Ep.3 : มาริยะ

3903 คำ
ติณ Say:: สายสนทนา [ ระวังตัวด้วยนะ เดียร์ยังกลัวเลย มีคนบ้าอยู่ในบ้านแบบนี้ ] “หมอเค้าบอกแล้ว ว่าน้องยังไม่ได้บ้า เดียร์ก็นอนได้แล้ว” [ ไม่ได้บ้าอะไร บ้าชัดๆ เดียร์ไม่กล้าไปบ้านติณแล้ว งั้นเดียร์นอนนะ ฝันดีนะคะ ] “ครับ ฝันดี” จบการสนทนา ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่ผมคิดว่าจะต้องเป็นหมอนทีแน่ๆเลยไปเปิดประตู แต่กลับเป็นเด็กน้อยในชุดวาบหวิวของเดียร์แฟนผม แล้วไปเอาชุดแบบนี้มาใส่ทำไม แต่มัน อื้มมมมมม ได้มากเลยแฮะ “มีอะไรมาริจัง ฉันจะนอนแล้ว” มาไม้ไหนวะ ปกติเกลียดผม ไม่เฉียด ไม่เข้าใกล้ วันนี้ก็ยังจะเอามีดแทง “หนูจะมาขอโทษเรื่องตอนกลางวัน หนูยังไม่ได้อาละวาดอะไรเลย แค่บอกว่าข้าวต้มของหนู แฟนของพี่คิดไปเอง พี่เชื่อหนูใช่ไหม บอกสิคะ ว่าเชื่อหนู อู้ววววว ห้องพี่ใหญ่จังเลย” แล้วเด็กน้อยก็วิ่งเข้ามาในห้องของผมเลย อะไรอีกวะเนี่ยยยยย ตอนเธอใส่ชุดนี้ เธอรู้ตัวไหมว่ามันสั้นมาก ขาสวยจัง เอ้ยยย!!!! เฮ้อออ ผมเองก็เป็นผู้ชายนะ เรียกหมอดีไหม ไล่ไปเองก่อนก็แล้วกัน “กลับไปนอนได้แล้ว ฉันจะนอนแล้ว” “อู้ววววว เตียงพี่ใหญ่จัง” แล้วเด็กน้อย ก็ก้มจนเห็นกางเกงในสีขาว ที่กำลังนูน เอ้ยยย อู้ววววว ใจคอไม่ดีเลย “ไปนอนได้แล้ว” ผมพยายามจะลากเธอออกไปนอกห้อง แต่หมอบอกห้ามแตะตัวเธอผมควรจะทำยังไง จะจับก็ไม่ได้ เดี๋ยวถือมีดไล่ฟันคนอืีก เด็กน้อยหันหน้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มน่ารักกับตู๊มมมม หน้าอกที่ดันจนชิด “หนูนอนด้วย ได้ไหมคะ ห้องหนูน่ากลัวจังเลย” เด็กน้อยกระโดดขึ้นไปบนเตียง แล้วอ้าแขนเรียกผมให้ตามลงไป ผมช่างใจอยู่นาน ว่าจะเรียกหมอ หรือจะเธอโยนออกไปเองดี แบบนี้ไม่ปกติอย่างรุนแรง ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอทำเพียงแค่ส่ายหัว แล้วสะบัดมือไล่เธอให้ออกไป จะจับโยนออกไปก็กลัวจะอาละวาด จะไม่ทำอะไรเลยก็เดี๋ยวตบะแตกอีก “ตอนที่โดนข่มขืน คนที่เปิดซิงมันแก่อ่า ไม่ฟินเลย พี่ช่วยทำให้หนูฟินหน่อยสิคะ หนูอาจจะหายก็ได้ เค้าบอกกันมาว่ามีเซ็กซ์มันสนุก ฟินสุดๆ พี่ช่วยทำให้หนูรู้สึกแบบนั้นที หนูอยากจะลบภาพความเจ็บปวดในใจ ไม่อยากจะกลัวมันอีกแล้ว แต่จะลบภาพนั้นได้ ต้องรู้สึกดีกับมันก่อน” เสียงออดอ้อนของเธอมันทำให้ผมมมมมมม..... “ทำไมไม่ขอให้หมอช่วย” “เมื่อกี้หนูไปขอหมอมาแล้ว หมอบอกหมอชอบผู้ชาย หนูเลยมาหาพี่” หน้าอกนุ่มนิ่มที่ดันตัวผมอยู่ ทำให้หัวล่างผมทำงาน แล้วโยนหัวบนทิ้งไป น่ารักขนาดนี้ แถมยังมาอ้อนขนาดนี้ ผมก้มลงจะสัมผัสกับริมปากนุ่มนิ่ม แต่เธอกลับแลบลิ้นออกมา ใช้ปลายลิ้นเลียเข้ากับริมฝีปากของผมแทน อ๊าาาา เด็กมันเอาจริงว่ะ ผมเลยเดินหน้าขึ้นเตียง ทันทีที่จะขึ้นเตียงฉึก!!!! ฉึกกก!!!! “อ๊าาากกกกก” โอ้ยยยย เอามีดมาแทงยังเจ็บน้อยกว่านี้ เพราะเด็กน้อยใช้ส้อมไล่แทงผมเป็นชัคกี้เลย ดีที่ผมเป็นตำรวจเก่า ผมเลยล็อกแขนเธอแล้วปลดอาวุธ เธอก็ยังเอาส้อมมาแทงที่แขนผมอีก โอ้ยยยยย ซี๊ดดดดด ผมล็อกแขนแล้วบิดจนเธอปล่อยอาวุธ ปึงงงงงง!!!!!! เสียงเปิดประตูของหมอทำให้ผมใจชื้น ที่มีความช่วยเหลือโดยที่ผมไม่ต้องทำร้ายเด็ก “หมอขาาา เค้ารังแกหนู” เสียงเล็กๆฟ้องความเท็จ แผลเต็มตัวฉัน แต่บอกว่าฉันรังแกงั้นเหรอ หมอนทีเดินเข้ามาด้วยหน้าตาขึงขังเหมือนโกรธจัด แล้ว....ม๊วฟเข้าให้ อะไร ไม่ใช่ตบเหรอ!!!! หมอบดริมฝีปากลงที่ปากเล็กๆ จากที่ดิ้นๆอยู่ ลงไปนอนกองกับพื้นเลย นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย โดนจูบจนสลบเลยเหรอ “เหว่ออะไร ผมป้อนยานอนหลับ อุ้มเธอกลับให้ผมที โห...แผลเยอะเชียว ความหื่นเป็นเหตุสังเกตได้ 3 ที 12 รูเอง” หมอหรี่ตามองผมที่โดนส้อมจิ้มเป็นรูๆ ก่อนตัวเองจะสะบัดหน้าเรียกสติ ตัวเองก็โดนยานอนหลับเหมือนกันสินะ “รู้?? แสดงว่าเคยโดนเหมือนกันละวะ” ผมอุ้มร่างที่ไร้สติมาส่งที่ห้องนอนแขกชั้นล่าง “อ่อ ใช่ คุณโดนส้อม ผมโดนเข็มฉีดยา แทงหลายรูเลย แต่ผมไม่ได้หื่นกับเธอ ผมด่าเธอ เพราะเธอไม่เปิดรับอะไรเลย มาริยะออกมาไล่แทงผมยับเลย เอาเธอไปวางไว้ที่เตียงห่มผ้าให้ด้วย” ผมงงไปหมดละ ใครคนไหน มาริ มาริยะ ช่างมันก่อน แต่เมื่อกี้เธอเลียปากผมด้วยรึเปล่านะ คนบ้าหน่าติณ คิดไรเยอะแยะ เธอคงทำให้ผมเผลอ แล้วจะแทงผมด้วยส้อมมากกว่า ผมมองคนที่ขึ้นไปนอนที่ห้องของตัวเองไม่สนใจผมเลย ผมทำแผลให้มัน แต่ทีผมโดนต้องมาทำแผลให้ตัวเองเนี่ยนะ ซี๊ดดดด ยังปวดอยู่เลยนะเนี่ย แล้วสรุป อันไหนเป็นตัวจริง มาริ หรือมาริยะ หรือยังไง เฮ้อออออ ปวดหัว นอนดีกว่า แต่หุ่นดีจังเลยแฮะ เล็กๆก็ไม่ได้แย่ เช้าวันต่อมา มาริ Say :: หลับสบายเต็มอิ่มในชุดวาบหวิว เดี๋ยว!!! ชุดวาบหวิว ไปเอามาจากไหน นี่ไม่ใช่เสื้อผ้าฉันสักหน่อย เมื่อคืน เมื่อคืนนนน ไปทำอะไรมานะ ช่างมันเถอะคิดไม่ออก เฮ้ออออ อารมณ์ดีขึ้นมาเฉยเลย ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเปิดประตูออกไปนอกห้อง เพราะทนความหิวที่แสนจะมากมายนี้ไม่ไหว เมื่อวานไม่ได้กินข้าวเลย แต่พอออกมากลับไม่เจอใคร “ก็ดี จะได้อยู่เงียบๆบ้าง” แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลย ก็มีเสียงแปลกๆออกมาจากห้องน้ำ [ โอ้ยยยยยย ซี้ดดดดดด หมอ หมอ เจ็บ ] เสียงร้องครวญครางของตำรวจเลว ที่ดังแว่วๆออกมาจากห้องน้ำ มันทำให้ฉันอยากรู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น [ อย่าทำหน้าแบบนี้ ] เสียงของหมอนี่ [ ลองดูบ้างไหม ] ตำรวจเลวนั่น ชวนหมอลองอะไร [ โอ้ยยยยย คุณติณ ซี้ดดดดดด ผมเจ็บ อ๊า อ๊ะๆๆๆๆๆ ผมเจ็บ อย่ากด ] [ ฉันทนได้ ทำไมหมอจะทนไม่ได้ ] ทนอะไรกับ หรือสองคนนั้นกำลัง.....ไม่จริง หรือที่หมอบอกชอบผู้ชายจะเป็นเรื่องจริง ไม่น่าล่ะ หมอถึงชอบพูดว่าฉันไว้ใจหมอได้ มันเป็นแบบนี้นี่เอง แบบนี้แสดงว่าไอ้ตำรวจนั่น หญิงก็ได้ ชายก็ได้เหรอ แบบนี้หมอของฉันจะเสียใจนะ ฉันยืนฟังอยู่ไม่นาน คนทั้งคู่ก็เปิดประตูออกมา “ไม่ต้องเกรงใจ ตามสบายนะ” ฉันเอ่ยพูดกับคนที่ตกใจที่เห็นฉันยืนอยู่หน้าประตู “หิวข้าวไหม ไปกินข้าวนอกบ้านกัน” หมอยิ้มให้ฉันอย่างอายๆ อายอะไร รู้หมดแล้ว ที่แท้ก็แบบนี้เอง ฉันเลยยิ้มคืนให้หมอบ้าง “เดี๋ยวหมอออ ถ้าเกิดบ้าคลุ้มคลั่งทำร้ายคนจะทำยังไง” ตำรวจเลวค้านที่จะให้ฉันออกนอกบ้าน แต่ฉันก็ไม่ได้อยากออกอยู่แล้ว “คุณติณเราคุยกันแล้วไง เธอจะไม่เป็นอะไรถ้ารู้สึกว่าปลอดภัย คุณเป็นตำรวจ ต่อสู้ก็เก่ง ปกป้องเธอได้อยู่แล้ว ใช่ไหม” หมอหัดไปถามสามีหมาดๆ ทำให้ตำรวจนั่นทำหน้ามุ้ย แล้วยอมตกลง อู้วววว หมอเก่งจังเลย เอาสามีอยู่หมัด “ปกป้องฉัน งั้นเหรอ” “ใช่ ปกป้องมาริจังของหมอ บอกได้ไหม ทำไมวันนี้อารมณ์ดีขนาดนี้ ดูเธออารมณ์ดีจนหมออดดีใจไม่ได้” หมอถามฉันพร้อมกับลูบหัวเบาๆ อ๊ะ ลูบหัวงั้นเหรอ “ไม่รู้เลย เมื่อคืนฝันดีมาก ว่าเอามีดแทงไอ้ตำรวจเลวนั่นตายไปเลย ตื่นมาเลยอารมณ์ดี” “แค่นี้เองเหรอ ไม่สนุกเลย มาริจัง ในฝันมันโหดร้าย เรื่องจริงอย่าทำนะ ถ้าเธอทำหมอจะเสียใจ” หมอพูดกับฉันอย่างอารมณ์ดี แสดงว่าในฝันทำได้เหรอ นั่นสินะ ฝันของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ “แบบนี้ก็ดูปกติดี แล้ว 2-3 วันที่แล้ว ทำไมถึงไม่เป็นแบบนี้” “เพราะวันนี้มาริจังของผมอารมณ์ดี ไปกินข้าวนอกบ้านกัน รู้ไหมเมื่อวานที่หมอช้า เพราะไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านของหนูมา ชุดน่ารักๆเต็มเลย ไปเปลี่ยนชุดกันนะ เราจะไปกินข้าวข้างนอก” หมอดันหลังของฉันเข้ามาในห้อง คงจะอายกลัวฉันถามอะไรต่อหน้าสามีหมาดๆสินะ โธ่ โธ่วววว หมอเปิดกระเป๋า เอาชุดเก่าที่บ้านของฉันมาให้เปลี่ยน คิดถึงจัง เมื่อก่อนเคยแต่งตัวสวยๆแบบนี้ ฉันมองหมอที่เลือกชุดให้ฉันเหมือนฉันมีพี่สาว พี่สาวงั้นเหรอ พี่ก็ต้องปกป้องน้องใช่รึเปล่า “เอาชุดนี้” ฉันชี้ชุดที่หมอเอามาทาบตัวให้ พอรับชุดจากหมอได้ ฉันก็ถอดชุดเก่าทันที หมอไม่ได้ชอบแบบฉัน คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง “เดี๋ยว!!! อู้วววววว ขาว” “ใส่เสื้อสีขาวเหรอ หมอนี่รสนิยมดีจัง ขาวเนอะ แล้วใส่กับเอี๊ยม หมอชอบคุณติณเค้าเหรอ เค้ามีแฟนแล้วนะ เมื่อกี้ที่หมอทำมันผิดศิลธรรมนะ ถึงจะเป็นรสนิยมทางเพศแต่ก็ควรจะดูว่าเค้ามีแฟนแล้ว” ฉันเตือนสติหมอที่คิดจะแย่งสามีชาวบ้าน “หมดอารมณ์เลย แต่ก็ไม่ได้ชอบแย่งของใคร แต่ใครก็อย่ามาแย่งของหมอ” หมอเดินมาติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแต่งระบายให้ฉันอย่างเบามือ “ให้เค้าเลิกกับแฟนก่อน โอเคนะ ไม่อยากเห็นหมอเสียใจเพราะผู้ชาย” ฉันลูบหัวหมอคืนบ้าง “ลูบเป็นลูกเลย” “ฮะๆ หมอทำแล้วฉันอารมณ์ดี ฉันเลยอยากทำบ้าง เผื่อหมอจะอารมณ์ดี” “อารมณ์ดีแล้ว หมอแต่งตัวให้มาริจังเสร็จแล้ว หมอไปรอนอกห้องนะคะ รีบออกมานะ จะพาไปเดินห้าง เธอจะไม่ต้องกลัวอะไร ที่สาธารณะ มีตำรวจเก่งๆเดินประกบตลอด หมอจะดูแลเธอไม่ให้ใครมาแตะเธอได้เลย” ปกป้องเหรอ มีตำรวจคอยปกป้องเหรอ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง นที Say :: “คุณติณ มาริจังเธอคิดว่าที่เข้าเข้าไปในห้องน้ำ คือเราเข้าไปอย่างว่ากัน เค้าคิดว่าผมเป็นเกย์” เศร้าเลยนะเนี่ย ผมไม่ใช่เกย์สักหน่อย เมื่อกี้ถ้าไม่ออกมาผมปล้ำเด็กแน่ๆ หุ่นดีจังวะ วัยกระเตาะมันเป็นแบบนี้ “หมอปฏิเสธไปแล้วใช่ไหม” คนที่เป็นคู่กรณีถามขึ้นด้วยความตกใจ “ยัง มัวแต่ตกใจความขาวโบ๊ะ อู้ววววว น้องชายพยักหน้าเลย หรือผมจะของขาด คงต้องไปเที่ยวผู้หญิงบ้างนะเนี่ย” “สรุปคุณไม่ใช่ ใช่ไหม” คำถามจากคุณติณทำให้ผมต้องหันไปมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ ผมเนี่ยแมน 100% “เดี๋ยวค่อยบอกว่าไม่ใช่ก็แล้วกัน วันนี้เธออารมณ์ดีจากการได้ฆ่าคุณในความฝัน ไม่อยากไปทำให้ความเหวี่ยงของอารมณ์เธอมันกลับมา วันนี้คุณจะถามอะไร คุณหลอกถามได้ ให้หลอกถามเอานะ อย่าจี้จนเธอดีแตก เดี๋ยวโดนส้อมจิ้มอีก” ผมกับคุณติณนั่งรอกันอยู่สักพัก เด็กน้อยก็เปิดประตูออกมาในชุดที่ผมใส่ให้ พร้อมกับแต่งหน้าน้อยๆ ถักเปียด้วยเหรอ ไม่เคยเห็นเธอมุมนี้เลย ผมหันไปมมองหน้าคุณติณที่ตอนนี้ตาค้างไปแล้ว ผมเลยต้องกระทุ้งศอกใส่คนที่มองคนไข้ผมตาค้างไปเลย @ห้างสรรพสินค้า The M “เดียร์มารออยู่นานแล้วค่ะ ทำไมเพิ่งมาคะ อ้าว...สวัสดีค่ะหมอ แล้วก็หนูมาริด้วยนะ” คนชื่อเดียร์มีสายตารังเกียจคนไข้ของผมอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยต้องแยกเธอให้ห่างจากผู้หญิงคนนั้น วันนี้คนไข้ของผมมีอารมณ์แบบเด็กสาวปกติ ผมเลยต้องใช้ตัวผมเป็นตัวกั้นไม่ให้เดียร์ใกล้เธอ เดี๋ยวสติเธอแตก การเดินเที่ยวห้างของเราสะดุดบ้าง เพราะคนไข้ผมเกิดกลัวลม กลัวอากาศ เธอคงไม่ชอบที่ที่มีเสียงหัวเราะ ผมพยายามสังเกตพฤติกรรมของเธอให้มากที่สุด หลายวันที่ออกมาจากโรงพยาบาล ตัวเธอเองพยายามที่จะปรับตัว แล้วมันก็ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะโรงพยาบาลจิตเวช มองไปทางไหนก็แต่คนมีปัญหาทางจิต มันเลยค่อยๆกลืนกินตัวเธอทีละนิด แต่ตอนนี้เธอดีขึ้นมันชัดมาก “ร้านอาหารญี่ปุ่นนะคะ ร้านนี้ระดับมิชลินสตาร์” เดียร์แนะนำร้านอาหารอร่อย แต่มาริจังกลับเดินเข้าไป แบบไม่รอเสียงส่วนใหญ่ ร้านอะไรแบบนี้เมื่อก่อนเธอคงมากินกับแม่เธอจนเบื่อ มันคงไม่ได้แปลกใหม่สำหรับเธอละมั้ง เมื่อเรานั่งโต๊ะเรียบร้อย เมนูจากพนักงานก็ถูกส่งมาถึงเรา ผมไม่ชอบกินอะไรแบบนี้เท่าไหร่เลย เพราะว่ามันเลี่ยน คนเป็นหมอแบบผมเน้นกินอะไรที่ไว เพราะถ้าเกิดคนไข้สติแตก ผมจะอดข้าว อาหารแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยไม่ค่อยมีโอกาส ราเม็งดีไหม หรือกินแค่ข้าวหน้าเนื้อ “น้องคะ พี่สั่งให้ไหม พี่เห็นน้องเปิดอยู่นานแล้ว ร้านแบบนี้น้องคงจะไม่ชิน” เดียร์ถามหนูมาริที่เปิดเมนูไปมา เธอกำลังหาอะไร “อูนิ ซาชิมิ โอโทโร่ ไม่เอาแล้ว เปลี่ยนใจ เอาข้าวหน้าเนื้อ 2 ก็พอ หมอจ่าย กินแพงๆหมอจนแย่” เธอสั่งอาหารก่อนจะหันมาห่วงสภาพทางการเงินของผม จ้าแล้วไอ้หน้าสมเพชความจนของผมมันคืออะไร ผมไม่ใช่ไม่มี แค่เธอจะกินทำไมผมจะจ่ายไม่ได้ ทำไมกลายเป็นคือน่าสมเพชไปเลยนะ “แค่นี้สบายยยย อยากกินก็เอาสิ” หมอไม่ได้น่าสมเพชขนาดนั้นสักหน่อย “ก็สั่งข้าวหน้าเนื้อกินกับหมอก็พอแล้ว แค่นี้หมอก็เศร้าพอแล้ว” เธอพูดแล้วหันไปมองคู่รักที่คุยกันกระหนุงกระหนิง ผมควรจะรีบบอกเธอว่าเมื่อเช้าในห้องน้ำมันแค่ทำแผล เฮ้อออออ....ไปใหญ่แล้ว มือเล็กๆตบบนมือของผมเพื่อให้กำลังใจ ผมควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี เมื่ออาหารมาเสริฟ เพียงแค่คุณติณหันมาพูดว่าข้าวหน้าเนื้อน่ากินจังเลย เธอก็ถุยน้ำลายลงข้าวของตัวเองทันที ทำจริงๆด้วยสินะ “อี้ สกปรก เมื่อวานก็ทีนึงแล้ว” เดียร์รีบหยิบกระดาษทิชชูเช็ดแขนตัวเองทันที เพราะเธอนั่งตรงข้ามหนูมาริ “เปล่าครับ ที่โรงพยาบาลจะมีการแย่งอาหารกันเป็นประจำ การทำแบบนี้มันเป็นแค่การแสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้น” ผมอธิบายแทนคนไข้ เฮ้ออออ ผมอยากจะบ้า เหนื่อยจัง ลาออกจากการเป็นหมอตอนนี้ทันไหมนะ หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณเดียร์ก็ชวนเราไปร้องเพลงคาราโอเกะในห้อง Vip ชั้นบนสุดของห้างที่นี่ แต่เพียงแค่เด็กน้อยของผมเห็นห้องคาราโอเกะ ก็เกิดอาการค้างเติ่ง ตัวสั่น ก้าวขาไม่ออก อาการไม่ปกติของเธอชัดเจนขึ้นมาทันที “ไม่เอาคาราโอเกะ ไม่เอา ไม่เอา” “พวกนั้นหัวเราะ ร้องเพลง เอาไมค์มาจ่อที่ปาก บอกให้ฉันร้องดังๆ” เสียงพึมพำที่ทำให้คุณติณต้องรีบเข้ามาฟัง “คาราโอเกะหลังโรงเรียนเก่าเธอใช่ไหม ตำรวจไปมาแล้วไม่มีอะไรเลย มีชั้นบน หรือมีอะไรอีกไหม ช่วยพูดอะไรออกมาอีกที่มันกว้างกว่านี้ได้ไหม” คุณติณไม่เข้าใจคำว่าหลอกถามแน่ๆ แบบนี้เด็กน้อยถึงไม่ยอมบอกสักที “มาริจัง วันนั้นมันดึกแล้ว เธอไปร้องเพลงทำไม” “ฉันเลอะ กิ๊ป กิ๊ปบอกให้ไปล้างตัวที่นั่น ไม่ต้องกลัว พวกเบย์ก็อยู่ หมอออ ไม่อยากไป หมอ อยากกลับบ้าน” แล้วเด็กน้อยก็อ้อนกลับบ้าน แต่ผมยังไม่อยากให้เธอกลับตอนนี้ เพราะเธอเพิ่งออกมาโลกภายนอกได้ไม่นานเลย “พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยติณ อย่าไปฟังคำพูดคนบ้าเลย ไปร้องเพลงกัน” ประโยคของคุณเดียร์ ทำให้มาริจังสติแตก “แกสิบ้า ฉันก็บ้า ลองเป็นคนบ้าดูไหม” มาริจังวิ่งไปกระชากผมของคุณเดียร์จนผมต้องรีบลากเธอออกมา มือเธอยังไม่ปล่อย ทำให้ลากหัวของคุณเดียร์มาด้วย “นังบ้านี่” เพียงแค่คำเดียว เด็กน้อยก็กัดแขนผม แล้วตรงเข้าไปกัดเดียร์ทันที ทำให้คุณติณ ต้องหิ้วเด็กน้อยลอยขึ้นมาจากพื้น แม้จะยังดิ้นแต่ก็เตะขาใส่คุณเดียร์ไม่หยุด “พอแล้ว เลิกก่อเรื่องได้แล้ว” เสียงดุตะคอกใส่เด็กน้อยอย่างดัง “เดียร์เจ็บค่ะติณ” “กลับบ้านไปก่อนนะ ผมต้องเอาตัวปัญหากลับบ้าน เดี๋ยวผมจะไปหาหลังจากที่จัดการตัววุ่นวายเสร็จ” คุณติณแบกคนไข้ของผมเหน็บเข้าข้างเอวกลับไปขึ้นรถเพื่อที่จะกลับบ้าน เธอยังไม่ได้เที่ยวเลย เฮ้อออออ ผมมองรอยกัดบนแขนตัวเอง เฮ้อ ห้อเลือดเลย สงสัยวันนี้ต้องคุยกันหน่อยแล้ว “ไม่ให้ออกไปไหนอีกแล้ว แค่ครั้งแรกก็ก่อเรื่อง!!!” เสียงดุยังตวาดใส่เธอไม่หยุด “พอแล้วคุณติณ พอแล้ว มาริจางนับเลขในใจ จำได้ไหม โกรธให้นับเลขในใจ” ผมหันไปคุยกับคนที่เบาะหลัง เธอพยายามทำตาม นับเลขในใจ นับแล้วนับอีก นับจนถึงบ้าน ถึงบ้านก็ยังนับ แล้วกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง [ กรี๊ดดดดดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ] เสียงกรี๊ดในห้องตามมาติดๆกันหลายครั้ง เธอโดนด่าก่อน แล้วนี่ยังไปว่าเธออีก เธอคงจะเจ็บปวด คืนนั้นเอง เงาดำในความมืดเดินผ่านประตูที่ไม่ได้ล็อก ความแวววาวจากของมีคมสะท้อนกับแสงไฟจากนอกหน้าต่าง ก่อนจะง้างสุดแขนเพื่อจะทิ่มแทงร่างที่นอนอยู่ แต่พอจะแทงมือใหญ่ก็รวบแขนของเธอได้ทัน ติณตื่นตั้งแต่เด็กสาวเปิดประตูเข้ามาแล้ว อาวุธถูกปลดออกจากมือของเด็กสาวที่หมายจะปลิดชีวิตเขาเป็นคืนที่สอง “จะฆ่ากันอีกแล้วววว” “ตำรวจชั่วสมควรตาย!!! มาริจังของฉันผิดอะไร เธอต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำใช่ไหมพวกคุณถึงจะพอใจ” คำถามของเด็กสาว ที่พูดเหมือนว่ามันไม่ใช่ตัวเธอ ทำให้ติณคิดว่านี่คงเป็นมาริยะ ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก “แต่เธอก็ไม่ควรไปกัดเค้าแบบนั้น” แต่เด็กสาวก็กัดที่แขนเขาอย่างจัง ทำให้เขาต้องสะบัดเด็กสาวออก “งั้นกัดคุณ แบบนี้ได้ไหม สิ่งคุณเจ็บ ยังไม่เท่าที่ฉันเจ็บเลย!!!!!” เสียงการต่อสู้ทำให้คนที่นอนอยู่ห้องข้างๆรีบวิ่งมาดู ก็เห็นเด็กสาวกำลังจะเก็บมีด แต่ติณเตะออก นทีเลยต้องรีบเข้าไปช่วยล็อกเด็กสาวลงกับเตียง โดยมีติณตามมากดเอาไว้ “ยานอนหลับอ่า ไม่มีแล้วเหรอ” ติณถามหาตัวช่วยที่จะทำให้เด็กสาวหยุดพยศสักที “จะไปมีได้ยังไง ใช้ไปครั้งที่แล้วแล้วไง” ทั้งคู่เลยต้องกดเด็กสาวเอาไว้อยู่แบบนั้น ให้เธอดิ้นจนหมดแรงเอง แต่กว่าจะหมดแรงแล้วหลับไปเอง ก็กินเวลานานไม่น้อย ทำเอาคนทั้งคู่หมดแรงไปด้วย ข้าที่ล็อกเด็กสาวไว้ของนทีไม่อยากจะขยับเพราะกลัวเธอจะตื่น ติณที่กดแขนเธอนอนคว่ำกับเตียง ค่อยๆคลายออกช้าๆ เพื่อไม่ให้คนที่หลับแผงฤทธิ์ “เอาซะเหนื่อยเลย จะฆ่ากันทุกคืนไม่ไหวนะ กว่าจะสืบเรื่องนี้จบ ได้กลายเป็นศพแน่ๆ” “คุณเห็นแล้วว่าตอนอารมณ์ดีๆเธอก็น่ารัก แฟนคุณเองรึเปล่าที่ไม่น่ารัก ทริปไหนที่มีเธอ ผมจะไม่พามาริจังไป แยกกันไปเลย คุณทำให้มาริยะออกมาสองครั้งแล้ว ความยุติธรรมที่คุณให้เธอไม่ได้ ขนาดเรื่องเล็กๆแบบวันนี้ คุณยังให้เธอไม่ได้เลย คุณนั่นแหละที่สร้างสัตว์ร้ายขึ้นมาในใจของเธอ” หมอนทีพูดเบาๆ จนทำให้ติณคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น ที่เขาว่าเด็กสาวไปโดยที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเดียร์เป็นคนด่าเด็กสาวก่อน หมออุ้มเด็กสาวจากเตียงของติณกลับไปในห้องของมาริ เพื่อให้เธอได้นอนสบายๆ แต่พอวางเธอลงบนเตียง มือเล็กๆกลับคว้าแขนของเขาเอาไว้ “กลับบ้านเรากัน ฉันไม่อยากเอาพวกมันเข้าคุกแล้ว กลับโรงพยาบาล” เด็กสาวพูดพร้อมกับหลั่งน้ำตา ที่โดนต่อว่าแม้เธอจะเป็นผู้ถูกกระทำ “นี่คือบ้านแล้ว ไปบ้านหมอไหม ถ้าไม่อยากยึดติดอดีตแล้ว ไปเรียนมหาลัย ไปเจอโลกใบใหม่” หมอนทีทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กสาว แล้วนอนข้างเธอแบบที่เคยทำ เขาเข้าใจตอนนี้เด็กสาวเหมือนขาดที่พึ่ง เขาคงจะเป็นที่พึ่งเดียวของเธอ นทีนอนคิดเงียบๆถึงอดีตที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่เสนอตัวมารักษามาริยะเอง ตลอด 1 ปีที่เขาพยายามรักษาคนที่ไม่ได้บ้า แต่พยายามทำตัวเองให้บ้า มันไม่มีทางหายเลย เพราะเธอไม่ได้มีอาการทางจิต อาจจะมีซึมเศร้าบาง เครียดบ่อยครั้ง แพนิครุนแรง แต่มาริยะไม่เคยมีตัวตนจริงๆ เธอไม่ได้มีสองบุคลิก แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ มาริยะอาจจะเป็นตัวตนจริงๆของเธอก็ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม