“ถามทำไม”
“ถ้าเจ้านายของคุณรู้คงไม่พอใจแน่ ๆ ที่คุณจับฉันมาขังเอาไว้แบบนี้”
“เจ้านายของผมเหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“คุณหัวเราะอะไร”
“หัวเราะคุณน่ะสิ”
“หัวเราะฉันทำไม”
“ก็ผมเป็นเจ้าของเกาะนี้ ไม่มีเจ้านายอะไรทั้งนั้น”
“คุณนี่นะเป็นเจ้าของเกาะ” เธอมองเขาแล้วทำสีหน้าไม่เชื่อถือ
“คนเราชอบมองกันแค่ภายนอก”
“ทั้งภายในทั้งภายนอกคุณก็เหมือนโจร”
“พูดมาก รีบตามมาเถอะแม่คุณ แถวนี้มีโจรป่าด้วยไม่รู้หรือไง ดีไม่ดีเจอพวกลักลอบขนของเถื่อนถูกยิงไส้แตกขึ้นมาผมไม่รู้ด้วยนะ แต่สภาพคุณตอนนี้ดูไม่จืดเลยจริง ๆ”
“ว้าย!” หญิงสาวร้องออกมาก่อนจะก้มมองตัวเอง
“อยู่ที่นี่ก็ช่วยผมทำงานด้วยล่ะ” กุมภ์บอกเชลยสาว
“ฉันอยากกลับบ้าน” ยายของเธอคงเป็นห่วง แม้จะบอกผู้เป็นยายว่าจะไปเยี่ยมบิดา แต่ไม่ติดต่อกลับบ้านเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
เขาเดินหนีไม่ตอบคำถามของเธอ หญิงสาวได้แต่ทอดถอนใจ เธอไม่อยากตายอยู่ที่เกาะแห่งนี้ เพราะไม่อยากให้ตัวเองฟุ้งซ่านจนเกินไปนัก กุลยาจึงก้มหน้าก้มตาทำงานในกระท่อมทุกอย่าง
“ว้าย!” กุลยาหวีดร้องเบา ๆ เธอมองซ้ายมองขวาแล้ว เห็นว่าเขาไม่อยู่ เลยรีบมาอาบน้ำที่ลำธาร แต่จู่ ๆ เขาก็โผล่หน้ามาแบบนี้ ทำเอาเธอตกใจไม่น้อย
“ตกใจอะไรนักหนา อย่าลืมสิว่าเมื่อคืนผมเห็นคุณแก้ผ้าทั้งคืน” เขามองเรือนร่างที่อยู่ภายใต้ผ้าถุงด้วยสาวตาแทะโลม
“บ้า!” กุลยาถอยหนีแต่ร่างน้อยเสียหลักล้มลงไปทางด้านหลัง ทำให้เธอพลาดท่าตกลงไปในน้ำ ผ้าถุงที่กระโจมอกอยู่พองตัวขึ้น ทำให้เธอต้องรีบตีผ้าถุงไปมาให้มันแนบไปกับตัวและจุ่มตัวลงไปในน้ำจนเห็นแค่ใบหน้าหวาน
อากาศในช่วงเย็นหนาวเหน็บจับใจ ที่สำคัญพอแผลที่โดนกิ่งไม้เกี่ยวโดนน้ำก็เจ็บแสบเหลือทน เธออยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้ ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาได้เห็น
สีหน้าของเขาแลดูขบขัน ก่อนจะยักไหล่เดินไปอาบน้ำอีกด้าน ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะอาบน้ำในตุ่ม แต่ที่ไหนได้เขาก็มาอาบที่ลำธารด้วยเหมือนกัน
หลังจากอาบน้ำเสร็จ กุลยาก็รีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และใช้ผ้าผืนเล็ก ๆ ที่พอหาได้ซับแผลตามเนื้อตัว ถ้ามีอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลก็คงจะดีไม่น้อย ได้ดั่งใจคิด เขายื่นอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลส่งมาให้ กุลยาเงยหน้ามองก่อนจะยื่นมือไปรับ เธอไม่ออกฤทธิ์ออกเดชอะไรเพราะไม่อยากทำให้เขาโกรธ และเธอเองก็ไม่ชอบมีปัญหากับใครอยู่แล้วด้วย
กุลยาทำแผลเสร็จก็รีบเข้านอน เธอตบที่นอนที่คิดว่าเป็นที่นอนของตัวเองก่อนจะผวาสุดตัว
“นี่คุณ ถอยออกไปเลยนะ คุณจะมานอนบนเตียงเดียวกับฉันได้ยังไงกัน”
“นี่มันที่นอนของผม” เขาตอบหน้าตาย
“งั้นฉันไปนอนที่อื่น”
“จะไปไหน มีที่นอนที่นี่ที่เดียว ถ้าออกไปนอนข้างนอกยุงหามไปทิ้งป่าไม่รู้ด้วยนะ” เขาล็อกร่างของเธอเอาไว้
“ฉันไม่อยากนอนกับคุณ”
“เมื่อคืนผมเมา ตอนนี้ผมไม่เมาแล้ว”
“ไม่เมาหมายความว่ายังไง” กุลยาเอ่ยถามอย่างตกใจ
“ก็หมายความว่าไม่เมาไง”
“อ๊าย... คนโรคจิต เอามือสกปรกออกไปเลยนะ” เธอตีมือเขาเพียะใหญ่เมื่อเขาล้วงมือเข้ามาในเสื้อตัวหลวมของเธอ แต่มือหนวดปลาหมึกของเขาก็ทำให้เธอต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อเขาเลื่อนลงไปสัมผัสกับสะโพกผายเบื้องล่าง
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ปล่อย”
“คุณจะมายุ่งกับผู้หญิงแบบฉันทำไมกัน”
“ทำให้คุณท้องแล้วพากลับไปส่งบ้านดีไหม”
“ความคิดของคุณช่างสกปรกและต่ำตมที่สุด”
“ด่าพอหรือยังครับ”
“ยังไม่พอ อื้อ...” เธอร้องครางเสียงหลงเมื่อเขาบดจูบเข้ามาหาปิดเสียงด่าทอทุกอย่างของเธอเอาไว้
“โอ๊ย! นี่เธอ” กุมภ์ดึงปากออกแทบไม่ทัน
“อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันแทงไอ้นั่นของคุณแน่” เธอคว้ามีดออกมาจากที่ซ่อน ตอนทำกับข้าวเธอขโมยมาเก็บเอาไว้ป้องกันตัวเพราะไม่ไว้ใจเขา
“ดุชะมัด!” ประโยคของเขาทำให้เธอเผลอถลึงตาเข้าใส่ทันที
“คุณคิดว่ามีดแค่นั้นจะทำอะไรผมได้อย่างนั้นเหรอ” เขาเอ่ยถาม มองเธอไม่วางตา
“ฉันรู้ว่ามีดแค่นี้คงทำอะไรคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณเข้ามาฉันจะกรีดข้อมือตัวเองจริงๆ ด้วย ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” เธอเปลี่ยนจากขู่เขาเอามีดมาจ่อที่ข้อมือของตัวเองแทน มือของกุลยาสั่นระริก เอาเข้าจริง ๆ เธอกลัวเลือดกลัวเจ็บ กลัวบาดแผล กลัวมีดและของมีคม แต่ในเวลานี้เธอต้องปกป้องตัวเอง
“คุณคงไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นใช่ไหม” กุมภ์ชะงัก
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าตัวตาย”
“คุณเป็นดารานะ กรีดข้อมือมีรอยแผลเป็นขึ้นมา เดี๋ยวไม่มีใครจ้างนะ” เขาพยายามตะล่อม
“อย่าเข้ามานะ” กุลยาหลับตาก่อนจะปาดไปที่ข้อมือของตัวเอง กุมภ์อุทานอย่างตกใจรีบเข้าชาร์จตัวของเธอเอาไว้ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะทำแบบนี้จริง ๆ
“นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ!” เขาประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นสู่อ้อมแขน
“ฉันกลัวเลือด” คนที่ลงทุนขู่เขาด้วยการปาดข้อมือตัวเอง รีบเอ่ยบอกเสียงสั่น ๆ ก่อนจะร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ กุมภ์กะพริบตาปริบ ๆ อยากจะทึ้งผมตัวเองแรง ๆ นัก
ให้ตายดิ้นสิ! เขาไม่รู้จะสบถออกมาเป็นประโยคอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดี
กลัวเลือดแล้วกล้าปาดข้อมือตัวเองนี่นะ!!!
จะมีมนุษย์หน้าไหนในโลกกล้าบ้าบิ่นแบบเธออีก!!!
“ไอ้อังคาร ไอ้อังคารโว้ย! มึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนโผล่หัวออกมาหน่อย”
เสียงเจ้านายที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายทำให้อังคารดีดตัวขึ้นจากเปลที่นอนอยู่ตรงแคมป์ เพราะต้องมาช่วยเจ้านายเฝ้าเชลยสาวคนสวย เขาเลยไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง พอได้ยินเสียงเรียก จึงรีบวิ่งไปที่กระท่อมโดยด่วน
“ไปหาอุปกรณ์เย็บแผลมาหน่อย เร็ว ๆ เลย”
“คุณกุลธิดาเป็นอะไรครับนายหัว เลือดไหลเต็มเลย”
“มึงอย่าเพิ่งถาม ตอนนี้กูไม่มีเวลาอธิบายอะไรทั้งนั้น” เสียงร้อนรนของเจ้านายหนุ่มทำให้อังคารรีบลนลานไปหาอุปกรณ์ทำแผลมาให้โดยเร็ว
“คะ... คุณจะเย็บแผลเองเหรอ” กุลยาเอ่ยถามหน้าซีดปากสั่น
“ทนเจ็บหน่อย ไกลหัวใจไม่ถึงกับตายหรอกคุณ กล้ากรีดข้อมือขนาดนี้ แค่เย็บแผล จิ๊บ ๆ” เขาพูดคล้ายปลอบใจเธอ
“ฉันตายตอนนี้เลยได้ไหม” กุลยาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงใบหน้าซีดเซียว เธอคงกลัวเลือดมากกุมภ์คิดในใจ ประโยคของเธอทำให้เขาเผลออ่อนโยนออกมา ทั้งยังนึกขำอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นเด็กเขาจะตีก้นเสียให้เข็ด
“ห้ามตายตอนนี้นะ ผมยังอยากกินข้าวไข่เจียวของคุณอยู่เลย”
อังคารเกาหัวแกรก ๆ กับประโยคของเจ้านาย กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะอยากกินข้าวไข่เจียวกันอยู่อีกเหรอ
มันใช่เวลาไหมล่ะ!!!
หลังจากห้ามเลือดและทำแผลเสร็จเรียบร้อย กุมภ์ก็ปล่อยให้หญิงสาวได้นอนพัก ใบหน้าของเธอซีดเซียว ไม่นานก็ไข้ขึ้น เขาเลยต้องรับหน้าที่เป็นพยาบาลดูแลเธอไปโดยปริยาย
“แทนที่เจ้านายจะจับเธอมาทรมาน มันผิดคาดนะครับนี่” อังคารเปรยขึ้นหลังจากที่นำอาหารมาให้เจ้านายในตอนเช้า และเห็นว่าเจ้านายยังไม่ได้นอน
“เพราะมึง”
“ห้ะ! ผมทำไมครับ” อังคารใบหน้าเหลอหลา
“ไปจับกุลธิดามาไม่ดูฤกษ์ยามให้ดี กูเลยต้องมาคอยปรนนิบัติพัดวีหล่อนอยู่แบบนี้” คนพูดเท้าสะเอวด่าลูกน้องอย่างหงุดหงิด เขาเสยผมไปมาลวก ๆ อ่อนเพลียอยู่ไม่น้อยเพราะต้องดูแลคนป่วย
“นี่เจ้านายโมโหหิวเหรอครับ”
“โมโหมึงด้วยไอ้อังคาร ถ้ามึงยังขืนพูดมากกูจะเตะปากมึง”