EPISODE 8 ข้อแลกเปลี่ยน

1833 คำ
ข้อแลกเปลี่ยน 8 พอเพียงเดินออกมารอราชสิงห์เมื่อเขาโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว เธอคิดไว้ว่าเมื่อเขามาถึง เธอจะรีบหาแหวนของเธอเพื่อลดเวลาในการอยู่กับเขา ปริ๊น ปริ๊น เสียงแตรบีบเรียกเธอจากอีกฝั่งของถนน พอเพียงหรี่ตามองเล็กน้อยและเธอก็มั่นใจว่าเป็นรถของราชสิงห์ “แล้วทำไมถึงไม่มาจอดตรงนี้นะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองและขณะที่กำลังล้วงหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเขา เสียงบีบแตรก็ดังขึ้นรัวๆ จนคนแถวนั้นเริ่มแตกตื่น “คิดจะทำอะไรของคุณน่ะ” สิ่งที่เขาทำ ทำให้พอเพียงต้องรีบข้ามถนนไปยังฝั่งที่รถเขาจอดอยู่โดยไม่รู้เลยว่า คนในรถกำลังยกยิ้มมุมปากอย่างผู้สำเร็จ เขารู้ว่าถ้าเขาไปจอดหน้าบ้านเธอ พอเพียงก็จะรีบหาแหวนตัวเอง ไม่มีทางขึ้นมานั่งบนรถเขาแบบนี้แน่ “คุณทำอะไรของคุณคะ” ทันทีที่เดินมาถึงรถราชสิงห์ เธอก็รีบเปิดประตูถามเขา “ขึ้นมาก่อนสิ คนมองใหญ่แล้วนะ” พอเพียงมองไปรอบๆ และมันก็เป็นจริงอย่างที่ราชสิงห์ว่า คนแถวนั้นเริ่มหันมามองกัน ด้วยความที่เธอไม่ทันได้คิดอะไร เธอก็พาตัวเองเข้ามานั่งในรถของราชสิงห์พร้อมด้วยปิดประตูเสร็จสรรพ “หึ” ทันทีที่พอเพียงปิดประตู ราชสิงห์ก็ออกรถทันทีโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันได้ตั้งตัว พอเพียงหลับตาปี๋จนกระทั่งราชสิงห์ผ่อนความเร็วลง เธอถึงกล้าลืมตาและลอบถอนหายใจ “ทำไมคุณขับรถแบบนี้คะ มันอันตรายนะ” “ก็ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร” “คุณสิงคะ” เพื่อเป็นการไม่ให้ถูกเธอบ่นไปมากกว่านี้ ราชสิงห์เลยต้องเปลี่ยนเรื่อง “ก่อนจะบ่นฉันขับรถเร็ว เธอควรตกใจที่อยู่ๆ ฉันขับรถพาเธอออกมาดีกว่าไหม” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง รีบหันมาโวยวายในเรื่องที่เธอลืมคิดไปเลย “คุณสิงจอดรถนะคะ จะพาฉันไปไหนคะ” วันนี้เธอยังคงไม่ได้ใส่แว่นและคิดว่าคงไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ด้วย สังเกตได้จากการหรี่ตาในบางครั้งของเธอ “ปกติเธอใส่แว่นตลอดรึเปล่า” เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่พอเพียงโวยวายแต่กลับถามคำถามเธอแทน “ก็เกือบตลอดนะคะ พอเพียงไม่ค่อยชอบใส่คอนแทคเลนส์” “แล้วอย่างนี้เธอมองเห็นรึไง” “ก็มองเห็นนะคะ อาจจะมีเบลอบ้าง บางครั้งเลยต้องเพ่ง” “แล้วทำไมถึงยังไม่ใส่วะ” ราชสิงห์เผลอขึ้นเสียงอย่างลืมตัวเมื่อคิดได้ว่าพอเพียงใช้ชีวิตทั้งที่สายตาไม่เต็มร้อย “คุณจะมาขึ้นเสียงทำไมคะคุณสิง” “ก็เธอทำตัวน่าโมโห” “ยังไงคะ?” พอเพียงเอียงคอถาม ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม นั่นทำให้เธอดูน่ารักมากกว่าน่ารำคาญ “ยังจะมาทำหน้าซื่ออีก” “เอ๊ะ แล้วทำไมต้องว่ากันด้วยคะ พอเพียงก็แค่ถาม” “เหอะ มันน่านัก รู้ว่าตัวเองสายตาไม่ดียังไม่รู้จักใส่แว่น บลาๆ” สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนพอเพียงแทบตามไม่ทัน ก่อนหน้านี้เธอกำลังจะบ่นเขาเรื่องขับรถไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้กลายเป็นเธอมาโดนเขาบ่นได้ล่ะ “คุณสิงหิวน้ำไหมคะ” พอเพียงเอ่ยถามขึ้น หลังจากราชสิงห์บ่นเรื่องเธอไม่ใส่แว่นต่อเนื่องมาเกือบยี่สิบนาที คนขี้บ่นเลยหันมามองหน้าเธอ “เธอหิวรึไง” “เปล่าค่ะ พอเพียงเห็นคุณสิงบ่นเยอะเลยเกรงว่า...” “นี่เธอหาว่าฉันขี้บ่นเหรอ ห้ะ!!!” “เปล่าค่ะ ก็แค่เป็นห่วง กลัวคอจะแห้ง” พอเพียงพูดเสียงอ่อย ภายนอก ราชสิงห์ดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะขี้บ่นได้ขนาดนี้ นี่ขนาดแค่เรื่องแว่น เขายังบ่นเธอได้เกือบยี่สิบนาที “หึ ที่บ่นเพราะเป็นห่วง” เอี๊ยด ราชสิงห์พูดออกมาเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหยุดรถ “คุณสิงว่าอะไรนะคะ” “ลงไปสิ” “หือ ไปไหนคะ” “ซื้อน้ำไง” พอเพียงมองออกไปก็เห็นว่าราชสิงห์มาจอดรถอยู่หน้าร้านเครื่องดื่ม เธอเลยลอบยิ้มขำๆ “ที่แท้คุณสิงก็หิวน้ำจริงด้วย” “พูดมากหน่า” ราชสิงห์เบือนหน้าหนีสายตาล้อเลียนและรอยยิ้มขบขันของเธอ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบแต่เพราะเขาเสียอาการมากกว่า “อิอิ ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ” “ใครเขิน อย่ามามั่ว” ราชสิงห์รีบแก้ตัว ใบหน้าแดงลามไปถึงหู แต่ทว่าคำว่าเขินของเขาและเธอกลับมาที่มาคนละอย่างกัน “เวลาคุณพ่อบ่นพอเพียงก็ชอบคอแห้งเธอแบบนี้แหละค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะเปิดประตูเดินลงจากรถไป “ยัยบ้าเอ๊ย คิดว่าฉันอายเรื่องที่เธอล้อรึยังไง” มือหนาลูบหน้าตัวเองก่อนจะผ่อนลมหายใจแรงๆ เขาเขินเพราะรอยยิ้มของเธอต่างหาก เพียงครู่เดียวพอเพียงก็เดินกลับมาพร้อมน้ำในมือหนึ่งแก้วแถมด้วยถุงขนมอีกสองสามถุง “ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” “ขนมค่ะ พอเพียงเห็นมันน่ากินดี” “นั่นเธอจะทำอะไร” ราชสิงห์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพอเพียงก้มๆ เงยๆ เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างและไม่ยอมปิดประตูอีกด้วย “พอเพียงขอหาแหวนแป๊บหนึ่งนะคะ เราจะได้แยกกันตรงนี้เลย” ตั้งแต่เกิดมา มีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหาเห็นจะมีแต่กระต่ายน้อยของเขานี่แหละที่พยายามวิ่งหนีจากเขา “ไม่ต้องหา เข้ามานั่ง” “คุณสิงห์รีบเหรอคะ พอเพียงขอหาแป๊บเดียวนะคะ” พอเพียงดื้อกว่าที่คิด นี่พอเพียงไม่อยากอยู่ใกล้เขาขนาดนี้เลยรึไงกัน “พอเพียง ฉันบอกให้เข้ามานั่ง” ราชสิงห์สั่งเสียงแข็งเหมือนเวลาสั่งลูกน้องด้วยความเคยชินและตอนนี้เขาหงุดหงิดนิดๆ แล้วด้วยที่เธอมีท่าทางไม่อยากอยู่ใกล้เขา “ฉันจะไม่พูดซ้ำนะพอเพียง!!” คราวนี้เขาขึ้นเสียงเข้มกว่าเดิม พอเพียงเงยหน้ามองเขา เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาที่เกิดจากการตกใจเสียงตวาดของเขา “ทำไมคุณชอบตวาดคะ” หญิงสาวถูกเลี้ยงดูมาประดุจไข่ในหิน ฉะนั้นเรียกได้ว่าเธอไม่เคยมีใครตวาดหรือแสดงกริยาดุดันแบบนี้เลย “ก็เธอไม่ฟัง” “พอเพียงแค่...” “ขอโทษแล้วกัน ขึ้นมานั่งก่อน” เหมือนทั้งคู่ยอมกันคนละครึ่งทาง ราชสิงห์ยอมลดเสียงลง พอเพียงเองก็ยอมขึ้นมานั่งแต่ยังไม่ปิดประตู “คุณสิงมีอะไรคะ” “เอาไป นี่แหวนที่หาใช่ไหม” พอเพียงรับแหวนสีโรสโกลด์ของตัวเองมาถือไว้ด้วยความดีใจ เธอพิจารณาแหวนอย่างถี่ถ้วนเมื่อมั่นใจว่าเป็นของตัวเองจึงรีบหันไปยกมือไหว้ขอบคุณราชสิงห์ “ขอบคุณมากนะคะคุณสิง” ราชสิงห์มองการกระทำเธอด้วยความพึงพอใจ เขาเลือกไม่ผิดจริงๆ เมียคนนี้งามทั้งกายและกริยามารยาท ฉะนั้นต้องรีบตีตราจองซะก่อนจะมีหมามาคาบไป “คราวนี้ถึงตาเธอต้องทำตามสัญญาแล้วนะ” คิ้วสวยเลิกขึ้น หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย ราชสิงห์แอบลอบกลืนน้ำลายกับท่าทางน่ารักของคนตรงหน้า เหยื่อเขาน่ารักขนาดนี้ เขาจะอดใจไม่ขย้ำได้อีกนานแค่ไหนกัน “ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่ทำอะไรให้ฟรีๆ” “คุณสิงต้องการอะไรบอกมาได้เลยค่ะ” เมื่อเข้าใจสิ่งที่ราชสิงห์พูด พอเพียงเลยถามออกไปอย่างนั้น “อาทิตย์นี้เธอไม่มีเรียนแล้วใช่ไหม” “ค่ะ อาทิตย์นี้หยุดยาว” “ดี การตอบแทนนี้ดูเหมือนต้องใช้เวลานาน” พอเพียงไม่เอะใจเลยสักนิด เธอเชื่อคนง่ายจนเกินไปและดูเหมือนราชสิงห์ต้องสอนเธอให้มีทักษะในการใช้ชีวิตมากกว่านี้แต่ตอนนี้ขอปล่อยไว้ก่อนแล้วกัน เพราะเขาเองจำเป็นต้องใช้ความซื่อของเธอเพื่ออานาคตของพวกเขาทั้งคู่ สถานที่ที่ราชสิงห์ขับรถมาใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร หญิงสาวข้างกายเขาเลยผลอยหลับไปเสียแล้ว “นี่ตั้งใจนอนหรือตั้งใจยั่วกันแน่” ราชสิงห์มองสำรวจใบหน้าสวยหวานของคนที่กำลังหลับอยู่ มือหนายื่นไปคลอเคลียแก้มใสสีแดงระเรื่อแผ่วเบา ริมฝีปากบางสีเดียวกันเผยอขึ้นเล็กน้อย ราชสิงห์จ้องมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเธอเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ ถึงแล้วเหรอคะ” “ใช่น่ะสิ ตื่นได้แล้ว” พอเพียงกะพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับให้สายตาคุ้นชินกับแสง “ที่นี่ที่ไหนคะ?” “บ้านพักตากอากาศฉันเอง” “แล้วเอ่อ เรามากันทำไมคะ?” “หวังว่าเธอคงไม่ลืม เรื่องที่จะตอบแทนฉันเรื่องช่วยหาแหวนนี่” “พอเพียงไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” “ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ลงมา” พอเพียงมองไปยังสถานที่ตรงหน้าด้วยสายตาหวั่นๆ ทำเอาคนแอบมองอยู่นึกขำในใจ โธ่ แม่กระต่ายน้อยของเขา “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช้งานเธอหนักหรอก” “...” “หมดแรงเมื่อไหร่ ฉันก็ปล่อย” “อย่าบอกนะว่าคุณสิงห์จะ...” สีหน้าพอเพียงเต็มไปด้วยความกังวล หญิงสาวขยับตัวออกห่างราชสิงห์โดยอัตโนมัติ ราชสิงห์เองเห็นอย่างนั้น ก็นึกอยากแกล้งเธอเข้าไปอีก เขายกยิ้มมุมปาก ค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปหาเธอ “คะ...คุณสิง” เสียงหวานตะกุกตะกัก เธอถอยหลังหนีจนกระทั่งแผ่นหลังบางติดกับขอบประตู ราชสิงห์ก็ยังไม่หยุดรุกราน แขนแกร่งสองข้างกักร่างเธอไว้ก่อนที่เขาจะก้มลงเฉียดผ่านแก้มนิ่มไปกระซิบข้างหูเธอ “ฉันแค่จะให้เธอมาเป็นแม่บ้านชั่วคราว” “คะ แม่บ้านเหรอ” “หึ หรืออยากทำมากกว่านั้นครับน้องพอเพียง” “ไม่ค่ะ ไม่ แม่บ้านน่ะดีแล้ว” พอเพียงส่ายหน้ารัวเร็ว และต้องหลับตาปี๋เมื่อราชสิงห์หันหน้ากลับมา ปลายจมูกโด่งชนกันโดยที่อีกคนจงใจ ราชสิงห์อดใจไม่ไหว ฝังจมูกลงบนแก้มนิ่มที่แดงขึ้นเรื่อยๆ “คุณสิง!” “แก้มเธอเปื้อนน่ะ เลยเช็ดให้” พูดจบเขาก็ผละออก เดินลงจากรถ เข้าตัวบ้านไป ทิ้งให้ พอเพียงนั่งใจเต้นแรงอยู่คนเดียวในรถ มือเล็กยกขึ้นจับหน้าตัวเอง พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ “ไม่เห็นเลอะเลย ไอ้คนบ้า” ————————- ตอนนี้จัดให้เขินกันยาวๆจุกๆไปเลย ถ้าชอบอย่าลืมคอมเมนท์กันน้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม