Love is cat's 8
“พี่ เด็ก ๆ เป็นยังไงบ้าง” ฌอนที่เปิดประตูรถขึ้นมานั่งได้ก็รีบร้องถามด้วยความเป็นห่วงเด็ก ๆ ทันทีเช่นเดียวกันกับฉัน
“ไวท์น่าจะแพ้อาการเลยมีอาการแบบนั้น พรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้แล้วล่ะ”
“โล่งออกเลย นึกว่าจะไม่สบายหนัก” ฌอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยื่นมือไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยมารัดก่อนจะนั่งนิ่ง เมื่อเห็นว่าฉันค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากที่จอดหน้าบริษัท
“หยุดวันไหนบ้าง”
“สุดสัปดาห์นี้สามวันครับ แล้วก็ทำเรื่องเอกสารที่จะบินไป วันแข่งพี่ไปไหม?”
“พี่ต้องดูก่อนนะ”
“ครับ แล้วเราจะกินอะไรกันดีวันนี้”
ฌอนยังชวนคุยด้วยรอยยิ้ม เหมือนน้องจะเป็นคนชวนฉันคุยมากกว่า น้องน่ะรู้จักนิสัยฉันเป็นอย่างดีเลยล่ะ คงจะรู้ว่าฉันพูดไม่เก่งเลยมักจะชวนคุยอยู่แบบนี้เสมอ แต่เวลาคุยกับน้องฉันไม่เคยมีความรู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามเมื่อฉันรู้สึกดีใจที่มีเรื่องให้คุยกับน้องแม้เรื่องเหล่านั้นน้องจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาก็ตาม
“อยากกินพวกอาหารแซ่บ ๆ อะ”
“อาหารไทยไหมล่ะ พวกต้มยำ ยำ ส้มตำ” ฉันเสนอ
“ได้ครับ ไปร้านโปรดพี่นะคิดถึงรสชาติอาหารที่นั่นมาก”
“หึ ได้เดี๋ยวพี่พาไป”
ช่วงอายุที่ห่างจากน้องชายไม่ได้ทำให้เราเขินหรือไม่สนิทกันเลยสักนิด เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เราสองพี่น้องนั้นสนิทกันมาก ยิ่งนานวันยิ่งสนิท คล้ายกับเราทั้งสองคนรับรู้อยู่ภายในใจลึก ๆ ว่าตอนนี้เรามีกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
“ผมอยากกินหลายอย่างเลยอะพี่” ฌอนเอ่ยบอกกับฉันระหว่างที่เปิดเมนูดูรายการอาหาร
“อยากกินก็สั่ง แต่อย่าลืมนะฌอนว่าตัวเองแพ้แมงกะพรุนดูด้วยว่ามีเมนูที่ใส่แมงกะพรุนหรือเปล่า” เอ่ยย้ำกับน้องชายเสียงเบา
“ครับพี่เฌอ” ฉันปล่อยให้น้องชายสั่งอาหารที่อยากกินมาน้องก็ไม่ลืมสั่งของโปรดฉันมาให้ด้วยอย่างน่ารัก ระหว่างรออาหารเราสองพี่น้องก็ถ่ายรูปกันสองสามรูปก่อนที่น้องจะอัปโหลดลงโซเชียล ระหว่างที่น้องกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับโทรศัพท์ โทรศัพท์ฉันก็มีแจ้งเตือนเข้ามาเป็นข้อความจากคุณหมอปริญที่ส่งรูปและคลิปของไวท์ช็อก แต่เหมือนจะไม่ได้อยู่ในห้องพักรักษานะ
Parin P.
ร้องงอแง ไม่ยอมอยู่ห้องเลย
คุณหมอส่งข้อความมาแบบนั้น แต่ไหนเขาบอกว่าจะกลับไปพักไง ทำไมถึงยังอยู่ที่โรงพยาบาลอีกล่ะ
Cher Am
ยังไม่ได้กลับบ้านเหรอคะ?
Parin P.
กำลังจะกลับครับ กินข้าวหรือยัง?
Cher Am
กำลังกินค่ะ
Parin P.
โอเค ผมไม่กวนแล้วครับ
ขอให้อร่อยนะครับ
และฉันก็ไม่ได้ส่งอะไรกลับไปอีก กระทั่งอาหารถูกทยอยมาเสิร์ฟจนครบถึงได้เป็นช่วงเวลากินข้าวและพูดคุยกับน้องชายที่เหมือนไม่ได้เจอกันนาน แต่ความจริงคือแทบจะเจอกันวันเว้นวันอยู่แล้ว แต่น้องน่ะ พูดไม่หยุดเลย แต่ก็สดใสดีน้องชายฉันน่ะ
“เดี๋ยวพอไปแข่ง ผมต้องซ้อมหนักเลย” ฌอนรีบบอกกับฉันระหว่างที่ยื่นมือไปตักกับข้าวมาใส่จานให้
“ไหวใช่ไหม ทำให้สนุกนะฌอนพี่ไม่อยากให้เครียด”
“ครับ ผมจะทำให้เต็มที่ แต่เครียดมันมีบ้างนะครับแต่ไม่ได้หนักอะไร แต่นักแข่งร่วมทีมอีกสองคนที่มาจากญี่ปุ่นกับมาเลเซียโฮมซิกกันน่ะ”
“อ้าว แล้วที่บ้านเขามาเยี่ยมไหมล่ะ”
“มาครับ แต่ก็มาบ่อยไม่ได้เพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง” น้องเล่าให้ฟัง
“พี่เข้าใจ แล้วก่อนบินไปเก็บตัวซ้อมก่อนแข่ง ไม่ให้นักแข่งกลับบ้านกันก่อนเหรอ?”
“นั่นสิ เดี๋ยวตอนประชุมเย็นนี้ผมเสนอผู้จัดการทีมกับโค้ชด้วยดีกว่า” ฌอนทำหน้าตื่นเต้นหลังจากที่ได้ยินฉันแนะนำไปแบบนั้น
“แล้วจะไปกันกี่คน”
“ทั้งหมดก็สิบคนครับ ส่วนที่นู่นผู้จัดการบอกว่าเตรียมทั้งที่พักและห้องซ้อมอะไรไว้หมดแล้ว”
“อื้อ สู้นะ เหนื่อยก็โทรมาคุยกับพี่ได้”
“ครับผม ผมรักพี่จัง ขอบคุณที่สนับสนุนผมทุกอย่างเลยนะครับ” ฌอนส่งยิ้มให้ ยิ้มทั้งริมฝีปากและดวงตาเลยน้องชายฉันในตอนนี้
“พี่ก็รักฌอนนะ เป็นความสดใสของพี่ไปนาน ๆ เลยนะ”
====
เรารักในความสัมพันธ์ของสองพี่น้องมาก มันมีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ทั้งสองคนรักและซัปพอร์ตกันแบบนี้
ปล. *****คใน Meb และ ปิ่นโต ยังลดมากถึง 50% จนถึงวันที่ 12 สิงหาคมนี้นะคะ ฝากทุกคนเอ็นดูเด็กๆด้วยนะคะ ^_^