หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
“แม่แน่ใจนะว่าจะส่งวุ้นไปให้พ่อเลี้ยงเปิดซิงจริงๆ” นภาถาม หวังลึกๆ ว่า วรนุชจะเปลี่ยนใจ
“แน่ใจสิวะ แต่ถึงไม่แน่ใจก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ฉันรับเงินพ่อเลี้ยงมาแล้ว และเราก็เตรียมตัววุ้นหมดทุกอย่างแล้ว งานนี้มีแต่เดินหน้าไม่มีถอยหลัง” กระแสเสียงของวรนุชจริงจัง ไม่มีความลังเลสักนิดเดียว และนั่นทำให้ความหวังเล็กๆ ในใจของนภาหมดลง ความสงสารธันย์ณิชาเพิ่มมากขึ้น
“แม่ไม่กลัววุ้นจะสลบคาเตียงพ่อเลี้ยงเหรอ แม่ก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงเป็นยังไง” เป็นอีกข้อที่นภากังวล
“พ่อเลี้ยงรู้หรอกน่าว่าจะต้องทำยังไง แกอย่าห่วงอะไรเกินเหตุไปหน่อยเลย” วรนุชชักสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยโต้กลับเสียงขุ่น “ห่วงตัวแกเองเถอะ ช่วงนี้ลูกค้าน้อย ระวังจะอดตาย”
“ฉันไม่กลัวอดตายหรอกแม่ เพราะฉันก็ไม่คิดทำอาชีพนี้ไปยันตาย ตอนนี้ฉันมีรายได้จากการขายของออนไลน์ แม้ว่าจะไม่มากแต่ต่อไปถ้าลงของขายเยอะๆ รายได้มันก็เยอะตาม”
นภาย่างเข้าสู่วัยสามสิบสองปี ค้าบริการทางเพศมาห้าปี และคิดเสมอว่า ร่างกายไม่จีรัง อายุเธอก็มากขึ้นทุกวัน สังขารก็ร่วงโรย ไม่คิดจะยึดอาชีพนี้ไปจนตาย เธอจึงมองหาอาชีพเสริม ที่อาจจะเป็นอาชีพหลักในอนาคต
“มันก็ดี มองหาลู่ทางทำมาหากินไว้ดูแลตัวเอง ข้าก็ไม่อยากเห็นเอ็งจมปลักอยู่ในสถานที่อโคจรแบบนี้ ชีวิตผู้หญิงขายตัวมีแค่คนเหยียบย่ำ รังเกียจ น้อยคนนักที่จะเจอผู้ชายดีๆ ที่รักผู้หญิงอย่างพวกเอ็งจริง ที่ข้าเห็นส่วนใหญ่จะถูกหลอกเอาเงินมากกว่า”
“แม่ก็รู้ว่า อาชีพนี้มันไม่ดี แล้วแม่จะผลักให้วุ้นมันเข้ามาในสถานที่นี้ทำไม ชีวิตมันกำลังดีนะ แม่ไม่น่าทำอย่างนี้เลย”
อนาคตของธันย์ณิชาสดใส อยู่ในแสงสว่างอันโชติช่วง ต่างกับชีวิตของเธอราวฟ้ากับเหว นภารู้ซึ้งดีว่าชีวิตผู้หญิงอย่างว่าเป็นเช่นไร เสมือนอยู่ในมุมมืดของสังคม ที่น้อยคนนักจะยอมรับ
“แกอย่าพูดให้ฉันดูแย่มากไปกว่านี้เลย การที่ฉันทำอย่างนี้ให้ถือเสียว่าเป็นค่าเลี้ยงดูที่ฉันเลี้ยงมันมาตั้งแต่เกิดก็แล้วกัน” วรนุชพูดเช่นนี้ นภาจึงไม่พูดอะไรต่อ ถึงเถียงไปก็ไม่มีวันชนะ
“แม่ ฉันถามอะไรสักข้อได้ไหม ฉันอยากรู้มานานแล้ว”
“ถามอะไร แกนี่มากคำถามเหลือเกินนะ”
“แม่ของวุ้นคือใครเหรอ แม่ไม่เห็นพูดถึงเลย ฉันรู้แค่ว่าเป็นอีตัวในสังกัดของแม่” นภาสงสัยมานาน แต่ไม่กล้าถาม ที่ถามวันนี้เพราะความอยากรู้ที่สะสมมาหลายปี
“เรื่องมันผ่านมาแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย” วรนุชไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องเก่า เพราะนึกครั้งใด ความเจ็บปวดมันพุ่งทวีคูณ “ว่าแต่ แกกับอรสอนวุ้นจนเข้าใจงานแล้วใช่ไหม และจัดการเรื่องน้องน้อยของมันหรือยัง” วรนุชเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันกับอรสอนมันแล้ว ติวเข้มมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ วุ้นแรกๆ มันก็เขินตามประสาคนไม่เคย แต่พอฉันย้ำกับมันว่า มันจะต้องทำให้ได้ ทำให้พ่อเลี้ยงพอใจ ไม่อย่างนั้นแม่จะเดือดร้อน มันเลยตั้งใจเรียนรู้เต็มที่ วุ้นรักแม่มากนะ ยอมขายตัวเพราะแม่คนเดียว ส่วนเรื่องน้องน้อย ฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว” นภาตอบทุกข้อที่วรนุชถาม
วรนุชชะงักไปกับคำพูดที่ว่า วุ้นรักแม่มากนะ ข้อนี้นางรู้ดีว่าธันย์ณิชารักและกตัญญูกับนางมากแค่ไหน นางจึงนำจุดอ่อนนี้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง แล้วก็สำเร็จอย่างสวยงาม
“พรุ่งนี้แกไปส่งมัน เอาเงินไว้ให้มันใช้ด้วยนะ” วรนุชเปิดลิ้นชัก หยิบเงินจำนวนหนึ่งส่งให้นภา
“แม่ไม่ไปส่งวุ้นเองเหรอ แล้วทำไมไม่ให้เงินกับวุ้นเองล่ะ”
“ก็ข้าต้องแสดงให้มันเห็นสิว่า ข้ารู้สึกผิดที่ส่งมันไปสังเวยกามให้พ่อเลี้ยง ข้าจึงไม่ไปส่งมันเอง แล้วไม่อยากเห็นหน้ามัน เพราะยิ่งเห็นข้าก็ยิ่งเสียใจ ข้ากะว่าคืนนี้จะนอนที่นี่ ไม่กลับบ้านจะได้ไม่เจอมัน” วรนุชวางแผนไว้หมดทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
“แม่นี่ร้ายไม่เบาเลยนะ ฉันชักจะกลัวแม่ขึ้นมาซะแล้ว ขนาดคนที่แม่เลี้ยงดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แม่ยังขุดหลุมหลอกล่อให้ตกลงนรกได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับพวกฉันล่ะเนี่ย”
“แกไม่รู้อะไร แกอย่าพูด แล้วที่ข้าทำลงไปทั้งหมด ข้ามีเหตุผล” วรนุชตวาดแว้ดใส่นภา “ไป ไปเตรียมตัวได้แล้ว เครื่องออกแต่เช้าไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปไม่ทันส่งตัว ข้าจะโดนด่า”
นภาพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินออกไปจากห้องทำงานของวรนุช ปล่อยให้เจ้าของห้องนั่งหน้ายุ่งอยู่ในห้องตามลำพัง
คล้อยหลังร่างนภา วรนุชเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานชั้นล่างสุดออกมา หยิบภาพหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในสมุด แล้วมองภาพหญิงสาวในรูปถ่ายนิ่ง เพียงไม่กี่วินาทีน้ำตาของนางก็รินไหล เรื่องราวในอดีตหวนกลับเข้ามาในความคิด เรื่องที่วรนุชไม่มีวันลืม
“ฉันไปอีกก้าวหนึ่งแล้วนะรัตนา อีกนิดเดียวทุกอย่างก็จะสำเร็จ”
…………………………..
ณ ไร่เพลิงพยัคฆ์
ทันทีที่ปลายเท้าลงมายืนบนพื้นภายในอาณาเขตไร่เพลิงพยัคฆ์ ธันย์ณิชารับรู้ถึงความสั่นของร่างกาย มองบ้านที่เธอต้องอยู่อาศัยหนึ่งเดือนตามสัญญาด้วยอาการตะลึงในความสวยงามที่ไม่คิดว่า สถานที่ที่ห่างไกลตัวเมืองร่วมห้าสิบกิโล จะมีบ้านที่สวยงามเช่นนี้ บ้านหลังนี้ปลูกสไตล์โมเดิร์น-วินเทจ ผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายแบบทันสมัย และความหรูหราแบบคลาสสิกด้วยโทนสีขาว รายล้อมด้วยกุหลาบดอกงามหลากหลายพันธุ์ที่แข่งกันเบ่งบานออกดอกสวย ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ต้นการเวกที่ปลูกเป็นแนวยาวไม่ต่ำกว่าสิบต้น มีชิงช้าไม้ระแนงตั้งอยู่ข้างบ้าน
ทว่าในอาการตะลึงธันย์ณิชามีความกลัว ความประหม่าซ่อนอยู่ ซึ่งอาการทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นกับเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งมารู้กิตติศัพท์ของเจ้าของบ้านกับเรื่องรสนิยมทางเพศ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจเป็นทวีคูณ แต่เธอก็ต้องเก็บกักความรู้สึกไว้ ธันย์ณิชามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ เพราะหากทำเช่นนั้นคนที่เดือดร้อนไม่ใช่เธอ แต่เป็นวรนุช
“พี่รู้ว่าวุ้นกลัว แต่วุ้นหันหลังกลับไม่ได้นะ” นภาเข้าใจความรู้สึกของธันย์ณิชาดีว่า การขายบริการทางเพศครั้งแรกมันเป็นเช่นไร จะต่างกันตรงที่ว่า ตอนนั้นเธอไม่ใช่สาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยต้องมือชาย “วุ้นหันหลังกลับไม่ได้นะ มีแต่จะก้าวเดิน”
“วุ้นยอมรับว่ากลัวค่ะ แต่วุ้นไม่คิดถอย วุ้นกลัวแม่เดือดร้อน”
ได้ยินคำพูดประโยคนี้ นภาถอนหายใจเฮือกใหญ่ วรนุชใช้ความกตัญญูที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวธันย์ณิชา แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว โดยไม่คำนึงเลยว่า ธันย์ณิชาคือคนที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก นภาไม่เข้าใจความคิดของวรนุช เดาความคิดของแม่เล้ารายนี้ไม่ได้เลย
“ถ้าคิดอย่างนั้นได้ก็ดี” นภาไม่มีคำพูดใดจะเอ่ย นอกจากคำนี้ “อย่าลืมเรื่องที่พี่กับพี่อรสอนนะ มันเป็นประโยชน์ต่อวุ้นมากๆ”
ธันย์ณิชาหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันใด เมื่อนึกถึงเรื่องที่นภากับเอมอรสอน เรื่องที่ว่านั้นคือเรื่องบนเตียงและการปรนนิบัติเอาใจพ่อเลี้ยงเพลิง แล้วยังบอกเรื่องรสนิยมทางเพศของเขาอีกด้วย ซึ่งเธอต้องรับมือ รวมทั้งต้องอดทนจนกว่าเกมสวาทจะเสร็จสิ้น
“วุ้นไม่ลืมค่ะ” เสียงที่เอ่ยค่อนข้างเบาและสั่นพร่า
“ไป เข้าไปในบ้านกัน” นภาจูงมือธันย์ณิชาเข้าไปในบ้านทรงสวย
หลังจากสองสาวก้าวเข้าไปในตัวบ้าน นกเอี้ยงสาวใช้ชาวเหนือก็เข้ามาต้อนรับ เธอยิ้มให้ทั้งสองอย่างเป็นมิตร แม้รู้ว่าทั้งคู่มาที่นี่ทำไม และมีอาชีพอะไร
“สวัสดีพี่นภา”
ถึงแม้ว่าจะเป็นสาวเหนือ แต่นกเอี้ยงพูดภาษากลางได้ชัดเจน พูดได้คล่องปากมากกว่าภาษาบ้านเกิดเสียอีก อาจเป็นเพราะว่า เธอไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่อายุสามปี และอยู่เรื่อยมาถึงอายุยี่สิบสาม ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับสามีที่เป็นหัวหน้าคุมคนงานในไร่แห่งนี้
“พี่เอาเด็กมาส่ง” นภายิ้มให้นกเอี้ยง และบอกจุดประสงค์
“วุ้น นี่นกเอี้ยงจ้ะ นกเอี้ยงเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ นกเอี้ยง นี่วุ้นนะ” นภาแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน
“พ่อเลี้ยงบอกฉันไว้แล้วจ้ะพี่ ฉันก็เตรียมห้องไว้ให้แล้วด้วย” นกเอี้ยงเสียงแจ้ว “เดี๋ยวฉันพาไปห้องพักนะ แล้วพี่นภาจะพักที่นี่ด้วยหรือเปล่า”
“ไม่จ้ะ พี่มาส่งแล้วพี่ก็จะกลับเลย” นภาตอบนกเอี้ยง ก่อนจะหันไปทางธันย์ณิชา “พี่ไปก่อนนะวุ้น อย่าลืมที่พี่สอนนะวุ้น ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“ค่ะพี่นภา วุ้นจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“นกเอี้ยง ฉันฝากวุ้นด้วยนะ มีอะไรก็บอกก็เตือนวุ้นได้นะ”
ในบ้านหลังนี้คงจะมีเพียงนกเอี้ยงคนเดียวที่พอจะเป็นเพื่อนธันย์ณิชา ให้พอคลายความเหงา ไม่คิดว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ ฉันจะดูแลวุ้นให้นะพี่นภา” นกเอี้ยงรับคำ
“งั้นพี่ไปก่อนนะ เครื่องจะออกตอนบ่าย พี่ไม่อยากทำอะไรเร่งรีบ”
“ค่ะพี่นภา” นภายิ้มให้ธันย์ณิชาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังรถรับจ้างที่จอดรออยู่
“ไปจ้ะวุ้น อืม...ฉันคิดว่า ฉันอายุมากกว่า งั้นฉันเรียกแทนตัวเองว่าพี่นะ จะได้ดูเป็นกันเอง พี่จะพาไปห้องพักนะ”
นกเอี้ยงแลดูเป็นมิตรกับธันย์ณิชามาก ทำให้คนมาอยู่ใหม่รู้สึกไม่อ้างว้างอย่างที่คิด ก่อนจะก้าวเดินนำหน้าอีกฝ่ายขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน ไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้ให้ ‘ผู้หญิงของเจ้านาย’ อยู่โดยเฉพาะ
“ฉันไม่รู้ว่า พี่นภาบอกรายละเอียดอะไรกับวุ้นหรือยัง ฉันจะบอกในส่วนที่วุ้นต้องรู้นะ ถ้าพ่อเลี้ยงเรียกวุ้นไปห้อง ปุ่มเขียวตรงนี้จะกระพริบแล้วมีเสียงเตือน แล้วประตูห้องตรงนี้ก็จะเปิดอัตโนมัติ วุ้นเปิดประตูแล้วเข้าไปในห้องพ่อเลี้ยงได้เลย เสร็จภารกิจวุ้นก็กลับมานอนที่ห้องนี้ตามเดิม”
นกเอี้ยงชี้ไปยังประตูห้องที่เชื่อมต่อระหว่างสองห้องคือ ห้องของธันย์ณิชากับห้องนอนของเพลิง
“จ้ะพี่นกเอี้ยง”
ธันย์ณิชารับคำ ทั้งที่เรื่องที่นกเอี้ยงบอกมา นภากับเอมอรบอกเธอแล้ว และยังบอกด้วยว่า เวลากลางคืนไม่ต้องสวมใส่เสื้อผ้า ให้ใส่เพียงชุดคลุมตัวเดียว เตรียมพร้อมทำงานทุกเวลาที่เพลิงเรียกหา
“วันนี้พ่อเลี้ยงเข้ากรุงเทพ อาจจะกลับดึกหน่อยนะ แต่กลับมาตอนไหน ถ้าพ่อเลี้ยงเรียก วุ้นก็ต้องพร้อมทำงานนะ”
“จ้ะพี่นกเอี้ยง”
“วุ้นพักผ่อนนะ พี่ต้องไปทำงานอีกหลายอย่าง ตอนกลางวันจะมาเรียกไปกินข้าว”
ธันย์ณิชาทรุดกายนั่งบนเตียงหลังจากนกเอี้ยงเดินพ้นห้อง มองไปรอบห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่น่าอยู่ ทว่าทำไมในความรู้สึกของเธอตอนนี้ช่างอ้างว้าง คล้ายกับว่าถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เธออาจจะต้องทนอยู่กับความรู้สึกนี้ไปตลอดที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ในขณะที่จิตใจไม่สู้ดี ความเข้มแข็งกลับบังเกิด เมื่อนึกถึงคนที่ชุบเลี้ยงตนมา หากไม่มีวรนุชในวันนั้น ก็จะไม่มีเธอในวันนี้ ฉะนั้นสิ่งที่เธอกำลังสูญเสียไป แลกกับชีวิตของวรนุช ธันย์ณิชาถือว่าเกินคุ้ม