นที Say ::
งอน งอน งอนจนไม่ยอมคุยกับผมเลย ผมเป็นคนที่โดนตบนะ ผมโดนมาริจังงอนใส่ซะแล้ว เหตุเพราะเอาแขนไปโดนนมเธอ แต่เธอเอานมมาโดนผมเองอ่า กลายเป็นวันนี้ทั้งวันยอมคุยกับคุณติณแต่ไม่ยอมคุยกับผมเลย
“กลับมากลัวผู้ชายแบบเดิมแล้ว ฉันว่าแบบนี้สบายจู๋ ไม่ต้องมาอดทน” นี่มันวิธีปลอบอะไรของคุณ ผมมองมาริจังที่ยืนล้างจานเงียบๆ
“เธอคุยกับคุณแต่ไม่ยอมคุยกับผม” ผมงอนคุณติณด้วยอีกคน
“คุยบ้าบออะไร ถ้าคุณเข้ามาอีก ต่อให้ต้องใช้ช้อนแทงผ่านร่างของคุณฉันก็จะไม่ลังเล” คุณติณทำเลียนแบบเสียงของมาริจัง ที่แบบว่า โคตรจาาาาาาา ทุเรศเลย
“สมเป็นเธอดี”
“สมบ้าสมบออะไรฉันไม่ได้งานเลย สรุปแล้ว แม่เธอมารับช้าไป 1 ชั่วโมง เหตุการณ์ร้ายเลยเกิดขึ้น แต่พอแม่ของเธอมาถึงสถานีตำรวจก็ร้องห่มร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรที่ลูกสาวโดนกระทำ เรื่องนี้เริ่มซับซ้อน” คุณติณพูดขึ้นมาจากการสนทนาที่ได้รับรู้จากมาริยะเมื่อคืน
แต่บทสนทนาของเราก็ต้องหยุดลง เมื่อมาริจังเดินเข้ามาพร้อมกระดาษในมือ สีหน้าเขินอายที่ยังทำหน้ามุ่ยอยู่เดินเข้ามาหาเรา แล้วส่งกระดาษมาให้ผม กระดาษที่ผมจดรายละเอียดให้เธอไปสอบในชื่อนามสกุลใหม่
“หมอ ชื่อมาลิกา ฉันเข้าใจ แต่นามสกุลวิศวหฤทัยรัตน์ นามสกุลของใคร”
“ของหมอ ทำไมอ่า เธอไม่ชอบเหรอ” คำตอบของผมทำให้คนทั้งบ้านหันมองหน้าผมเป็นตาเดียว อะไร!!! ก็ย้ายมาใช้นามสกุลผม มันก็ง่ายดีออก ก็ที่เขตถามว่าเปลี่ยนไปใช้นามสกุลใคร บอกผมเป็นสามีเธอ มันง่ายอ่า
“ร้ายมาก สิทธิ์ขาดคนเดียว” คุณติณหรี่ตามองวิธีการของผม แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น
“อย่ามองผมแบบนั้น ผมแค่คิดว่าจะให้เธอใช้ชีวิตในฐานะน้องสาวของผมเท่านั้น ถ้าเธอหาย จะเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลเดิมก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ถ้าใครถาม จะบอกเป็นน้องสาวของผมไง ทำไมพวกคุณถึงชอบคิดอกุศล” ผมคิดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดเป็นอื่นเล๊ย
“ก็ดี เพราะถ้าชื่อ มาริยะ เมกุมิ ไปโผล่ที่ไหน พวกมันได้แห่ตามมาปิดปากแน่ๆ ว่าแต่หมอจะไปเรียนจริงๆ เหรอ เอาปริญญาอีกใบรึไง” คุณติณพูดแซวผมน้อยๆ เปล่าไม่ใช่เลย ผมไม่ได้อยากได้ใบปริญญาอะไรทั้งนั้น ผมแค่จะไถ่บาป ถ้าในคืนนั้นผมมีความเป็นมนุษย์มากกว่านี้ เธอคงไม่เป็นแบบนี้ มันเป็นความเห็นแก่ตัวของผม
“ใบปริญญาอีกใบก็ไม่ได้แย่ เพราะเธอเป็นกรรมที่ผมต้องชดใช้ วันนี้การบ้านของเธอ คือการนอนคิด นั่งคิด ว่าอยากจะเรียนอะไร อีกไม่กี่วันก็ต้องสมัครเรียนแล้ว ถ้าคิดไม่ออกจะแย่เอานะ” ผมลูบหัวของมาริจังน้อยๆ แต่เธอกลับปัดมือของผมออก อะไรกันแค่ลูบหัวก็ไม่ได้เหรอ หึ...เธอจะเกลียดผม มันก็สมควรแล้ว
ผมเดินมานั่งที่โซฟาเพื่อจัดการกับความคิดของตัวเอง แต่ไม่นึกว่าคุณติณจะเดินตามมา คุณจะสืบคดีนี้จากทุกคน ทุกเวลาไม่ได้นะ เฮ้อออ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะตอบเลย บางทีผมก็เหนื่อยนะที่จะต้องทำเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลา
“ขี้เกียจคุยนะ” ผมพูดดักคนที่มานั่งริมอีกฝั่งของโซฟา
“หมอว่ามาริจังจะเลือกเรียนคณะอะไร จบรัฐศาสตร์ก็ดีนะ จบง่ายเป็นข้าราชการ” มาแปลกแฮะ ไม่ได้ชวนคุยเรื่องคดีแบบทุกครั้ง จบแล้วเป็นข้าราชการงั้นเหรอ เป็นทำไมเงินไม่พอใช้
“เรียนหมอไหม จบแล้วจะได้มาช่วยผมทำงาน”
“กะเคลมเด็กเลยว่างั้น ปีนี้ 18 แล้วนี่สบาย”
“สบายบ้าอะไร กฎหมายไทยต้องเกิน 20ปี คุกนะครับคุณนักสืบ อนาคตเธอ ให้เธอเลือกเอง ผมเนี่ยนะเรียนหมอเพราะที่บ้านเป็นหมอกันหมด พ่อก็เลยอยากให้เป็นหมอ ไม่ได้เลือกเอง แต่พอได้เป็นก็ถึงได้รู้ว่าการเป็นหมอ มันก็ไม่ได้แย่ สนุกดีด้วยเจอคนไข้หลายรูปแบบมาก”
“แบบฉันใช่ไหมคะ” เสียงเล็กๆ ที่พูดขึ้นทำให้ผมหันไปมอง มาตอนไหนไม่เห็นได้ยินเสียงเลย การอยู่ต่อหน้าเธอมันทำให้ผมอารมณ์ดี แม้จะไม่ได้อารมณ์ดีก็ตาม
“ใช่ มันก็สนุกดี เห็นเธอดีขึ้นทุกวันแบบนี้ คนเป็นหมอรู้สึกดีนะ แล้วเธอคิดออกรึยังว่าอยากเรียนอะไร” ผมถามเด็กหญิงที่ยังมีสีหน้าครุ่นคิด เหมือนคนคิดไม่ตก
“ฉันคิดไม่ออกอยากเรียนอะไร แต่ฉันจะไม่เป็นหมอแน่นอน ฉันคิดว่าการเป็นหมอต้องมีความรับผิดชอบมากเกินไป หมอคิดบ้างไหม ว่าฉันอาจจะเอาส้อมแทงคนไข้ บ้านฉันมีโรงงาน เรียนบริหารดีไหม” เธอถามผมขึ้นมา แต่สิ่งที่เธอควรจะเป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจ มาริจังเดินมานั่งกลางระหว่างเรา ก่อนจะทำหน้าคิดไม่ตก
“ฉันเองก็เป็นตำรวจ เพราะมีพ่อเป็นไอดอลนะ” คุณติณพูดขึ้นมาพร้อมกับหลบสายตา อายที่จะต้องพูดเรื่องตัวเองงั้นเหรอ
“ฉันควรจะมีแม่เป็นไอดอลไหม แม่ฉันชอบเปิดฮาเร็มในบ้าน ฉันไม่ชอบเวลาพวกนั้นมองฉัน ฉันไม่อยากกลับบ้าน แต่ฉันอยู่ที่นี่ คุณติณจะมีคนจ่ายค่าบ้าน หมอก็จะมีคนจ่ายเงินเดือน ถ้าพวกคุณจีบแม่ฉัน รับรองเลยเงินดี หล่อๆ แบบนี้แม่ฉันจ่ายไม่อั้นแน่ๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมเล่าเรื่องของตัวเอง แม้จะเป็นการประชดประชันก็เถอะ ที่ชัดเจนคือความสัมพันธ์ของเธอกับแม่มันไม่ดีอย่างที่ทุกคนคิดนัก
“อ๊า นั่นเป็นข้อดีที่เธอยังได้อยู่ที่นี่ หลังจากพยายามจะฆ่าฉันหลายครั้ง” คุณติณขยี้หัวเด็กน้อยที่พยายามจะต่อสู้กับมือใหญ่ ไม่ให้มือใหญ่ขยี้หัวเธอได้อีก แต่พอสู้ไม่ได้เธอเลยกัดแขนคุณติณอย่างแรงเพื่อป้องกันตัว ผมเลยต้องลากเธอมาฝั่งผมเพื่อกันคุณติณเอาคืน
“พอแล้วๆ คุณแกล้งน้องก่อน”
“อะไรหมอเข้าข้าง แบบนี้จัดการหมอก่อน” คนที่จะเข้ามาจัดการผม โน้มตัวลงมาจะกัดแขนผมแทนเธอ แต่เธอที่นั่งอยู่ตรงกลางต้องเอนตัวมาทับตัวผม อย่างเลี่ยงไม่ได้ โอ้ยยยยย โตๆ กันแล้ว ต้องมาเล่นอะไรแบบนี้ ผมใช้เท้ายันคุณติณเอาไว้ จนตัวผมต้องเอนหลังลงไปกับโซฟา มาริจังเลยต้องเอนทับลงมาบนตัวผมด้วย เพราะถูกคุณติณเบียดเข้ามา
“ออกไป!!! พวกคุณเล่นอะไรกัน”
“คุณติณน้องเจ็บ น้องจะแบนแล้ว” แล้วคนที่โดนหนีบอยู่ตรงกลางก็หัวเราะออกมา เพราะการเล่นเป็นเด็กของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ใหญ่แล้ว
“เอาฉันออกไปจากตรงนี้!!!!!”
เช้าวันต่อมา
ผมมาเคลียร์เอกสารที่โรงพยาบาล ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่มันเป็นหน้าที่ของผม ขากลับเลยแวะซื้อขนมฝากมาริจัง ที่ตอนนี้อยู่กับคุณติณที่บ้าน กลับเจอคุณเดียร์ที่มาช้อปปิ้งกับพวกเพื่อนๆ เธอทักผมอย่างเป็นมิตร
“มาคนเดียวเหรอคะ โอ้โหซื้อขนมไปฝากน้องเหรอ โห ขนมร้านนี้ชิ้นละตั้งหลายร้อย” คุณเดียร์มองผมที่ซื้อขนมเยอะแยะกลับบ้าน ทำไมผมจะซื้อไม่ได้อ่า ผมไปทำเธอเดือดร้อนหรือไง
“พี่ทีใช่ไหม จำฉันได้ไหมคะ เราเรียนมหาลัยเดียวกัน” เพื่อนเธอคนหนึ่งทักผม ซึ่งผมเองต้องรู้จักคนทั้งมหาลัยไหม แม้จะคุ้นๆ แต่ผมไม่รู้จักอ่ะ
“แกรู้จักเหรอก้อย" คุณเดียร์หันไปถามเพื่อนตัวเอง
“รู้จักสิ นี่พี่ทีลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลเลยนะ พี่ที จำก้อยไม่ได้เหรอคะ ที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์” หญิงสาวที่เดินมาเกาะแขนผม ทำให้ผมต้องรีบแกะแขนเธอออก คนหรือตุ๊กแก อยากจะเกาะก็เกาะ แล้วผมก็ไม่ใช่google ที่ต้องรู้จักทุกคน รู้ทุกอย่าง
“จำไม่ได้ ผมออกจากบ้านมานานแล้ว ผมขอตัว”
ระหว่างทางกลับดันเจอร้านเสื้อผ้าน่ารักๆ ที่ออกคอลเลคชั่นใหม่ ผมไม่ชอบเสื้อผ้าผู้หญิงนะ แต่ถ้าซื้อไปให้มาริจังจะดีใจไหมนะ ผมเดินเข้าไปในร้าน Ulzzz พนักงานก็เข้ามาต้อนรับอย่างดี ผมเห็นเสื้อผ้าของมาริจังมียี่ห้อนี้หลายตัว แต่ผมเลือกไม่เป็น จะเอาไปทั้งหมดเลย โดนสงสัยแน่เลย ตามที่เธอเข้าใจ ผมคงจะมีเงินซื้อให้เธอแค่ชุดเดียว งั้นก็ต้องชุดเดียว
“ซื้อให้น้องสาวเหรอคะ ให้ก้อยช่วยเลือกนะ ได้ยินจากเดียร์มาแล้วว่าพี่ที มีน้องสาว” คนที่ชื่อก้อยที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้ อาสาจะช่วยผมเลือกชุดให้มาริจัง เฮ้ออออ ทำไมทุกคนถึงคิดว่าผมใจดีนะ เมื่อเธอเห็นว่าผมเงียบก็เลือกชุดให้ผมทันที
“เธอเป็นเด็กเรียบร้อย ขอไม่โป๊นะครับ”
ซึ่งคนชื่อก้อยก็ตั้งใจเลือก แล้วก็เลือกชุดในแบบที่ผู้หญิงจะชอบ ซึ่งผมคิดว่าถ้ามันก็น่ารักดี แต่ชุดอื่นมันก็น่ารัก ชุดนั้นก็น่ารัก ชุดนี้ก็น่ารัก ผมเลยบอกพนักงานเอามันทุกแบบ ทำให้คนที่เลือกชุดอยู่ ชะงักมือทันที ผมไม่ได้โชว์ป๋าเพราะผมไม่ได้ซื้อให้คนชื่อก้อย แต่ผมอยากให้มาริจังใส่ทุกชุด แต่คงต้องเอาออกมาให้ทีละชุดละนะ ไม่งั้นโดนสงสัยตายเลย ทุกวันที่เธอยังยอมให้รักษาเพราะคิดว่าว่าสูบเงินแม่เธออยู่ ถ้าผมไม่รักษาเธอ ผมจะไม่มีเงินกิน การรักษาเธอ เงินเดือนเป็นแสนก็ไม่คุ้มบอกเลย
“พี่คงรักน้องสาวมาก ถึงซื้อเยอะขนาดนี้”
“เปล่าเลย ผมแค่อยากเห็นเธอใส่ ขอบคุณนะ ที่เสียเวลา” แต่คราวหน้าไม่ต้องก็ได้ ผมจ่ายเงินแล้วถือของมากมายออกจากร้าน ทิ้งพวกสาวๆ เอาไว้ตรงนั้น ถ้าคนชื่อก้อยไม่ใช่เพื่อนของคุณเดียร์ ผมคงอาจจะสานสัมพันธ์ แต่คนประเภทเดียวกันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ เพราะฉะนั้นผมไม่เอาดีกว่า เก็บความหื่นไว้ลงกับมือก็ได้ จิ้มผิดชีวิตเปลี่ยนไม่คุ้มกัน
เมื่อมาถึงซอยบ้านคุณติณ ผมก็ต้องเลี้ยวรถของตัวเองเข้าลานจอดรถ เปลี่ยนเอารถมือสองเก่าๆ มาขับ โดยไม่ลืมเอาขนมแล้วชุดที่ซื้อให้มาริจังมาด้วย เฮ้อออออ ชีวิตผมทำไมต้องมาลำบากอะไรแบบนี้ด้วยนะ เมื่อขับมาถึงหน้าบ้าน วันนี้มาริจังกลับเดินออกมาเปิดประตูให้ผม เธอดูจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะเป็นปกติแล้ว ตั้งแต่หยุดยา แถมตอนนี้ยังรู้จักมารับผมตอนกลับบ้านด้วย
“หมอคะ Cvv ค่ะ” เธอถามผมด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มหวานที่นานๆ จะมีให้ผมที นี่มัน....
“รหัสบัตรเครดิตหมอจะเอาไปทำอะไร”
“ฉันอยากจะได้หนังสือ เพื่อเรียนปรับพื้นฐานก่อนจะไปเรียนมหาลัยอ่าค่ะ ไว้ฉันจะให้แม่โอนคืนให้หมอนะคะ ฉันอยากหาตัวเองให้เจอก่อนจะเลือกคณะค่ะ” คำตอบที่ทำเอาหมอที่ดูแลเธอมานานอย่างผมใจเต้นรัวด้วยความดีใจ ที่เธออยากจะออกไปใช้ชีวิตขนาดนี้ อันนี้โกหก...ใจเต้นเพราะเธอกำลังเอาหน้ามาใกล้ผมต่างหาก
“433 ถ้าไม่ดื้อ หมอซื้อให้ก็ได้ หมอเห็นชุดมันน่ารักดี เลยซื้อมาฝากเธอด้วย” ผมจะก้มหน้าลงไปใกล้เธอ แต่เธอดันแลบลิ้นออกมาอย่างกวนๆ
“หมอชีกอ ชอบหลอกเด็ก มาริจังแค่ 18 เองนะ คุกนะคะ อ่อ แล้วก็ขอบคุณสำหรับรหัสบัตรเครดิต ฉันสั่งของเพียบเลย รอคนจ่ายตังงงงงงงงค์” คนที่ได้รหัสบัตรเครดิตของผมไป ยิ้มหน้าระรื่น ยิ้มอะไรลืมไปรึเปล่า
ปิ๊งๆ ปิ๊งๆ มันต้องยืนยันผ่าน Sms อีกชั้นนึง ผมล้วงกระเป๋ายกโทรศัพท์ขึ้น ชี้ให้เธอดู Sms ไม่ได้รหัสนี้ ของของเธอก็ยังไม่มีคนจ่ายเงินอยู่ดี มาริยะออกมาได้ยังไง ออกมาก็ป่วนเลย เฮ้อออออออออ ผมเดินไปหลังรถเพื่อหยิบชุดที่ซื้อมากับขนมส่งให้เด็กตัวร้ายแบบเซ็งๆ ได้อยู่กับมาริจังแป๊บเดียวเอง ยัยนี่ออกมาอีกร้าวววว
คืนนั้นเอง
ผมรู้สึกยวบยาบอยู่ที่เตียงนอน ผมเลยต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เงาดำทะมึนกำลังย่างก้าวขึ้นมาบนเตียงของผม แรงยวบของมือเล็กๆ ที่กำลังหาอะไรสักอย่าง อ่อออออ มาตามหาโทรศัพท์ของผมสินะ หนอยยยยยยยแหน่ คิดว่าผมเป็นหมูให้เคี้ยวเหรอ!!!!!!!! ผมใช้ขาเกี่ยวเข้าที่โจรย่องเบา แล้วเกี่ยวเธอพลิกลงมานอนบนเตียงทันที
“ตัวแค่นี้ริอาจเป็นโจร” ผมล็อกคนตัวเล็กเอาไว้
“ขอหน่อย อยากได้ อยากได้มากกกก แต่ไม่มีเงินซื้อเอง หมอก็ได้เงินจากแม่ฉัน ทำไมให้ฉันแค่นี้ไม่ได้” ยัยนี่มันแสบจริงๆ
“ให้กินยานอนหลับไปแล้ว ทำไมยังไม่นอน”
“คายทิ้งไปแล้วววว นะหมอ ไม่แพงเลย 7,000 เอง น้าหมอนะ” ซื้ออะไรตั้ง 7,000 บาท บ้านรวยแต่ก็ต้องรู้จักค่าของเงินนะ!!!!!
“ไม่!!! มันแพงเกินไป” ต้องสั่งสอนสักหน่อยเดียวหาว่าสปอยเด็ก
“งกจังวะ!!!!!”
ผมเงียบไม่ได้ตอบ ให้เธอรู้ว่าผมไม่พอใจ ผมทิ้งตัวลงนอนแล้วเก็บโทรศัพท์ของตัวเองเอาไว้อย่างดี อย่าได้มาคิดว่าผมนั้นง่ายนะจะบอกให้!!!! ฝันไปเลย ร่างบางพยายามจะดิ้นให้หลุดจากขาที่ผมล็อกเธอเอาไว้อยู่ ผมเนี่ยนักยูโดเก่า ไม่หลุดแน่นอน
“ยอมแพ้แล้วไปนอนซะ”
“อ๊าาาาา พี่หมอขา” แล้วจู่ๆ เธอก็ครางออกมา อะไรเนี่ย!!! เสียวกับอากาศเหรอ ครั้งนี้ผมไม่หลงกลเธอแล้วมุกเดิม ผมเอามือมาปิดหูตัวเองเอาไว้ แต่คนตัวเล็กกลับดึงมือของผมไปวางที่!!!!!!! อะไรนิ่มๆ
“อะไรเนี่ย” พอผมจะดึงมือออก เธอกลับกดมือผมเอาไว้แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกา
“อาาาาาาห์ อื้มมมมม หมอออขาาา” ทั้งเสียงคราง แม้จะรู้ว่าจะเป็นครางหลอกๆ แต่มือมันได้จับจริงไง ไอ้ความเป็นชายมันก็ทำงานดิ ผมเผลอเคล้นเต้าอวบนั่นแบบหยุดไม่ได้
แย่แล้วสิ ไม่ได้เอาน้ำออกนานไป กำลังจะหน้ามืดแล้ว จากเสียงที่ครางหลอกๆ มันกลับมีลมหายใจหนักๆ ขึ้นมาจริงๆ ผมเริ่มเคล้นหน้าอกเธอหนักหน่วงขึ้น
“อื้ออออ หมอ อื้มมมมมม หมออออ หยุด” เสียงครางกระเส่าแต่ดันบอกให้ผมหยุด มันจะหยุดยังไง ผมพยายามจะตั้งสติที่มีน้อยนิด ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ เอาตรงๆ เลย หน้ามืดแล้ว พยายามนับ 1-10 ในใจ ช่วงเวลาที่ผมกำลังสงบสติอารมณ์ ยัยตัวแสบก็ล้วงเข้าใต้หมอนแล้วเอาโทรศัพท์ของผมไปเลย พอได้โทรศัพท์ เธอไม่หันมาสนใจผมด้วยซ้ำ
เสียท่าเด็กมันจนได้!!!!! ความหื่นเป็นเหตุแท้ๆ เลย!!!!
2 วันต่อมา
“ทำไมของมาส่งที่บ้านเยอะจัง หมอใจดีขนาดนี่เลยเหรอ สปอยเด็กมันจะเสียนิสัยนะ” คุณติณบ่นที่เห็นคนมาส่งของเป็นกล่องที่ 4 แล้ว
“คุณติณผมรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่ 7,000 แล้ว เธอจะรู้ไหม แม่เธอจ้างผมเดือนละ 37,000 บาทเองนะ สงสัยเดือนนี้จะต้องทำงานฟรีแล้ว”
“แล้วยัยตัวแสบไปทำอีท่าไหน ถึงไปเอาโทรศัพท์ของคุณมาได้” คำถามของคุณติณทำให้ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่เอาขนมมาให้จับ ไม่ให้กินเลยแบบนี้ขาดทุนจัง
“อยากกินซาลาเปาจัง”
แล้วเด็กหญิงที่อยู่ในชุดที่ผมซื้อ ก็เดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มที่โคตรจะสดใสเลย แต่ผมหม่นหมองแค่เห็นเธอก็อยากจะกระโดดเข้าไปตะครุบแล้ว ผมเลยต้องถอยห่างเธอน้อยๆ
“หมอใจดีจังเลย หมอซื้อให้ฉันหมดเลยเหรอ หูฟังที่ฉันอยากได้มันแพงมากเลย ได้แต่ใส่ตะกร้าเอาไว้ไม่กล้าซื้อ ที่กล่องเขียนเอาไว้ว่าของขวัญที่สอบผ่าน ขอบคุณนะคะ ดีใจจัง” รอยยิ้มหวานทำให้ผมต้องถอยห่างเธออีกก้าว เราคงต้องห่างกันถ้ายังลืมนมของเธอไม่ได้เลย
“ผลสอบออกแล้วเหรอ เก่งจังเลยนะ” เด็กหญิงหดคอให้ผมลูบหัว แต่ตอนนี้ผมนั้นเข้าใกล้เธอไม่ได้เลย ผมเลยดึงมือของคุณติณที่ยืนอยู่ข้างๆ ไปลูบหัวของเธอแทน ก่อนที่เธอจะยิ้ม แล้ววิ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง
“เสียเป็นแสน แขนไม่ได้จับ” คนที่ยืนข้างๆ หันมาพูดกับผม
เออ ไม่ได้จับแขน แต่จับนมเต็มๆ 2 เต้าเลย อาการผมมันไม่ดีเลยตอนนี้ แค่เธอยิ้ม หัวล่างก็พยักหน้าแล้ว ผมจะมาคิดไม่ดีกับคนไข้แบบนี้ไม่ได้นะ แต่นุ่มจังเลยแถมยังครางเรียกผมด้วย
“หน้าหมอแม่งโคตรหื่นเลย ฉันไปบ้านพ่อดีกว่า จะต้องไปปรึกษาเรื่องที่จะ.....” ผมรีบคว้ามือของคุณติณเอาไว้ จะทิ้งผมไว้กับมาริจังสองคนเหรออออออออออ
“ได้โปรดอย่าไป”
“ถ้าหมอแต๊ะอั๋งฉัน ฉันชกจริงๆ นะ” คนที่โดนจับแขนง้างมือจะชกผม แต่ถ้าชกผมตอนนี้ผมอาจจะมีสติขึ้นมาบ้าง ท่าทีของผมทำให้คุณติณเริ่มเดินหนี
“คุณติณ คุณต้องอยู่ช่วยผมก่อนนนนนนนนนนนนนน”