“จับพวกมันได้รึยัง”
“เอ่อ คืออออ ยังเลย แต่พวกมันจะไม่มายุ่งกับหนูแล้ว กลับไปอยู่กับแม่เนอะ แม่ไม่เห็นว่าหนูจะป่วย ยังน่ารัก ยังเป็นลูกของแม่คนเดิม ไปน้าาา กลับไปอยู่บ้านกัน” เสียงหวานของผู้เป็นแม่ พูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง ที่ลูกจะยอมออกจากโรงพยาบาลจิตเวช แล้วยอมกลับไปรักษาตัวที่บ้าน
“ไม่ต้องมาอีก” หญิงสาวลุกเดินจากไป ไม่หันกลับมามองหน้าแม่ของตัวเองอีก หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในห้องสีขาว แล้วนั่งเงียบๆ นั่งมองกำแพง ไม่ยอมออกมาจากห้อง นั่งเงียบ เหมือนคนที่คุยกับตัวเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!! เสียงเคาะประตู ไม่ได้ทำให้มาริหันไปสนใจหรืออย่างไร เพราะรู้ว่ายังไง คนเป็นหมอก็จะเข้ามาอยู่ดี มือใหญ่ปิดตาสาวน้อยที่นั่งมองกำแพง
“ทายซิ๊ ใครเอ่ย” เสียงที่คุ้ยเคยทำให้เธอแทบไม่ต้องเดา
“หมองี่เง่าที่แม่จ้างมาดูแลส่วนตัว หมอโรคจิตชอบคอสเพลย์ที่ขี้สาระแนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา” คำตอบที่เย็นชาของเด็กสาวทำให้นที แพทย์หนุ่มวัย 28 ปี ที่แม่ของเธอจ้างมาดูแลลูกสาวเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ต้องถอนหายใจ
“หมดกัน แต่ฉันแก่กว่าเธอตั้งเยอะ ให้เกียรติกันหน่อย ปฏิเสธแม่อีกแล้วเหรอ” คำถามของหมอนทีไร้การตอบกลับ ไม่มีการตอบใด ๆ จากหญิงสาว ที่นั่งมองกำแพง
“มาริ”
“มาริจังงงงง”
ต่อจะให้เรียกยังไง หญิงสาวก็ไม่ตอบเขาอีกแล้ว มีเพียงแค่ความเงียบ กับคนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็น ครอกกกกกกกกกฟี้~* เสียงกรนของหมอหนุ่มทำให้เด็กหญิงต้องหันไปมอง
“ที่นอนของฉัน โดนไอ้หมองี่เง่าแย่งไปแล้ว” คำพูดที่แสนเย็นชามันทำให้คนที่แกล้งหลับต้องแอบถอดใจ แต่การกระทำที่ตามมาของเธอมันคือการล้มตัวลงนอนข้างๆเขา เมื่อหญิงสาวหลับ หมอนทีก็ลุกขึ้นมาทันที แล้วเดินออกมาจากห้องปล่อยให้เธอนอนต่อ
[ พบผู้ป่วยครั้งที่ 189 อยู่ในห้องได้ นาน 3 ชั่วโมง 51 นาที สิ่งที่ผมได้ คือ เธอไว้ใจ ] เสียงที่อัดใส่เครื่องบันทึกเสียง ในการพบผู้ป่วย ถูกอัดไว้ทุกครั้ง
“ครั้งนี้อยู่ได้นานนะครับหมอ ไม่ไล่กัดหมอออกมาเหมือนครั้งแรก” เสียงของหมอหนุ่มทำให้ธีต้องยิ้มออกมา เพราะมันพัฒนาขึ้น
“ด่าเป็นไฟ แต่ก็ยอมให้อยู่ ถ้าผมอยู่เงียบๆอ่านะ สิ่งที่ผมได้จากเธอคือความไว้ใจ ผมอยากให้เธอยอมออกไปจากที่นี่ เพราะการที่เธออยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ สิ่งแวดล้อมมันบอกเธอ ว่าการที่เธอเป็นแบบนี้มันไม่เป็นอะไร แบบนี้มันจะมีแต่แย่ลง ผมจะทำยังไงให้เธอหายกลัวโลกภายนอกนะ” แพทย์หนุ่มทิ้งตัวลงกับพนักพิงเก้าอี้อย่างอ่อนใจ หญิงสาวที่มีปม และกลัวโลกภายนอกจนขอมาอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชด้วยตัวเอง
“แบบนี้แหละครับ ผู้ป่วยที่ถูกกระทำชำเรามา การที่น้องต้องทั้งหนีคนที่ไว้ใจ และหนีตาย มันทำให้น้องกลัวก็ไม่แปลก น่าสงสารจังเลยนะครับ”
“เธอจะถามแม่เธอทุกครั้ง ว่าพวกนั้นโดนจับรึยัง บางที ถ้าพวกนั้นไม่โดนจับเธอก็คงจะไม่ยอมออกจากที่นี่ ผมกลัวนะ กลัวว่าสักวันเธอจะบ้าจริงๆ” นทีถอนหายใจกับเคสที่แทบจะเป็นตราบาปให้เด็กสาวคนหนึ่งไปตลอดชีวิต
“นี่ดีขึ้นเยอะแล้วนะครับ ก่อนหมอนทีจะมา เราต้องให้ยานอนหลับน้องเขาตลอด เพราะน้องมีอาการแพนิครุนแรงมากเลย สู้ๆนะครับ รอแค่น้องเปิดใจ”
วันต่อมา
“มาริจางงงงงง ทำอะไรอยู่ กินข้าวรึยัง” นที เดินมาหาเด็กสาวที่นั่งตากลมอยู่คนเดียวบนม้านั่ง ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆเธอ
“พวกมันโดนจับได้รึยัง” คำถามเดิมๆจากเด็กสาว ทำให้หมอหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก เลยลองโกหก ประโยคที่ต่างจากทุกวัน
“ไม่ แต่!!! ตำรวจกำลังตามสืบแบบเงียบๆแล้ว อีกไม่นานต้องจับได้แน่ๆ” ประโยคใหม่ที่เด็กหญิงได้รับ ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความดีใจ รอยยิ้มบางๆที่พัดมากับสายลมเผยขึ้น หมอนทีรู้ว่าการโกหกมันไม่ดี แต่มันกลับทำให้คนไข้ของเขามีการเปลี่ยนแปลง
“พวกมันไม่ควรติดคุก พวกมันควรตาย พวกมันควรจะโดนทรมานจนตาย” ประโยคที่เปล่งออกมาจากปากของเด็กน้อย ทำให้หมอของเธอรับรู้ถึงความคิดที่เริ่มดำมืดในจิตใจด้วยความแค้น สายลมเย็นๆที่พัดผ่าน มันพัดความแค้นในใจมาให้เธอด้วย เด็กหญิงดึงนทีขึ้นมาเพื่อเต้นรำ โดยไร้บทเพลง เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วก็ทำให้เธอเต้นไปกับเสียงลมและนกได้เช่นกัน
“มาริ” นทีเรียกเด็กสาว แล้วเธอก็หันตามที่เขาเรียกเป็นครั้งแรก
“ค่ะ”
“ไปแต่งคอสเพลย์กันไหม” การแต่งคอสเพลย์ของนที คือการให้เธอเลือก กัอนหินหรือต้นไม้ ทุกครั้งเธอจะเลือกก้อนหิน และนั่งเฉยๆ นั่งอยู่แบบนั้นจนหลับ
“วันนี้ฉันอยากเป็นต้นไม้”
“ทำไม??”
“เพราะวันนี้ฉันได้รับแสง”
นทีไม่อาจจะพูดได้ ว่าโกหกเด็กสาว เพราะมันเหมือนเขานั้นให้แสงกับดอกทานตะวันที่ตอนนี้หันหน้ารับแสงอาทิตย์ไปเรียบร้อยแล้ว มันเลยทำให้เขานั้นต้องเต้นกับเด็กสาว แล้วเก็บคำโกหกเอาไว้ใจ
=============
อีกด้าน
“จับไม่ได้!!!! แก๊งค้าเด็กนักเรียน มันอยู่ที่ไหน ทำไมมันถึงหนีเราได้ตลอด!!!!!!” เสียงคำรามลั่นของราเชนทร์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ทำเอาลูกน้องสะดุ้งกันเป็นแถวๆ
“พวกมันอาจจะเจ๋งจริงก็ได้นะครับท่านผู้กำกับ ครั้งนี้เราจะให้คนไปจับตาดูตามโรงเรียนอีกทีนะครับ” เมธ ดาบตำรวจรุ่นเก๋า ที่ทำงานที่สณ.นี้มานาน เอ่ยพูดถึงความเข้มงวด ที่จะต้องมีมากขึ้น
“เออ งั้นฝากด้วย ไป!!! แยกย้าย ใครมีอะไรคืบหน้า รายงานผมทันที”
“ครับ” นายตำรวจหลายนายขานรับ แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ราเชนทร์วางใจได้ การที่จับแก๊งค้ามนุษย์นี้ไม่ได้สักที อาจจะเป็นเพราะมีเกลือเป็นหนอนก็ได้
ในระหว่างที่ลูกน้องทุกคนกำลังกลับบ้าน ราเชนทร์ก็ได้หยิบแฟ้มคดีหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วมาด้วย แฟ้มคดีที่ถูกตัดสิ้นว่าโดนคนรักข่มขืน ทำให้เด็กคนหนึ่งต้องถูกขังในสถานพินิจอยู่ 2 ปี แล้วเด็กอีกคนต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้า กลับไปด้วย
“ตรงกลับบ้านเลยใช่ไหมครับ” จ่าโชดถามคนเป็นเจ้านาย
“ไม่ กูจะไปบ้านไอ้ติณ ไปส่งกูที่บ้านไอ้ติณมันที” คำสั่งของคนเป็นเจ้านายทำให้โชดต้องทำตาม ขับรถไปบนถนนที่เนืองแน่นไปด้วยรถมากมาย จนไปถึงบ้านของคนเป็นลูกชาย
ติ๊งต่องง ติ๊งต่องง~ เสียงของการกดออดทำให้หญิงสาวสวยต้องออกมาเปิด
“รอคุณติณสักครู่นะคะ คุณติณเธอติด...เอ่ออ ติด...” เสียงอ้ำอึ้งของหญิงสาวทำให้คนเป็นพ่อรู้ได้ทันที ว่าลูกชายติดอะไร
“ติดหญิง?? สันดานได้ใครวะ”
รออยู่นาน ติณก็เดินมาส่งสาวสวยที่หน้าบ้าน ก่อนจะเดินกลับมาหาคนเป็นพ่อที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกที่หน้าบอกบุญไม่รับ เพราะรอมานานแล้ว
“พ่อมีอะไร มาหาแบบไม่ได้นัด” คนเป็นลูกชายถามพ่อที่มาแบบไม่ได้นัดหมาย
“แกจำคดีคดีนี้ได้ไหม เด็กหญิงคนนี้ มาริยะ เนกุมิ เหยื่อคดีโดนแฟนข่มขืน” ราเชนทร์ส่งแฟ้มคดีให้ติณดู แฟ้มคดีธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แค่มันเป็นคดีที่ลูกชายของตัวเองเคยทำ
“จบไปแล้วนี่ แฟนก็ได้รับโทษแล้ว มีอะไร” ติณไม่แม้แต่จะหันมองแฟ้มด้วยซ้ำ เพราะความผิดพลาด ทำลายชีวิตของเด็กไปถึงสองคน
“ไถ่บาปซะ รื้อคดีนี้ขึ้นมาทำใหม่ ในแบบของแก ทำเงียบๆ ตำรวจมากมายตอนนี้ไว้ใจใครยากน่าดู” ราเชนทร์ร่อนแฟ้มเอกสารให้ลูกชาย
“ครั้งนั้น เราเอาตำรวจเข้าไปบุก มันไม่มีอะไรเลย แม้จะมีการกระทำชำเราจริง แต่ไม่มีสถานที่ตามที่เด็กผู้หญิงคนนั้นบอก เด็กผู้หญิงคนนั้นร้องไห้จนแทบเสียสติ ที่เอาตัวคนร้ายมารับผิดไม่ได้ ปากก็ว่ามันผิด มันผิด โคตรสะเทือนใจ ฉันเองก็เชื่อที่เด็กคนนั้นเล่า แต่ทางตำรวจไม่มีหลักฐานที่มากพอ จับแพะตามเคย” ติณร่อนแฟ้นคดีคืนให้คนเป็นพ่อ
“ตอนนี้พ่อตามคดีแก๊งค้านักเรียนอยู่ แต่ไม่ว่าจะตามไปกี่ครั้งมันก็จะหนีได้ทุกครั้ง พ่อคิดว่ามันมีเกลือเป็นหนอน คดีนี้ ถ้าแกอยากแก้ตัว ฉันยกให้ แต่ไม่ได้ทำในฐานะตำรวจนะ ทำในฐานะนักสืบเอกชน ไถ่บาปที่แกเคยทำ” คนเป็นพ่อส่งแฟ้มคดีให้ลูกชายอีกครั้ง
“เด็กคนนั้นบ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ติณถามคนเป็นพ่อถึงอาการของเด็กหญิงลูกครึ่งญี่ปุ่น
“ไม่ได้บ้า แต่ไม่ยอมออกมาจากโรงบาลบ้า เพราะกลัวอิทธิพลของพวกนั้น ถึงเวลาแกคืนชีวิตให้เด็กคนนี้แล้ว”
ภาพหญิงสาวน่ารัก ที่ชีวิตต้องพังพินาศเพราะเขา มันทำให้เขาต้องรับผิดชอบ สิ่งที่เขาได้ทำผิดพลาดจนเป็นบ่วงผูกติด ให้เขาต้องรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้
หลายวันต่อมา
@โรงพยาบาลจิตเวช
“อยากพบ มาริยะ เมกุมิ” ติณมาพบเด็กหญิงที่เคยหลงลืมความผิดที่ทำผิดต่อเธอมานานแล้ว เขาเดินมาหาหญิงสาวที่นั่งเหม่อลอย เมื่อเด็กหญิงวัยกำลังน่ารักหันมาเห็นเขาเพียงเท่านั้น ก็ไล่ทำร้ายร่างกาย ทั้งตบ ทั้งจิก ทั้งกัด จนหมอนทีที่มาตรวจอาการเด็กสาวตามปกติ ต้องรีบวิ่งเข้ามากอดเอาไว้จนเด็กหญิงใจเย็นลง
“ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไรแล้วหมออยู่นี่แล้ว มาริจางงงง เห็นไหมว่าหมออยู่ตรงนี้” นทีกดเด็กสาวเอาไว้กับพื้น ไม่ให้เธอไปทำร้ายใครได้อีก
“เห็นแล้ว แต่ฉันเกลียดผู้ชายคนนี้” เสียงร้องไห้โฮ ทำให้ติณสะเทือนใจมากๆ แต่ทำได้เพียงมองดูอยู่เงียบๆ มองดูหมอนที กอดรัดเด็กสาวเอาไว้ ปากที่อ้าออกของเด็กสาว ทำให้หมอต้องรีบพูดดักคอ
“มาริ มาริจาง อย่ากัดหมอนะ หมอเจ็บ คุณตำรวจมาเพื่อสืบคดีของมาริไง มาริต้องใจเย็นๆก่อน มาริไม่ต้องกลัว หมออยู่ตรงนี้ จะไม่ให้ใครแกล้งมาริได้อีก” นทีปลอบเด็กสาวจนสงบลงได้บ้าง ติณเลยย่อตัวลงมาคุยกับคนที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ที่พื้น
“มาริยะ เอ่อออคือ ฉันจะมารื้อคดีของเธอ เพื่อเอา.....”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!” เสียงกรีดร้องของเด็กสาวทำให้ติณหยุดพูดด้วยความตกใจ
“น้องไม่อยากให้เรียกแบบนั้น ได้โปรดเรียกน้องว่าหนูมาริ”
“ต่างกันตรงไหน???”
“ตรงที่ใจเธอจะยอมรับไง เรียกหนูมาริได้โปรด ผมเหนื่อย” นทีขอร้องคนที่มาคุยธุระ แต่กลับทำให้เขาเหนื่อยเหลือเกิน
“หนูมาริ พี่ติณจะมาขอความช่วยเหลือจากหนู พี่ติณจะมารื้อคดี พี่ติณอยากให้หนูมาริช่วย” การใช้ไม้นวมได้ผล เด็กสาวยอมรับฟัง
“ยังไง” เสียงเล็กๆเอ่ยถามติณ
“กลับไปเรียน แล้วลากตัวพวกมันมารับโทษ สาวไส้ออกมาให้หมดทั้งกระบวนการ” คำตอบของติณทำให้เด็กสาวนิ่ง เงียบ ใช้ความคิด เด็กสาวที่ 1 ปี ไม่เคยก้าวออกจากโรงพยาบาลจิตเวชเลยสักครั้ง
“ตกลง” คำตอบที่ทำให้ทั้งหมอ และติณยิ้มออกมา เพราะเธอจะยอมออกจากที่นี่
“น่ารักมาก ฉันจะไปคุยกับผู้ปกครองเธอ” ติณยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่ต้องดับไป เพราะคำพูดต่อไปของเธอ
“เอาโรงเรียนมาที่นี่”
มาริ Say ::
‘ถ้าออกไป เราจะฆ่ามันได้นะ’ เสียงแว่วในหูมันกำลังบอกว่าฉันบ้า ฉันมองกำแพงสีขาว มุมเดิมที่ทำประจำ เพื่อคุยกับมาริยะ
"ถ้าาาาา บ้านมันไม่ปลอดภัยล่ะ" ความกลัวในใจมันกำลังทำให้ฉันประสาทกิน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !!!! เสียงเคาะประตูของตัวน่ารำคาญมาอีกแล้ว ฉันเดินไปเปิดประตูให้คนที่มา หมอนทีคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือชุดคอสเพลย์ชุดใหม่ วันนี้ฉันเป็นดอกทานตะวันเหรอ ไม่ได้แย่ไปกว่าเดิมเท่าไหร่ ก้อนหิน ต้นไม้ และดอกทานตะวัน ถ้าจะให้ฉันมองคนที่บ้าที่สุดในโรงพยาบาล คงจะต้องเป็นหมอประจำตัวของฉันเอง เขาชอบให้ฉันแต่งตัวเป็นอะไรแปลกๆ แล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ประเด็นคือ ฉันชอบด้วยสิ เพราะฉัน ไม่ต้องเป็นฉัน
“ชุดประหลาด”
“ชอบอะดี๊ วันนี้เธอเป็นดอกทานตะวัน ออกไปข้างนอกกันไหม กลับไปสู้กับชีวิตอีกครั้ง” ประโยคของคนที่ส่งชุดดอกทานตะวันดอกโต ที่ทำจากผ้าเน่าๆและกระดาษที่เดาว่าน่าจะทำเอง มาให้ฉันใส่ แน่นอนฉันชอบมัน ฉันใส่มันแบบบไม่ลังเล
“ชอบ”
“ไม่ฟังหมอเลย หมอบอกเราออกไปอยู่ข้างนอกกันไหม เธอ กับ หมอ” คำขอรอบที่ล้านแปด ถามทำไม ถามก็ถูกปฏิเสธ
“หมอว่างเนอะ”
“พ่อแม่เธอจ่ายเงินดีต่างหาก”
“งั้นสาบานจะไม่รีบหาย ให้หมอสูบเงินแม่ฉันไปนานๆ” ฉันนั่งเงียบ มองกำแพงอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือ ความเงียบจากคนสองคน ที่ทุกวันนี้มันเริ่มยาวนาน
เงียบจาก 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง แล้วหมอก็หลับอีกแล้ว ทำไมชอบนอนเตียงฉัน หรือมันถึงเวลาที่ฉันต้องหลับบ้างแล้ว ฉันทิ้งตัวลงนอนในชุดดอกทานตะวัน สีเหลืองเหมือนขี้ ออกไปอยู่ข้างนอกงั้นเหรอ ไปอยู่กับพวกเลวพวกนั้นงั้นเหรอ น่ากลัวจัง ทุกคนมองฉันด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ ที่ยังดังก้องอยู่ในหู
“ไม่เอา กลัว กลัวจังเลย หมอ ช่วยด้วย หมอออออออ ฮึก ฮึก ช่วยด้วย” คำร้องขอของฉัน ทำให้หมอต้องรีบคว้าฉันมากอดเอาไว้
“มาริจาง หยุดคิดก่อน หยุดคิดก่อน”
“อย่าทำหนู ได้โปรดดด หนูเจ็บ เจ็บไปหมดแล้ว” ความทรงจำเก่ามันพาเจ็บปวด เหมือนมันกำลังเกิดขึ้นอยู่ ฉันสะบัดหน้าไปมา เพราะหนีชายแก่ที่กำลังจะป้อนจูบ ไม่ ไม่เอาแล้วววว
“มาริจังงงง มองหน้าหมอออออออออ นี่หมอ เห็นหมอไหม นี่หมออออออออ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ได้เจ็บปวด หมออยู่ตรงนี้ จะไม่ให้ใครมาทำอะไรเธอแล้ว นอนหลับซะนะเด็กดี รู้อะไรไหม หมอดูแลเธอ เหมือนหมอเลี้ยงลูกเลย เอ่เอ้ นอนน้าาาาาา หลับฝันดีน้าาา” มือใหญ่ที่ลูบอยู่ที่หัว มันทำให้อุ่นใจ แล้วหลับตาลงได้บ้าง
หลายวันต่อมา
“เธอจะปล่อยให้พวกมันลอยนวลเหรอ พวกที่มันทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้” ตำรวจเลวคนนั้นมาอีกแล้ว คนที่เอาความหวังไปจากฉัน ฉันอยากจะเอามีดกรีดหัวใจมันนัก เอาหัวใจของมันออกมาดู ว่าสีอะไร ‘เอาสิเอาเลย’
“ตกลงค่ะ” แม่ฉันที่มาเยี่ยมวันนี้พร้อมกับตำรวจเลวตอบแทนฉันขึ้นมา
“ไม่ตกลง” ฉันที่เงียบอยู่นานรีบปฏิเสธทันที ‘แต่ถ้าออกไป จะได้เอามีดกรีดหัวใจไอ้ตำรวจเลวนี่นะมาริ’
“ตกลง” หมอช่วยตอนย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
“มาริยะ นั่นตำรวจ” ฉันกระซิบถามความคิดในหัว ซึ่งเธอก็ตอบฉันด้วยเสียงหัวเราะ ‘ตำรวจโง่ที่เอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้ เก็บเอาไว้ทำไม ฆ่ามันทิ้งเลยดีไหม’
“ตกลงนะลูกกลับไปอยู่บ้านเรากัน” แม่ของฉันอ้อนวอนฉันที่ยังคุยกับมาริยะในหัวอยู่
“ไปอยู่บ้านตำรวจได้ไหมคะ อยู่กับตำรวจไทย ปลอดภัยเสมอ” คำพูดที่ยาวที่สุด ที่ฉันคุยกับแม่เลยนะเนี่ย คนที่ให้ความยุติธรรมไม่ได้ จะอยู่ไปทำไม มันเป็นคนแรกที่จะต้องจัดการ ใช่ไหมมาริยะ
“งั้นผมไปอยู่ด้วย ยังไงผมเป็นหมอ ต้องดูแลเธอ เวลาที่เธอรู้สึกไม่ดี” หมอเสนอตัวทำไม!!!
ตัวน่ารำคาญ ตามติดชีวิตจอแจ จะหนีหมอนี่ยังไงดี มีหมอชีวิตฉันครึ่งๆกลางๆ ไม่ได้ไปไหนเลย หมอซื่อบื้อกับตำรวจเลว แต่มาริยะ ฉันกลัว ถ้าไอ้ตำรวจนี่ข่มขืนเราอีกล่ะ
“เอ่อออ ที่บ้าน!!!! บ้านนนนผมงั้นเหรอออ ทำไมต้องงงงงบ้านของ...ผมล่ะ”
1 อาทิตย์ต่อมา
การก้าวออกจากรถตู้ที่ไม่คุ้นเคย บ้านหลังเท่ารูหนู บ้านแบบนี้จะอยู่ได้จริงเหรอ จะปลอดภัยไหม จะมีคนร้ายอีกรึเปล่า ไม่เอาแล้ว อยากกลับโรงพยาบาล
“หมออออ จะกลับ ไม่เอาแล้ว หมออออ จะกลับ” ฉันยื้อตัวเองไม่ยอมลงจากรถตู้ จนคนในรถต้องรีบดันฉันลงมา
“ไม่เอา ออกมาแล้ว กลับเข้าไปอีกทำไม”
“แม่ค้าาาา หนูจะกลับ แม่!!!! หนูจะกลับ แม๊!!!!!!! ไม่เอาหนูกลัว” ความกลัวจับใจ กลัวพวกมันตามมาที่บ้าน หัวใจของฉันเต้นรัว สั่นสะท้านเพราะมันไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับฉันเลย
“คุณนายไปเลยครับ ถ้าคุณนายยังอยู่ หนูมาริจะคิดว่ามีที่พึ่ง” คำสั่งจากไอ้ตำรวจเลว ไล่แม่ฉันกลับไป ไม่แม่
แม่ แม่ แม่อย่าทิ้งหนู แม่!!!!! ได้โปรดดดดดดดด แม่!!!!! แล้วแม่ของฉันก็จากไป จากไป จากไป จากไป จากไปพร้อมกับความหวังในใจ สั่น สั่นไปทั้งตัวเลย
“หมอ เอาฉันกลับไป หมออออออ”
“ไปเถอะ มันจะไม่เป็นอะไร มาริจังแค่กลัว แต่เธอไม่ได้บ้า อยู่ในนั้นมีแต่จะบ้าจริงๆเข้าสักวัน ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ไปอยู่บ้านหมอก็ได้ ยินดีมาก” รอยยิ้มของหมอผู้แสนจะน่ารำคาญมันบอกว่า แม่ฉันขึ้นเงินให้แน่ๆ
“ไปเถอะเด็กน้อย ห้องของเธออยู่ชั้นบน ฉันจะพาไป” ตำรวจเลวพาฉันเข้ามาในบ้าน พร้อมกับพาหมอเข้ามาด้วย สีหน้าของเขาไม่ได้บอกว่ายินดีที่เรามา ทำหน้าทุกข์กว่านี้สิ ทำหน้าให้ทุกข์เท่าครึ่งหนึ่งที่ฉันเจอออ!!!!
.
.
“หนูมาริสินะ เล่าเรื่อง วันนั้นให้ฟังอีกทีได้ไหม” การสอบสวนแบบไม่เป็นทางการเริ่มต้นขึ้น ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จู่ๆก็ถาม
“บ้าเปล่าเนี่ย มาถามตอนนี้” หมอคัดค้านคำถามขึ้นมาทันที
“ไม่เล่าจะช่วยยังไงวะ หมอเริ่มชักวุ่นวายการทำงานของผมมากไปละ หนูมาริฟังนะ ผมตั้งใจจะช่วย ถ้าคุณไม่เล่า ผมจะช่วยอะไรคุณไม่ได้ ครั้งนี้ผมสาบานจะเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้” แววตาที่มุ่งมั่นนี่อีกแล้ว แววตาที่ให้ความหวัง แล้วเอามันคืนไป เพราะจับใครก็ไม่รู้ แล้วบแกว่าฉันสมยอม
“ในคืนวันก่อนงานกีฬาสี ฉันเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ฉันอยู่ซ้อมจนดึก ระหว่างทางที่ฉันจะต้องกลับบ้าน มีคนสาดอาหารลงมาจากหน้าต่างชั้นบน ทำให้โดนเต็มเสื้อของฉันที่เดินอยู่ข้างล่าง เพื่อน เพื่อน......” เพื่อนสารเลว ครูสารเลว พวกสารเลว ทุกคนหักหลัง ทุกคนหลอกฉัน ความคิดในหัวมันเริ่มตีกันมั่ว เหมือนเรื่องมันเพิ่งเกิดมาเมื่อวาน
“ต่อสิครับ ผมฟังอยู่” ตำรวจคนนั้นถามย้ำ
“หนูมาริ หมอฟังอยู่ค่ะ สัญญาหมอไม่บอกใคร” หมอนทียิ้มให้ฉันก่อนจะดึงสีหน้าเจื่อน
เอาอีกแล้ว คำถามจี้ คำถามที่จี้ถามเหมือนในศาล คำถามที่เหยียดหยาม คำถามที่เหมือนดึงฉันออกมาข่มขืนกลางศาลอีกครั้ง ไม่เอา ไม่เอาแล้ว ฉันยกมือขึ้นมาป้องหูเพราะไม่อยากได้ยินคำถามที่ดังขึ้นอีก
“ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ จะไม่มีใครช่วยคุณได้นะ” เสียงดังยังคงถามฉัน ไม่เอาไม่ฟังแล้ว
“พอก่อนคุณ พอก่อน อาการไม่ค่อยดีแล้ว” หมอพยายามจะเข้ามาจับฉัน แต่ฉันไม่เอาไม่ไหว ไม่อยากอยู่แล้ว อยากอยู่คนเดียว
.
.
“อยากวุ่นวาย อยากยุ่งเรื่องที่คนอื่นได้กัน ตัววุ่นอย่างพวกคุณควรได้กันเอง” ปึง!!!!! เสียงปิดกระแทกประตูของเด็กสาวที่เข้าไปห้องด้วยความหวาดกลัว
“เอาไงดี เธอบอกให้เราได้กัน คุณสนใจผมไหม?” หมอนทีหันไปถามติณด้วยสีหน้ายียวนไม่พอใจนัก เพราะบอกให้หยุดติณไม่ยอมหยุด
“แม้แต่หมอก็เสือกโรคจิต งานนี้ไม่ง่ายแล้ว”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก มาริจังงงง ขอหมอเข้าไปหน่อยได้ไหม หมอปลอดภัย หมอชอบผู้ชาย” เสียงของที่หมอหนุ่มพูดขึ้น ทำให้คนเป็นนักสืบ ถึงกับขนลุกที่ต้องอยู่ร่วมชายคา
“กูจะบ้า!!!!!”
“ต้องใจเย็นๆนะคุณนักสืบ น้องมีแนวโน้มที่จะออกไปไล่ฆ่าคนได้เลยนะ แม้ตอนนี้จะไม่ถึงขั้นนั้น แต่น้องมีความแค้นเป็นทุนเดิม อย่ากระตุ้น อย่าจี้ อย่าพูดให้น้องแค้น อย่าบอกน้องว่าเราต้องเอาคืน จำไว้ นี่คือข้อห้าม อย่าเรียกมาริยะออกมา แล้วอย่ามาชอบคนไข้ของผมด้วย” นทีพูดกับนักสืบหนุ่มที่อยู่ในบทตำรวจให้เบาที่สุด
“นั่นคนบ้านะเว้ย”
“มาริจังน่ารักนะ ในยามที่เธออารมณ์ดี”
“ประสาท กูจะบ้าตาย แล้วจะจบเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ว่ะเนี่ย” ติณกุมขมับที่สาวน้อยไม่ให้ความร่วมมือเลย