จวนสกุลหลัวของ ไค่กั๋วกง
หลัวถงหยินกำลังบังเกิดความตึงเครียดอย่างรุนแรงที่ห้องหนังสือที่ใต้เท้าหลัวใช้เป็นห้องทำงานยามเมื่ออยู่ยังจวนไค่กั๋วกงแห่งนี้
...ปัง! ...
ฝ่ามือหนาตบโต๊ะตัวใหญ่อย่างพลั้งเผลอกายใจว่ายามนี้ตนเองกำลังพูดคุยอยู่กับผู้ใดไปชั่วขณะจนบังเกิดเสียงดังสะท้อนก้องไปจนถึงภายนอกซึ่งมีผู้แอบฟังอยู่ถึงสองผู้มีผลให้พวกนางสะดุ้งกันตัวลอย
“ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวท่านต้องการจะกล่าวอันใดกันแน่! ...ก็บอกไปจนชัดแจ้งว่าหรั่นเอ๋อร์นางยังป่วยมิอาจตกแต่งให้ผู้ใดได้ในยามนี้ทั้งสิ้นอย่างไรเล่า”
ชายสูงวัยที่เส้นผมทั้งสิ้นกลายเป็นสีขาวไปแล้วเกือบค่อนใบหน้านั้นก็ขึ้นสีแดงเข้มจัดย่อมแจ่มชัดว่าเขานั้นกำลังมากมายไปด้วยไฟโทสะต่อหญิงชราผู้ซึ่งยังคงนั่งกดรอยยิ้มเยือกเย็นยังเก้าอี้ฝั่งซ้ายมือของเขา
“เช่นนั้นข้าก็มิคิดกล่าวอ้อมค้อมแล้ว...บุตรสาวของท่านนั้นข้าต้องการนางไปเป็นภรรยาของหลานชายข้า! ...ต่อให้ต้องรับนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวทั้งที่ไร้สติข้าก็มิเปลี่ยนใจ”
ผู้กล่าวอย่างมิอาทรว่าผู้ฟังนั้นแทบล้มลงไปทั้งยืนยามเมื่ออีกฝ่ายที่เหนือกว่าเอ่ยความต้องการจริงแท้ออกมาเขาหรือจะมิแจ้งใจสัญญาหมั้นหมายมีมาแต่อดีตฮ่องเต้ยังทรงมีชีวิต แต่ตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้วที่สำคัญหลัวหรั่นเหยียนเป็นตายนางก็จะแต่งให้แก่ไท่จื่อเท่านั้นเขาที่เป็นบิดาเองก็เห็นดีเห็นงามเพราะไหนจะอนาคตของบุตรชายคนโตที่จะต้องก้าวหน้าหากมีน้องสาวภายภาคหน้าได้เป็นฮองเฮาหรือต่อให้ไปไม่ถึงตำแหน่งนั้นอย่างน้อยก็คงไม่ทิ้งตำแหน่งกุ้ยเฟยแล้วหากกลับกันนางแต่งออกไปกับบุรุษที่ยามนี้ข่าวแจ้งชัด นอกจากเป็นอ๋องสิ้นอำนาจแม้แต่ดวงตามืดบอดใบหน้าที่เคยหล่อเหล่าก็กลายเป็นอัปลักษณ์ส่งนางไปก็เท่ากับส่งลูกรักไปลงขุมนรกใครจะตัดใจไปได้ลงกัน
“...ท่าน...ท่านฮูหยินผู้เฒ่าหลิว! ท่านเสียสติไปแล้วเช่นนั้นหรือจึงต้องการหรั่นเอ๋อร์ของข้าไปตกแต่งให้แก่ฉีหวางที่...หึ...ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าอันใดเป็นอันใด...เช่นไรข้าก็ยืนยันคำเดิมบุตรสาวของข้านางยังร่างกายอ่อนแอตกแต่งออกไปให้บุรุษใดมิได้ทั้งสิ้น”
...เกรงว่ามิเกินสิบวันให้หลังคนที่อ้างว่าเจ็บป่วยจนสาหัสก็คงเร่งตกแต่งขึ้นเกี้ยวเขาตำหนักตงกงมิผิดไปเป็นแน่...
นั่นกลับยิ่งส่งให้ใบหน้าที่ยังเยาว์กว่าอายุจริงของฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเปิดรอยยิ้มเยือกเย็นไปอีกเจ็ดส่วนนางนึกย้อนไปก่อนออกเดินทางมาเมืองหลวงเพียงไม่กี่ชั่วยาม
ทุกสิ่งที่ออกมาจากปากของหานหย่งไท่ทำให้นางยิ่งกว่าเจ็บแค้นต่อคนตระกูลหลัวกับฝ่ายของไท่จื่อและอาจเผื่อแผ่ไปถึงองค์ฮ่องเต้ที่เป็นอดีตลูกเขยอีกด้วย เพราะแผนคิดสังหารหลานของนางหากไม่มีคนอยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่พอไฉนเลยจะหาญกล้าลงมือยังกลางเมืองหลวงเช่นนั้น
แต่แผนที่นางวางไว้ว่าจะมาทวงเอาคำสัญญาหมั้นหมายแต่แรกกลับถูกหานหย่งไท่ทัดทานมิให้ยกเลิกหากแต่คนที่จะถูกนำกลับไปหาใช่อสรพิษเช่นหลัวหรั่นเหยียนหากแต่เป็น...สองพี่น้องหลัวเหม่ยฉีและหลัวเหม่ยเหยานั่นต่างหาก
ยามแรกนางเองถึงกับงงงันว่าเหตุใดหลานชายจึงยังคิดเกี่ยวดองกับคนตระกูลหลัวที่ถึงกับร่วมมือกับฝ่ายไท่จื่อสังหารเขาโดยแท้หากตกแต่งคนจากตระกูลนี้เข้าไปร่วมห้องหอจะมิต่างจากนำงูพิษมาชุบเลี้ยงไว้ขบกัดหรืออย่างไร?
'ท่านยายฟังเหตุผลสำคัญอาไท่สักเล็กน้อย ที่ต้องแต่งสองพี่น้องนั่นเข้ามาให้ได้ก็เพราะตระกูลฝ่ายมารดาของเด็กสองคนนั้นมีตำราการแพทย์สำคัญยิ่งและเพราะเหตุผลนี้คนใจอำมหิตเช่นหลัวถงหยินจึงชุบเลี้ยงหลานสองคนมาจนถึงป่านนี้แล้วหากเราชิงพวกนางมาท่านยายคิดว่าอย่างไรเล่า? '
และนี่จึงเป็นที่มาของวันนี้ที่ฮูหยินผู้เฒ่านางมิได้ก้าวเข้าวังไปท้าตีกับเจ้าคนสมควรตายผู้นั้นแต่นางเลือกจะตรงมาแสร้งทวงสัญญาซึ่งย่อมแน่แท้เจ้าคนชั่วตรงหน้าคงมิยินยอม
"นั่นสินะ...หากข้าเป็นท่านก็คงทำเช่นนี้...ยกเลิกสัญญาเสีย..."
หญิงชราเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลแสดงให้เห็นว่านางนั้นแสนจะเห็นใจจริงแท้ทั้งที่ภายในใจอยากฆ่าคนตรงหน้าให้ตายลงด้วยมือตนเองแทบแย่
"แต่...ท่านอย่าลืมว่าการหมั้นหมายนี้อดีตฮ่องเต้ประทานหากบิดเบือนท่านย่อมรู้...โทษก็มิใช่เบานัก...กั๋วกงคิดว่าคนตระกูลหลัวจะรับไหวหรือไม่เล่า"
นางวางหมากรุกฆาตอย่างใจเย็นเช่นไรนางกับอดีตฮ่องเต้ก็เติบโตเป็นสหายร่วมสำนักเรียนกันมาย่อมต้องมีความรู้อ่านเกมกลโกงพอประมาณ แล้วยิ่งสุดท้ายต้องกลายเป็นหญิงหม้าย ต้องปกป้องคนตระกูลหลิวหลายร้อยชีวิตหากนางมิเท่าทันคนเกรงว่าคงสิ้นชื่อไปนานแล้ว
ซึ่งก็เป็นไปตามแผนการยามนี้ใบหน้าของหลัวถงหยินซีดเซียวจนเห็นได้ชัดเจนฮูหยินผู้เฒ่าหลิวนางจึงแสร้งยกถ้วยน้ำชาขึ้นแตะยังริมฝีปากหากทว่านางมิได้ดื่มลงไปนางเพียงรอเวลา...รอเวลาที่เจ้าคนชั่วผู้นี้ทนต่อความกดดันต่อไปไม่ไหว
"ข้ากล่าวตามตรงก็ได้ยามนี้บุตรสาวข้าเตรียมเข้าวังไปถวายตัวต่อองค์ไท่จื่อแล้วหากท่านอยากได้นางจริงก็ให้ไปทูลขอต่อฝ่าบาทเถิด
หึ...ช่างกล่าวออกมาได้โง่เง่าและฆ่าตนเองโดยแท้
"เช่นนั้น...ข้าก็คงจะมิอาจขัดกั๋วกงได้สินะ"
นางแสร้งระบายลมหายใจหนักหน่วงก่อนขยับกายเตรียมลุกขึ้นด้วยกิริยาเนิบช้ามิเร่งร้อนก้าวไปจนเกือบถึงประตูด้านหน้าฮูหยินผู้เฒ่าจึงทำเป็นเพิ่งนึกบางสิ่งขึ้นมาได้เล็กน้อยหันกลับไปหาหลัวถงหยินอีกครั้ง
"อ้อ...ข้าลืมไปจนสิ้นว่าจะสอบถามท่านกั๋วกงสักเล็กน้อย...มิทราบว่าท่านยังพอจดจำสิ่งนี้ได้อยู่หรือไม่มันเป็นของสามีข้าส่งมอบเอาไว้นานแล้ว...เข้าวังครั้งนี้เลยคิดนำมาสอบถามความสำคัญของป้ายนี้กับฝ่าบาทสักหน่อยแต่คิดไปคิดมาหญิงชราบ้านนอกบ้านนาเช่นข้าอาจทำขายหน้าจึงคิดว่าลองถามเอากับท่านกั๋วกงคงจะพอมิทำให้ขายหน้าไปถึงสามีบนสวรรค์"
ป้ายทองที่สลักลวดลายมังกรเหยียบเมฆาเป็นผู้ใดที่จะมิรู้ค่าของมันบ้างเล่าและเช่นกันหลัวถงหยินได้เห็นก็กายสั่นเทาต่อให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันออกหน้าช่วยเขาเกรงว่าโทษประหารสิ้นสกุลที่ขัดราชโองการอดีตองค์ฮ่องเต้ คงยากแล้วกายสูงใหญ่มีอันเซถลาทรุดลงนั่งด้วยขาเกิดสิ้นแรง รอยยิ้มเหี้ยมโหดของฮูหยินผู้เฒ่าหลิวจึงเปิดขึ้นเล็กน้อยหากแต่ผู้แลเห็นก็พลันหายใจสะดุด
...ยัยเฒ่าร้ายกาจ! ...
ชายวัยหกสิบหนาวตะโกนก้องภายในใจด้วยความแค้นเคืองเพราะแน่ชัดเช่นไรบุตรสาวตนเองมิอาจหนีพ้นเจ้าคนตาบอดแสนอัปลักษณ์เช่นหานหย่งไท่อย่างแน่แท้
"ว่าอย่างไรเล่าท่านกั๋วกงท่านจะช่วยอธิบายถึงความสำคัญของป้ายทองนี้ให้แก่ยัยเฒ่าบ้านนอกเช่นข้าได้พอแจ้งใจสักหน่อยได้หรือไม่"
มือสองข้างของหลัวถงหยินกำแน่นจนสั่นสะท้านยิ่งแลเห็นฮูหยินผู้เฒ่าก็ให้สาแก่ใจยิ่งนักหึ...หลานข้าอัปลักษณ์แล้วอย่างไร...ดวงตามืดบอดแล้วอย่างไร...เพราะเช่นไรจิตใจของหานหย่งไท่ก็ยังสูงส่งกว่าสตรีงดงามล่มเมืองเช่นหลัวหรั่นเ่หยียนอยู่หลายส่วน คนเช่นนั้นแต่งไปกับคนเช่นไท่จื่อก็นับว่าเหมาะสมกันดังศพเน่ากับโลงผุแล้วนางมิคิดอยากได้มาร่วมเรือนแม้สักน้อย
"เฮ้อ...เอาเถิดหากแม้แต่ท่านกั๋วกงยังไขความกระจ่างให้แก่ยัยเฒ่าบ้านนอกเช่นข้ามิได้ก็ไม่คิดรบกวนแล้วเพียงแต่ยามที่ข้าเข้าผ่านสวนด้านหน้าเกิดเอ็นดูแม่หนูผู้หนึ่งจึงสอบถามได้ความว่านางเป็นหลานสาวของท่านกั๋วกง"
ฮูหยินผู้เฒ่านางก้าวเดินไปยังบานหน้าต่างที่หันเปิดไปยังทิศทางของสวนสวยพอดีซึ่งยามนี้ก็เหมือนสวรรค์เปิดทางนางพบเข้ากับเป้าหมายที่ตนเองเดินทางมาในวันนี้เข้าพอดีเด็กสาวตัวเล็กแต่งกายมิแตกต่างจากสาวใช้ในจวนสักนิดหากว่าก่อนเดินทางหานหย่งไท่มิได้มอบภาพวาดคล้ายตัวจริงมาให้นางเองก็อาจมองไม่แจ้งใจเป็นแน่ว่าคนที่หลานชายนางต้องการคือผู้ใดในจวนนี้
"หากว่าท่านกั๋วกงยืนยันจะส่งบุตรสาวตนเองเข้าวังให้ได้ข้าเองก็เจียมตัวเจียมใจมิอาจเอื้อมไปดึงคุณหนูหลัวลงมาให้มัวหมองแต่ในเมื่อสัญญาเองก็ยากจะผิดไปได้เช่นนั้น...หลานสาวของท่านทั้งสองคนยกมันให้ตกแต่งกับฉีหวางเถิด"
กายที่คราวแรกยังนั่งสิ้นแรงถึงกับดีดเด้งลุกขึ้นว่องไว หลานสาวของเขาอย่างนั้นหรือ?
จะได้อย่างไร
หลัวถงหยินกู้ก้องด้วยเดือดดาลเพราะที่รับเลี้ยงดูสองพี่น้องลูกของน้องชายก็เพียงหวังสิ่งสำคัญซึ่งนี่ก็สิบหนาวเขายังมิสมใจแล้วจะปล่อยไปได้เช่นไรกันปล่อยมิได้เด็ดขาดยิ่งยามนี้หลานคนโตนางตายลงเหลือเพียงหลานคนเล็กเท่านั้นและหลัวเหม่ยเหยาก็เป็นความหวังเดียวของเขายามใดนางครบวัยยี่สิบหนาวเขาก็สามารถนำเอาโลหิตของนางไปเปิดกล่องเก็บตำราแพทย์ล้ำค่านั่นได้แล้วนี่อีกเพียงห้าหนาวเขาจะยอมได้อย่างไร
"ไม่ได้! "
เขาเผลอตวาดออกไปดุดันหากแต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวนางเพียงยืนจับจ้องไปยังภาพของเด็กสาวที่ถึงมิได้งดงามมากมายแต่ดวงตาของนางกลับโศกเศร้าจนนางที่ผ่านโลกมานานยังคล้ายจะสะเทือนใจในความเศร้านั้นของนาง เด็กผู้นี้ดูบริสุทธิ์ยิ่งนัก นางจะรู้หรือไม่เล่าว่าที่ผู้เป็นลุงเลี้ยงดูนางเพื่อประโยชน์ทั้งสิ้น พลันนั้นความคิดอยากช่วยเหลือกลับพุ่งถาโถมหัวใจของหญิงชราจากที่ยามแรกก็เพียงอยากช่วงชิ่งเอานางไปเป็นเครื่องมือสะสางบัญชีแค้นเท่านั้น
"เห็นทีท่านกั๋วกงคงต้องเลือกแล้ว...ระหว่างหลานสาวไร้ค่า...กับอนาคตของตระกูลหลัวและบุตรสาวสุดที่รักของท่าน...คงต้องคิดเลือกให้ดีแล้วจริงๆ เพราะยัยเฒ่าเช่นข้าก็ยอมถอยให้ท่านมากถึงเพียงนี้แล้ว"
แน่นอนว่าหากเป็นหลานสาวทั่วไปหลัวถงหยินคงเร่งรับปากไปแต่แรกแล้วแต่เพราะตำราโบราณเล่มนั้นมีค่าสูงส่งที่คนได้ครอบครองอาจมีอำนาจต่อรองได้แม้แต่องค์ฮ่องเต้เช่นนี้เขาจึงมิอาจปล่อยวางโดยง่ายเพราะคนเช่นพวกเขาวันนี้ยังมีประโยชน์องค์ฮ่องเต้ก็ดูโปรดปรานทว่าวันใดไร้ค่าแม้แต่ชีวิตก็อาจมิคงไว้เช่นนั้นย่อมต้องคิดหาสิ่งปกป้องตนเองทั้งสิ้น
...และที่สำคัญกว่าตำราแพทย์ก็คือป้ายอาญาสิทธิ์แห่งดินแดนสุ่ยโจวที่สืบทอดมาเนิ่นนานนั่นต่างหากเล่า...ที่ตาเฒ่าเช่นเขาต้องการที่สุด!
"เอาเป็นว่าข้าจะให้ท่านกั๋วกงคิดคำตอบสักสามราตรีก็แล้วกัน"
ฮูหยินผู้เฒ่าทิ้งหมากตัวสุดท้ายแล้วเปิดยิ้มอ่อนโยนที่ดูเช่นไรก็มิจริงใจ
"ขอตัวลา...อีกสามวันข้าจะมาพร้อมเกี้ยวเจ้าสาว"
นางทิ้งประโยคเด็ดที่สื่อว่าอย่างไรอีกสามวันคำตอบก็ต้องเป็นไปตามที่นางเรียกร้องซึ่งย่อมแน่อยู่แล้วระหว่างตำราแพทย์ที่มีเพียงคำกล่าวอ้างกับอนาคตของลูกสาวลูกชายกับชีวิตคนทั้งตระกูลหากมิใช่คนโง่เช่นไรย่อมต้องเลือกส่งคนให้นาง!