ดารากานต์เดินถึงเหมืองที่อยู่ห่างจากถนนใหญ่สองถึงสามร้อยเมตร สถานที่ที่เธอมาจะเป็นในส่วนที่พักของคนงานและผู้เป็นเจ้าของ รวมทั้งเป็นสำนักงาน ส่วนเหมืองแร่ดีบุก จะห่างออกไปราวยี่สิบกิโลเมตร ในขณะที่เหมืองพลวงและทังสเตนหรือวุลแฟรมจะอยู่ห่างจากที่นี่ราวยี่สิบห้ากิโลเมตร เธอเดินจูงมือณดลมาถึงร้านค้าเล็กๆ ที่มีสินค้าอยู่หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
“พี่คะ ฉันมารายงานตัวค่ะ พอดีฉันเป็นพนักงานบัญชีคนใหม่ค่ะ ไม่ทราบว่าต้องไปพบใครคะ” ดารากานต์ถามข้อมูลกับคนขายของในร้านค้า
“พี่โก๋จ้ะ นั่นไงพี่โก๋เดินมาทางนี้พอดี”
นูรีนสาวชาวใต้ตอบเป็นภาษากลาง ชี้นิ้วไปยังร่างสูงใหญ่ของชายผิวคล้ำที่กำลังเดินมาทางร้านพอดี
“สวัสดีค่ะพี่โก๋ ฉันชื่อดารากานต์หรือดาวค่ะ พนักงานบัญชีคนใหม่”
ดารากานต์เดินไปหาโก๋ เธอพนมมือไหว้ตามมารยาทพร้อมกับแนะนำตัว
“หน้าตาดาวไม่ต่างกับในรูปถ่ายที่นกส่งมาให้เลยนะ ออกจะน่ารักกว่าด้วยซ้ำ”
การสมัครงานของดารากานต์ เธอไม่ได้สมัครงานโดยตรง แต่สมัครผ่านเพื่อนสนิทนามว่า อรดีที่เป็นเพื่อนสนิทของรุ่งอรุณน้องสาวของโก๋ อรดีจึงฝากฝังให้รุ่งอรุณหางานให้ดารากานต์ ประจวบเหมาะกับเหมืองเพลิงพยัคฆ์เปิดรับสมัครพนักงานบัญชีคนใหม่แทนคนเก่าที่ลาออกไปมีครอบครัว รุ่งอรุณจึงฝากฝังคุณแม่ลูกติดกับโก๋ ให้รับเข้าทำงาน เนื่องจากโก๋เป็นมือขวาและเป็นหัวหน้าคนงาน ดูแลเรื่องนี้โดยตรง
“ดาวต้องขอบคุณพี่โก๋มากนะคะที่รับดาวเข้าทำงาน”
เธอยกมือไหว้อย่างซึ้งในน้ำใจ เพราะหากโก๋ไม่รับเธอเข้าทำงาน ดารากานต์ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ใด คงต้องทนอยู่กับญาติใจจืดใจดำต่อไป
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง อยู่ที่นี่จะไม่มีใครรังแกดาวกับลูกนะ เราอยู่กันแบบพี่น้อง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน”
โก๋รู้เรื่องดารากานต์จากน้องสาวมาพอสังเขป เขารู้สึกสงสารพนักงานคนใหม่ขึ้นมาจับใจทันทีที่รู้เรื่อง ชีวิตเธอรันทดไม่ต่างกับละครน้ำเน่าหลังข่าว
“พี่เตรียมห้องพักไว้ให้แล้ว พี่จะพาดาวไปที่ห้องพักนะ อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนซะ ตอนบ่ายพี่จะพาไปพบนายเหมือง จากนั้นพี่จะพาดาวเข้าออฟฟิซ”
“ค่ะ พี่โก๋”
“เราเดินไปคุยไปดีกว่านะ มา พี่ช่วยถือกระเป๋า”
ดารากานต์ส่งกระเป๋าให้โก๋ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินไปยังห้องพักคนงานที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
“เรื่องลูกไม่ต้องห่วงนะว่าจะไม่มีคนเลี้ยง ป้าไหวรับเลี้ยงลูกคนงานหลายคน จ่ายค่าเลี้ยงแค่เดือนละหนึ่งพันบาท ส่วนค่านม ค่าขนมและค่าอาหารระหว่างวันก็ไม่ต้องห่วง นายเหมืองออกให้ทั้งหมด”
โก๋บอกเรื่องที่ดารากานต์เป็นกังวล เธอกลัวว่าจะไม่มีคนเลี้ยงลูกระหว่างที่ตนทำงาน เพราะหากนำลูกไปเลี้ยงดูในขณะทำงานอยู่ก็ไม่เหมาะ แต่พอได้ยินเช่นนี้ เธอก็โล่งใจไปมากโข
“นายเหมืองใจดีจังเลยค่ะ”
“ใช่ นายเหมืองใจดี แม้ว่าบางครั้งจะโหดไปนิด เถื่อนไปหน่อย ปากไวไปเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วนายเหมืองมีจิตใจเมตตามากๆ ส่งเสียให้ลูกคนงานที่ไม่มีเงินได้เรียนหนังสือ แถมยังซื้อรถตู้รับส่งลูกคนงานด้วย เพราะที่นี่อยู่ห่างจากโรงเรียนที่ใกล้ที่สุดยี่สิบห้ากิโล เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ต้องกังวล นายเหมืองทำประกันสังคมให้คนงานทุกคน และถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นายเหมืองก็ออกให้ เรื่องอาหารการกิน นายเหมืองเลี้ยงสองมื้อ มื้อเช้าและกลางวัน และอีกหลายเรื่องที่นายเหมืองคอยช่วยเหลือ ถ้าพวกเราไม่ได้นายเหมืองล่ะก็ แย่กันหมดแน่”
โก๋ไม่ได้ยกยอปอปั้นคุณงามความดีของนายเหมืองพยัคฆ์เพลิง ที่เขากล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แม้ว่าภายนอกเจ้าของแห่งนี้จะดูบ้าบิ่น โหดเหี้ยม แต่เนื้อในกลับมีจิตใจที่แตกต่าง น้ำเสียงและสีหน้าของโก๋ ยามพูดถึงเจ้านายของตน แสดงให้เห็นถึงการเทิดทูนและจงรักภักดี
“เจ้านายอย่างนี้หายากนะคะ ส่วนใหญ่จะให้แค่สวัสดิการขั้นพื้นฐาน แต่เท่าที่ฟังมา นายเหมืองให้เยอะมากๆ ค่ะ”
“เยอะสิ เยอะมากด้วย นายเหมืองบอกว่า คนงานทุกคนทำให้เขาร่ำรวย มีเงินกินมีเงินใช้ เรื่องที่นายเหมืองทำให้ไม่ถึงครึ่งกับที่ทุกคนให้มา แต่ถ้าคนไหนออกนอกกรอบที่นายเหมืองกำหนดไว้ นายเหมืองก็ไม่เอานะ ไล่ออกไปหลายคนแล้ว”
ทุกอย่างย่อมมีขอบเขต นายเหมืองพยัคฆ์เพลิงใจดีก็จริง แต่บทจะร้ายขึ้นมา หน้าอินทร์หน้าพรหมก็ไม่สน และอารมณ์เปรียบประดุจพายุงวงช้างบวกกับอุกาบาศก์ถล่มโลก ทุกอย่างจะราบเป็นหน้ากลอง
“ยิ่งได้ฟังกิตติศัพท์ของนายเหมือง ดาวชักอยากจะเห็นหน้าซะแล้ว”
“ดาวได้เห็นแน่ ตอนนี้อาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นและพักผ่อนสักงีบดีกว่านะ” เขาพูดขณะที่หยุดยืนหน้าห้องพัก โก๋ไขกุญแจแล้วเปิดประตู “เป็นไง อยู่ได้ไหม”
“อยู่ได้สิคะ ดีกว่าห้องที่ดาวอยู่กับญาติพ่อเสียอีก”
ดารากานต์มองห้องขนาดกลาง เตียงเหล็กพร้อมที่นอนตั้งอยู่ริมห้อง พัดลมเป็นพัดลมเพดาน และมีตั้งโต๊ะอีกหนึ่งตัว ห้องน้ำในตัว ระเบียงยื่นออกไปด้านนอก ถือว่าเป็นห้องพักที่เยี่ยมมากสำหรับคนไร้ที่อยู่เช่นเธอ
“อ่ะ...กุญแจ พักผ่อนนะ พี่ไม่กวนแล้ว ตอนเที่ยงพี่จะพาไปกินข้าวที่โรงครัว”
“ขอบคุณมากค่ะพี่โก๋ ขอบคุณจากใจที่ช่วยดาวค่ะ” เธอพนมมือไหว้เขาอีกครั้ง ซาบซึ้งในน้ำใจ
“ต้องขอบคุณนายเหมืองมากกว่านะ พี่แค่รับดาวเข้าทำงาน แต่ทุกอย่างที่ดาวจะได้รับ นายเหมืองเป็นคนให้” โก๋ออกตัว
“ดาวก็ขอบคุณพี่โก๋ที่รับดาวเข้าทำงานก่อนไงคะ เอาไว้ตอนบ่ายดาวเจอนายเหมือง ดาวจะขอบคุณนายเหมืองค่ะ”
“พักผ่อนนะ พี่ต้องไปทำงานต่อแล้ว เดี๋ยวโดนเตะ”
คล้อยหลังร่างโก๋ ดารากานต์อาบน้ำให้ลูกชายเป็นอันดับแรก ก่อนจะให้ณดลดื่มนมแล้วกล่อมให้หลับ เพื่อที่เธอจะได้จัดการกับตัวเองบ้าง หลังจากอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น เธอล้มตัวลงนอนข้างบุตรชาย นอนหลับไปพร้อมกับคนที่หญิงสาวรักที่สุดในโลก
ตอนบ่าย
โก๋พาสมาชิกใหม่สองชีวิตไปยังบ้านหลังใหญ่ เป็นที่พำนักของเจ้าของเหมืองสุดเข้มจอมโหด ระหว่างทางที่เดิน โก๋ได้พูดคุยเรื่องงาน และแนะนำหลายอย่างให้คนมาอยู่ใหม่รับรู้ถึงกฎระเบียบของเหมือง ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
“ที่นี่ร่มรื่นจังนะคะพี่โก๋ ต้นไม้เยอะเชียว” ดารากานต์ชอบที่นี่ตั้งแต่แรกเห็น ร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติและปลูกขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ยังมีดอกบานไม่รู้โรยปลูกไปตามทางเดินไปจนถึงบ้านหลังใหญ่ ต้นเฟื่องฟ้ากำลังออกดอกสวยงาม และยังมีการเวกปลูกอีกหลายต้น ยามค่ำคืนจะส่งกลิ่นหอมชื่นใจ
“นายเหมืองชอบต้นไม้ เมื่อก่อนนี้ต้นไม้ไม่เยอะอย่างนี้หรอก มีแค่แถบตรงโน้นเท่านั้น นายเหมืองเลยปลูกเองกับมือเลยนะ เวลาไปหาพ่อเลี้ยงเพลิงที่อยู่เชียงใหม่ นายเหมืองจะเอาต้นกล้ามาปลูกเพิ่มเติมเสมอ นี่ก็ลองปลูกต้นส้มกับองุ่น ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องหรือเปล่า”
“ผู้ชายรักต้นไม้ ปลูกต้นไม้มักเป็นผู้ชายอบอุ่นนะคะ มิน่าล่ะนายเหมืองถึงได้ใจดี รักลูกน้อง ไม่เอาเปรียบเหมือนเจ้านายหลายคนที่ดาวรู้จัก”
“บางครั้งน่ะ นายเหมืองบทจะใจดีก็ดีใจหาย แต่ถ้าร้ายขึ้นมาล่ะก็ ตัวใครตัวมัน พี่ถึงบอกดาวไงว่า อยู่ที่นี่ต้องทำตามกฎที่นายเหมืองตั้งไว้ เข้าใจใช่ไหมดาว”
โก๋รู้ดี เพราะเขาเคยประสบเหตุการณ์อารมณ์ของนายเหมืองมาทุกรูปแบบ แทบจะเรียกได้ว่า ไม่มีใครรู้ใจพยัคฆ์ได้ดีเท่าเขา
ดารากานต์ไม่ได้ตอบคำถามหรือพูดรับรู้เรื่องที่โก๋เอ่ย เนื่องจากสายตาของเธอมองไปยังรถจี๊ปคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ เป็นรถที่เธอจำได้ดีว่า เกือบจะขับรถชนลูกชายของตน นั่นหมายความว่า ชายคนนั้นต้องทำงานอยู่ที่นี่ตามที่ตนคาดเดาไว้
เอ...แล้วอย่างนี้เขาคงต้องรู้แน่ๆ ว่า นายเหมืองไม่มีครอบครัว การที่เธอแอบอ้างไปเช่นนั้น เท่ากับว่าเธอหน้าแตกเป็นเสี่ยง แต่เขาก็ไม่หักหน้าตนตอนนั้น
“ดาว...ดาวเข้าใจที่พี่บอกไหม”
เขาถามเธออีกครั้ง เมื่อหญิงสาวที่เดินมาด้วยกันนิ่งเงียบ สายตามองแต่รถจี๊ปไม่วางตา
“อ๋อค่ะ ดาวทราบแล้วค่ะพี่โก๋”
“ดาวมองรถจี๊ปทำไม มีอะไรหรือเปล่า” โก๋ถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรคะ เห็นว่ามันสวยดี ดาวไม่เคยเห็นรถจี๊ปมานานแล้ว” เธอแก้ตัว
“ไป เข้าไปหานายเหมืองกันเถอะ ตอนนี้คงตื่นแล้วล่ะ”
“ค่ะพี่โก๋” ดารากานต์ละความสนใจจากรถจี๊ปและชายคนนั้น เธอก้าวเดินเข้าไปในตัวบ้านไม้สักหลังใหญ่พร้อมกับโก๋
“ดาวกับลูกนั่งรอพี่ที่นี่ก่อนนะ พี่ขึ้นไปดูนายเหมืองก่อนว่าตื่นหรือยัง”
“ค่ะพี่โก๋” เธอรับคำ ทรุดกายนั่งลงบนโซฟาไม้ที่มีเบาะหนานุ่มวางอยู่ กวาดสายตาสำรวจไปทั่วบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาตามฐานะ ตู้โชว์และโต๊ะต่างๆ จะเป็นไม้เนื้อหนา ดูคงทนแข็งแรง
“น้องตามอย่าซนลูก”
ดารากานต์ปรามบุตรชายที่วิ่งไปหยุดยืนหน้าตู้โชว์ ที่มีโมเดลตัวการ์ตูนหลายสิบตัว ตั้งเรียงอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่ในมือก็กอดหุ่นยนต์ตัวโปรดของตนไว้ด้วย
“แม่ฮะ อยากได้” ณดลอยากได้ของเล่นตามประสาเด็ก
“เอาไว้แม่มีเงิน แม่จะซื้อให้นะลูก” ดารากานต์บอกลูกชาย มือนุ่มเล็กลูบศีรษะณดลเบาๆ แล้วรั้งเข้ามากอด “แม่ขอโทษนะลูกที่ซื้อของที่ลูกต้องการไม่ได้ แต่แม่สัญญาว่า แม่จะซื้อให้ถ้าแม่มีเงิน”
“ฮะแม่”
ดูเหมือนว่าณดลจะเข้าใจมารดา เด็กชายรับคำผู้เป็นแม่ ทว่าสายตายังไม่ละห่างจากโมเดลการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เหล่านั้น ภาพและคำพูดของสองแม่ลูกตกอยู่ในสายตาของชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในบ้าน ซึ่งเขาเองก็จำได้ดีว่า สองคนนี้คือใคร
“เธอกับลูกมาทำอะไรที่นี่”
ดารากานต์หันมามองเจ้าของเสียงเข้มที่ยืนกอดอกอยู่ตรงประตูบ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธอ
“แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้เวลางานไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปทำงาน มายืนอู้งานอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เสียแรงที่นายเหมืองดีกับคุณ แต่คุณกลับทำงานไม่เต็มที่ อย่างนี้ต้องไล่ออกสถานเดียว”
ดารากานต์ตอบไม่ตรงคำถาม หนำซ้ำยังต่อว่าเขาชุดใหญ่ เธอไม่คิดว่าจะเจอคนไม่มีมารยาทที่นี่ ทั้งที่ในใจก็หวั่นๆ ตั้งแต่เห็นรถจี๊ปคันนั้นจอดอยู่หน้าบ้าน
พยัคฆ์มองหน้าคนที่ต่อว่าเขาฉอดๆ หลุบตามองปากจิ้มลิ้มที่เขาคิดว่า มันน่าจูบเสียเหลือเกินชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองดวงตาคู่หวานที่ตรึงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ก็ไม่อยากทำตอนนี้ มีอะไรไหม” เขาตอบกวนกลับ “เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะว่า เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมา...” เสียงของดารากานต์พูดค้าง เมื่อเสียงของโก๋ดังแทรก และเป็นประโยคคำพูดที่ทำให้ร่างเล็กชาวาบ ความตกใจเคลือบอยู่บนแววตา ใบหน้าและความรู้สึก ดวงใจดวงน้อยเต้นถี่แรง ความกลัวอย่างหนึ่งวิ่งแล่น ความกลัวที่ว่านั้นคือ กลัวโดนไล่ออกทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มงาน
“อ้าว...นายเหมืองอยู่นี่เอง นึกว่านอนหลับอยู่ข้างบนซะอีก” โก๋ทักเจ้านาย ขณะที่ก้าวลงมาตามบันได
“ออกไปสูบบุหรี่มา” พยัคฆ์ตอบ
“ผมพาดาวพนักงานบัญชีคนใหม่มาแนะนำตัวให้นายเหมืองทราบครับ เธอกับลูกเพิ่งมาถึงเหมืองตอนสาย แล้วจะเริ่มงานพรุ่งนี้ครับ” เป็นปกติที่โก๋ทำเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะมีสิทธิ์ขาดรับคนงานได้โดยตรง แต่ก็ต้องพามารู้จักเจ้านาย “ดาว นี่ไงนายเหมืองพยัคฆ์ เจ้านายของเรา”
“สวัสดีค่ะนายเหมือง”
ดารากานต์ยกมือไหว้พยัคฆ์อย่างนอบน้อม กล่าวคำทักทายอย่างเป็นทางการเสียงอ่อน เด็กชายณดลเห็นมารดาไหว้ก็ไหว้ตามอย่างน่าเอ็นดู
“อ๋อ พนักงานบัญชีคนใหม่นี่เอง” คนพูดกระตุกยิ้ม มองสาวหน้าสวยที่เวลานี้หน้าซีดเผือดและหลบสายตาของเขา “นึกว่าลูกเมียฉันที่หลงลืมซะอีก”
ดารากานต์หน้าซีดหนักขึ้นเมื่อได้ยินประโยคท้ายของพยัคฆ์ ตอนนั้นเธอไม่ได้ตั้งใจกล่าวอ้างสักนิด เป็นเพราะความโมโหแท้ๆ ถึงได้พลั้งปากเอ่ยไปเช่นนั้น แต่จะว่าไป เธอก็ไม่ได้ผิดคนเดียว เพราะหากเขาขอโทษ เรื่องมันก็จบ
อีกเรื่องหนึ่งคือ โก๋ยกย่องพยัคฆ์ไว้หลายอย่าง ดารากานต์ไม่คาดคิดว่า ผู้ชายนิสัยไม่ดี มารยาททราม โลมเลียมเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ที่เจอตอนสายจะเป็นเจ้านายของตน
“นายเหมืองว่าอะไรนะครับ” โก๋สะดุดหูขึ้นมาทันใด
“เปล่า ไม่มีอะไร” พยัคฆ์ปัด “เธอกับลูกกลับไปพักผ่อนที่ห้องได้แล้ว ส่วนเอ็งตามข้ามา”
เจ้าของบ้านสั่งเสียงเฉียบ ดารากานต์นึกชะตากรรมของตัวเองออก เธอคงถูกไล่ออกแน่ๆ เขาคงไม่ปล่อยให้คนที่ต่อว่าต่อขานเขาทำงานด้วยแน่นอน ความหนักใจต่อมาคือ เธอกับลูกจะไปอยู่ที่ใด ความรู้สึกของดารากานต์ตอนนี้ รู้สึกราวกับว่า โลกนี้ช่างมีสีเทาเสียเหลือเกิน
“อ้อ เดี๋ยว” ก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินคอตกไปยังประตูบ้าน เสียงเรียกของพยัคฆ์ทำให้เธอหันมามองเขา “ลูกชายเธอชื่ออะไร”
“ณดลค่ะ ชื่อเล่นชื่อตามค่ะ”
“ตาม มานี่ซิ” พยัคฆ์เรียกเด็กชายที่ก้าวเดินไปหาร่างหนา เขาย่อตัวลงนั่งยองเมื่อณดลเข้ามาใกล้ “อยากได้หุ่นในตู้ไหม” เขาชี้ไปยังโมเดลที่สะสมไว้ในตู้โชว์
“อยากได้ครับ” ความใสซื่อตามประสาเด็ก ส่งผลให้ณดลตอบออกไปทันที
“ชอบตัวไหนก็หยิบไปตัวหนึ่งนะ ลุงให้”
เขาเปิดประตูตู้โชว์ของสะสม ให้ณดลเลือกโมเดลได้ตามใจชอบ เด็กชายยิ้มกว้างอย่างดีใจที่จะได้ของเล่นที่ตนหมายตา
แต่ผู้ใหญ่อีกสองคนถึงกับยืนอึ้ง โก๋รู้ดีว่า โมเดลในตู้โชว์ตู้นี้นายเหมืองสุดโหดหวงมากแค่ไหน เนื่องจากเป็นของสะสมมาตั้งแต่เด็ก บางตัวมีอายุถึงยี่สิบปี เขาอยู่ที่นี่มานาน ยังไม่เคยได้สัมผัสหุ่นจำลองเหล่านั้นเลย ถือเป็นเรื่องน่าแปลกมากที่พยัคฆ์เอ่ยปากให้ของรักของหวงกับเด็กชายที่เจอหน้าเป็นครั้งแรก ประการสำคัญคือ แม้ว่าพยัคฆ์จะใจดี มีเมตตากับคนในบริวาร ทว่าพยัคฆ์กลับไม่ชอบเด็ก แต่ภาพที่โก๋เห็น ไม่ว่าจะเป็นความใจดีและรอยยิ้มของพยัคฆ์ ช่างเป็นเรื่องที่ผิดนิสัยพยัคฆ์จริงๆ
โดยเฉพาะดารากานต์ เธอไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่า พยัคฆ์ใจป้ำให้บุตรชายของเธอเลือกหยิบโมเดลที่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เป็นของสะสมราคาแพงที่เจ้าของน่าจะหวงไม่น้อย
ความอยากได้เป็นทุนเดิม ทำให้ณดลหยิบโมเดลซูเปอร์แมนออกมาจากตู้ มากอดไว้กับอก
“ขอบคุณครับ”
โดยที่ดารากานต์ไม่ต้องบอก ณดลวางของเล่นทั้งตัวเก่าและใหม่ลงบนพื้น พนมมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ตามคำสอนของคนเป็นแม่ที่สอนเสมอว่า ใครให้ของก็ต้องขอบคุณ
เป็นอีกภาพหนึ่งที่โก๋ไม่เคยเห็นบ่อยนัก ภาพนั้นคือ รอยยิ้มของพยัคฆ์ที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน มือใหญ่ของเจ้าของเหมืองวางลงบนศีรษะเด็กชาย แล้วขยี้เบาๆ อย่างเอ็นดู
“เธอพาลูกไปได้แล้ว ไอ้โก๋ตามกูมา”
พยัคฆ์ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปยังห้องทำงานโดยมีโก๋เดินตามไป ส่วนสองแม่ลูกก็เดินจูงมือกลับไปยังห้องพักของตน ในสมองน้อยๆของดารากานต์ คิดถึงแต่เรื่องอนาคตของตนเองและลูก
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งใจจะตั้งหลักปักฐานทำงานที่นี่ สถานที่ที่ฝ่ายอดีตสามีจะไม่มาตามราวีตนได้อีกต่อไป ทว่าเห็นทีจะเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง ดารากานต์อาจจะโดนไล่ออก ย้ายออกไปจากเหมืองแห่งนี้