“ผมไม่พูดก็ได้ครับ วันมะรืนจะมีทัวร์มาลงนะครับนายหัว”
“ของใคร”
“คุณศจีผู้จัดละครที่จะพาทีมงานมาปิดกล้องเลี้ยงฉลองอะไรนี่แหละครับ เขาต้องการบรรยากาศดี ๆ เป็นส่วนตัว เลยเลือกเกาะของเรา”
“โอเค นึกออกแล้ว ที่คุณนุชหาให้ใช่ไหม”
“ใช่ครับ” อังคารรับคำ นุชรีคือญาติผู้น้องของกุมภ์ คอยช่วยหาทัวร์มาลงให้พี่ชาย และนุชรียังเป็นญาติผู้น้องคนเดียวที่สนิทกับกุมภ์เหมือนพี่น้องคลานตามกันมา ด้วยว่ากันยามารดาของกุมภ์กับนารีมารดาของนุชรีเป็นพี่น้องกัน
“นายจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะ” เรื่องงานเขาไม่อยากให้ผิดพลาดเพราะมันคือชื่อเสียงของเกาะ
“ได้ครับเจ้านาย แล้วคุณกุลธิดาล่ะครับ”
“น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว” กุมภ์เหลือบไปมองใบหน้าซีดเซียวของ หญิงสาวบนเตียงก่อนจะถอนใจอย่างหนักหน่วง
“นายหัวจะทำยังไงต่อไปครับ”
“ทำยังไงหมายความว่าอะไร” กุมภ์เอ่ยถามก่อนจะหรี่ตามองลูกน้องคนสนิท เขาชินเสียแล้วที่อังคารเรียกเขาว่าเจ้านายบ้าง นายหัวบ้าง ไม่อยากเอาอะไรกับคนบ้า ๆ บวม ๆ แบบมันนัก
“ผมหมายถึงเรื่องคุณกุลธิดาครับ นายหัวจะทำยังไงต่อไป”
“ยังไม่ทำอะไร ปล่อยไว้แบบนี้ก่อน” วาจาเหมือนงาช้าง เพราะความเมาแท้ ๆ ทำให้เขาลั่นวาจาออกไปแบบนั้น ถ้าวันนั้นเขากลับคำจะกลายเป็นเสียหมากับลูกน้องทันที
กุมภ์นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร ตักข้าวต้มที่ลูกน้องยกมาให้เข้าปาก ก่อนจะพ่นออกมาแทบไม่ทัน
“แค่ก ๆ ๆ ไอ้อังคารมึง!!!” กุมภ์สำลักชี้หน้าลูกน้องมือไม้สั่นระริก ยกน้ำขึ้นดื่มแทบไม่ทัน
“ครับเจ้านาย เจ้านายเป็นอะไรครับ” อังคารรับคำด้วยสีหน้าแตกตื่นตกใจ
“มึงแดกดูสิ ถ้ามึงกินได้กูยอมกราบตีนมึงเลย” กุมภ์ผลักชามข้าวต้มไปให้ลูกน้อง
“ไม่อร่อยเหรอครับเจ้านาย ผมนี่ทำสุดฝีมือเลยนะคะ” อังคารทำน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจใส่เจ้านายหนุ่ม
“สุดฝีมือส้นตีนมึงสิ เอ้า... มึงแดกเข้าไป กูจะดูน้ำหน้ามึง” เพราะสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก กุมภ์เลยสามารถดุด่าอังคารได้อย่างใจ อังคารตักข้าวต้มชามนั้นมากิน ก่อนจะพ่นมันออกมาจากปาก
“แค่ก ๆ ๆ”
“อร่อยใช่ไหม”
“อร่อยครับ”
“อร่อยบ้านป้ามึงเหรอไอ้อังคาร” กุมภ์ยกเท้าขึ้นเตรียมจะเตะลูกน้องคนสนิท แต่อังคารไหวตัวทัน รีบวิ่งหนีออกไปจากกระท่อมเสียก่อน
อาการป่วยของกุลยาค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ เธอฟื้นขึ้นมาก็ซึมเศร้าไม่ยอมพูดยอมจา ทำเอากุมภ์ต้องทำเสียงดุใส่
“คุณควรกินข้าวกินปลาบ้างนะ”
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“ถ้าคุณยอมกินข้าวกินปลา ผมอาจจะพาคุณกลับไปส่งบ้านก็ได้”
ประโยคของเขาทำให้เธอหูผึ่ง
“คุณพูดจริง ๆ ใช่ไหม”
“ใช่ แต่ก่อนที่คุณจะไปจากที่นี่ ผมอยากจะพาคุณไปพบใครคนหนึ่งก่อน” น้ำเสียงของกุมภ์เศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“พบใครเหรอ”
“ไว้คุณหายดีก็จะรู้เอง” เขาตัดสินใจที่จะพาเธอไปพบกับเพื่อนของเขาที่ตายไปแล้ว หากเธอสำนึกในความผิดของตัวเอง เขาอาจจะปล่อยเธอไป
“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอเอ่ยถามเหมือนไม่แน่ใจ
“นั่นสิ ผมก็กำลังคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ กับการที่ผมจะให้อภัยคนอย่างคุณ คนที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องตาย” เขามองสบตาเธออย่างเจ็บปวด
“ฉันน่ะเหรอทำให้ใครคนหนึ่งต้องตาย” เธอครางออกมา
กุลยาไม่ได้คิดถึงตัวเองเลยในเวลานี้ แต่กลับคิดถึงน้องสาวฝาแฝด เพราะเขาเข้าใจว่าเธอเป็นกุลธิดาเลยจับตัวเธอมาข่มเหง
ความรู้สึกของกุลยาในเวลานี้คือความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเอาเสียเลยว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จะบอกเขาไปตรง ๆ ว่าไม่ใช่กุลธิดา เขาก็ต้องไปสืบหาความจริง แล้วถึงเวลานั้นน้องสาวของเธออาจจะไม่ปลอดภัย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับน้องสาวมากนัก แต่มารดาก็ฝากฝังน้องสาวเอาไว้ก่อนตาย ในฐานะที่เธอเป็นพี่สาว เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องกุลธิดาให้ดีที่สุดเท่าที่พี่สาวคนหนึ่งจะทำได้
กุลยาคิดว่าเธอได้สูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไปแล้ว หากเขาจะปล่อยเธอไป เธอก็ควรที่จะทำใจยอมรับมันให้ได้ ชีวิตของคนเราไม่มีทางที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่มันผ่านไปแล้วได้อีก
“คิดอะไรอยู่”
“อุ๊ย!” กุลยาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยถามของเขา
“คิดว่าถ้าผมปล่อยคุณไป คุณจะแจ้งตำรวจมาลากคอผมเข้าคุกงั้นสิ”
“ไม่หรอก”
“ทำไมล่ะ”
“คุณก็คงจะหนีไปแล้ว ที่สำคัญคุณเป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี่ ถึงฉันแจ้งตำรวจจับคุณ พอตำรวจมาสอบปากคำ คนของคุณก็จะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบ ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“อ้อ... แสดงว่าคิดแบบนั้นจริง ๆ” เขาดักคอ
“ฉันแค่อยากกลับบ้านก็แค่นั้นเอง”
“เอาเถอะ” เขาตัดบท
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ผมต้องไปทำงาน คุณก็ควรจะนอนพักให้หายดี คนอย่างผมรับปากอะไรใครเอาไว้ ก็จะทำตามอย่างที่พูดแน่นอน” เขาเอ่ยบอกก่อนจะเดินจากไป
กุลยาไม่คิดหนีอีกเพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เธอทิ้งตัวลงนอนและหลับไปอีกครั้งอย่างมีความหวัง
ความหวังว่าเขาจะปล่อยเธอกลับบ้าน!!!
กุมภ์มาดูความเรียบร้อยของทัวร์ผู้จัดที่มาเลี้ยงฉลองปิดกล้องละครที่กำลังจะออนแอร์ในปีหน้า พอเดินมาถึงเขาก็ได้เจอกับน้องสาวคนสวยทันที
“คุณกุมภ์” นุชรีรีบปรี่เข้ามาหาพี่ชายด้วยท่าทางดีอกดีใจที่ได้เจอกัน
“ว่าไงคุณนุช ยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้มีอะไรถูกใจเหรอ” เขาเอ่ยทักทายกลับไป
“วันนี้คุณนุชได้เจอกับคุณกุลธิดาด้วยค่ะ เธอแสดงเรื่องนี้ด้วย สวยมาก ๆ เลยนะคะคุณกุมภ์ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเคยเป็นแฟนกับพี่ณัฐ เพื่อนรักของพี่”
นุชรีพอจะรู้ว่าณัฐ เพื่อนของพี่ชายคบหาดูใจกับกุลธิดาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอกหักและคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่สำหรับเธอแล้ว เธอคิดว่าคนเราถ้าไปกันไม่รอดก็แค่เลิกกัน ไม่ควรเสียใจจนคิดทำร้ายตัวเองถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะชีวิตของคนเรามีคุณค่า มีอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เรายังไม่ได้ทำ จะเอาชีวิตทั้งชีวิตไปทิ้งเพราะใครคนหนึ่งซึ่งไม่รักเราแล้ว มันเป็นเรื่องที่โง่มากเลยทีเดียว
“เจอใครนะ!” กุมภ์เอ่ยถามน้องสาวด้วยน้ำเสียงตกใจ
“คุณกุมภ์จะทำเสียงตกอกตกใจทำไมกันคะ คุณนุชบอกว่าวันนี้คุณนุชได้เจอดาราชื่อดังค่ะ”
“ดาราคนนั้นชื่ออะไรนะ” น้ำเสียงของกุมภ์ยังตกใจจนน้องสาวต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เพิ่งรู้ว่าพี่ชายของคุณนุชก็สนใจดารานางแบบกับเขาเหมือนกัน คุณกุลธิดาไงคะ โน่นค่ะเดินมาโน่นแล้ว” นุชรีบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลังของพี่ชาย
กุมภ์หันไปมองทางด้านหลัง เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงที่นอนป่วยอยู่ที่กระท่อมราวกับแกะ ความรู้สึกของกุมภ์ในเวลานี้คือตกใจและแปลกใจเป็นอันมาก
“นี่นายหัวกุมภ์ ธีรดลค่ะคุณกุลธิดา เป็นเจ้าของเกาะแห่งรักและเป็นพี่ชายของนุชด้วยค่ะ” นุชรีรีบเอ่ยแนะนำพี่ชายของตัวเองด้วยรอยยิ้ม สำหรับเธอแล้วการดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีคือหัวใจของงานบริการ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะนายหัวกุมภ์” กุลธิดายิ้มหวานให้ชายหนุ่มเจ้าของเกาะ สายตายั่วยวนของเธอทำให้กุมภ์มองเธอไม่วาง
“สวัสดีครับคุณ...”
“กุลธิดาค่ะ แหม... นายหัวคงอยู่แต่บนเกาะเลยไม่รู้จักธิดาใช่ไหมคะ” กุลธิดาพูดแล้วหันไปยิ้มขำ ๆ กับผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนนามว่าปนัดดา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณกุลธิดา ผมรู้จักคุณสิครับ ทำไมถึงจะไม่รู้จัก คุณเป็นถึงดาราดังของเมืองไทย” เวลานี้กุมภ์รู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจเป็นที่สุด แล้วหญิงสาวที่อยู่กับเขาที่กระท่อม หญิงสาวที่คิดฆ่าตัวตายคนนั้นคือใครกัน!!!