย่างอิ่มเอม
“จำทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอคะ”
“เดือน” กวินมองภรรยาในทะเบียนสมรสราวกับเธอเป็นคนอื่น
“กลับมาเอาเงินไปให้มันถลุงอีกหรือไง”
“วันนี้มีประชุมอย่าหาเรื่องได้มั้ย” เดือนเพ็ญถูกต่อว่าน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะถูถทิ้งให้อยู่กับความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ก่อ
“กลับมาก็อารมณ์เสีย ทีตอนหายไปคงจะมีความสุขกันมากสินะคะ”
“ก็สุขกว่าอยู่กับคุณ” กวินตอกกลับพร้อมกับเปลื้องเสื้อผ้าที่ติดกายมาจากบ้านนั้นต่อหน้าภรรยาหน้าตาเฉย เดือนเพ็ญเบ้หน้าน้ำตาคลอเมื่อเห็นร่องรอยที่เมียน้อยมันประดับประดาบนตัวสามีของเธอ
“อุบาศก์”
“เหอะ ไม่มีปัญญาแบบทำเขาก็ว่าเถอะ” กวินไม่สะทกสะท้านคำผรุสวาสนั้นสักนิดแถมยังทำท่าเหมือนภูมิใจเสียอีก
“ฉันไม่ใช่โสเภณีแบบมันหนิ”
“หัดไว้บ้างก็ดีนะ นอนแข็งเป็นไม้ใครมันจะเอาลง”
“ในสมองของคุณมันก็คิดได้แค่นี้สินะ” เดือนเพ็ญตวาดเสียงดังแต่กวินกลับเดินไปที่ห้องน้ำหน้าตาเฉยเหมือนไม่ได้ยินเสียงเธอ
ถึงก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอจะอารมณ์พุ่งปรี๊ดแต่ก็ลงมาทานมื้อเช้ากับสามี กวินจิบเพียงกาแฟไม่แลอาหารคาวเบื้องหน้าเลยสักนิด
“กินแค่กาแฟจะอิ่มเหรอคะ”
“ผมกินมื้อเช้ามาแล้ว”
เคร้ง
เดือนเพ็ญหมดความอยากอาหารขึ้นมาทันทีทั้งที่คิดว่าวันนี้เธอน่าจะกินได้เยอะกว่าทุกวัน
“มารยาทผู้ดีมันแก่ตามอายุไปแล้วหรือไง”
“...”
“ทนไม่ได้ก็เซ็นต์ใบหย่ามาซะสิ”
“ฉันจะฟ้องชู้ อีพระพายของคุณจะไม่ได้เสวยสุขอย่างสบายหรอก” กวินยกยิ้มเมื่อภรรยาขู่ฟ่อ แถมข้อมูลยังคลาดเคลื่อนไปเยอะขนาดนั้นอีก
“ก็เอาสิ ผมจะช่วยผู้หญิงของผมเอง”
“กวิน! ทำไมคุณถึงได้เลวขนาดนี้ ตาเรย์ไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ก็เพราะความระยำของคุณ”
“จะมากเกินไปแล้วนะเดือน”
“น้อยไปสิ หมามันยังไม่ทำร้ายลูกเมียเลยคุณมันเลวยิ่งกว่าหมา!”
เพี๊ยะ!!!
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนแก้มเกิดขึ้นกลางห้องโถงใหญ่ของบ้านสุริยเดช เดือนเพ็ญเกือบหน้าคะมำลงไปบนโต๊ะอาหารดีที่ค้ำยันไว้ทัน หยดน้ำตาของภรรยาตามกฏหมายร่วงเผาะลงในจานข้าวอย่างน่าเวทนา
“เซ็นต์ใบหย่ามาให้จบ ๆ”
“ไม่มีวัน อย่าหวังว่าจะอยู่กันอย่างมีความสุขเลย”
“เออ ชอบอยู่แบบนี้ก็อยู่” กวินคว้าสมาร์ทโฟนบนโต๊ะอาหารติดมือออกมาอย่างหงุดหงิด เขาหันหลังให้ภรรยาโดยไม่มีแม้แต่คำว่าเห็นใจให้เลย