ตอนที่ 6
ภาคีนัยพาจันจิรามาเปิดหูเปิดตาพาหญิงสาวมาเที่ยวห้างในตัวเมือง ซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอยิ่งนัก ที่จะมาเดินห้างกินอาหารหรูหรา ราคาแพงตามภัคตาคาร ที่เหล่าผู้ดีมีเงินมากินกัน แต่ก็นั่นแหละ ภาคีนัยก็คือ ภาคีนัยอยู่วันยังค่ำไม่ยอมแน่ ต่อให้หญิงสาวต่อต้านคัดค้านก็ไม่ยอม จันจิราจึงจำใจมาด้วยความไม่พอใจ เพราะว่าตอนแรกเธอคิดว่าชายหนุ่มจะพาออกไปกินข้าวริมชายหาดมีร้านอาหารที่มุงด้วยก้านมะพร้าวเป็นซุ้ม เธอคิดว่าได้บรรยากาศดี แต่นี่พอเดินออกมาจากบ้านชายหนุ่มกลับลากเธอขึ้นรถคันหรูแล้วขับไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีท่าทีจะชะลอร้านใดเลยจนสุดท้ายรถคู่กายคันเก่งราคาแพงหยุดอยู่ห้างดังในตัวเมืองเรียบร้อย
ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวเดินเที่ยวชมสินค้าต่างๆมากมาย พาเธอมาหยุดที่ร้านเสื้อผ้าสตรีมีทั้งชุดทำงาน ไปรเวท ราตรี ชุดนอน พร้อมกับร่างใหญ่ดันคนสวยตัวน้อยให้เข้าไปข้างในร้าน ส่วนเขาก็เดินตามหลังไปด้วย เพื่อจะช่วยหญิงสาวเลือกชุด ทั้งๆที่ตนไม่ได้เป็นคนใส่ แต่เป็นคนถอด
“ชุดนี้ก็ดีนะครับ ผมว่าสวยดีเซ็กซี่ก็ด้วย” ชายหนุ่มพูดขึ้นขณะที่ช่วยหญิงสาวเลือกชุดนอนที่แขวนอยู่บนราว
“ไม่ค่ะ สวยตรงไหนก็ไม่รู้โป๊จะตาย” จันจิรารีบปฏิเสธ ชุดที่ชายหนุ่มเลือกให้ เป็นชุดนอนบางเบาสายเดี่ยว มองเข้าไปข้างในทะลุปรุโปร่ง เห็นอะไรต่อมิอะไรหมด
“งั้นเอาชุดนี้ก็ได้ครับ เย้ายวนนิดๆ” พูดจบคนหน้ามึนแสนหื่น รีบลากชุดดังกล่าวมาให้หญิงสาวดู เป็นชุดนอนผ้ามันวาวใส่เข้าไปแนบเนื้อ แถมแหวกหน้าผ่าหลังอีก เธออยากจะบ้าตายกับผู้ชายคนนี้เหลือเกิน หื่นขนานแท้จริงๆ วันๆสงสัยคิดแต่เรื่องเดียว
“ไม่ค่ะลูกจันเลือกเองได้ นี่ค่ะชุดที่ลูกจันเลือก” จันจิราหยิบชุดนอนที่ตนเลือกโชว์ให้ชายหนุ่มดู ชุดนอนในมือน้อยเป็นชุดนอนลายสตรอเบอรี่น่ารักกุ๊กกิ๊ก ส่วนอีกชุดเป็นแบบเสื้อเชิ้ต เสื้อกล้ามพร้อมกับกางเกง จนหื่นตัวพ่อหน้าเบ้โดยเร็ว เมื่อเห็นชุดที่หญิงสาวเลือก
“โธ่คนสวยเห็นใจผมหน่อยสิครับ” ชายหนุ่มโอดครวญ จนหญิงสาวนึกหมั่นไส่ขึ้นมาเลยประชดไปว่า
“ลูกจันใส่ค่ะ” ไม่ทันที่จะเอ่ยต่อเสียงเข้มก็แทรกขึ้นว่า “แต่ผมถอด เห็นใจผมด้วยพลีส!!” ชายหนุ่มมิวายร้องขอ แต่คนตัวน้อยไม่สนใจ จันจิรายิ้มเยือกก่อนจะเดินไปจ่ายเงินโดยมีสารถีหนุ่มหล่อเดินรั้งท้าย
สี่ทุ่มตรงถึงบ้านเชิงเขาพอดี หญิงสาวไปอาบน้ำพร้อมกับสวมใส่ชุดนอนที่ซื้อมาใหม่ จันจิราอยู่ในชุดนอนสไตล์สปอร์ตเกิร์ลเพราะเธอคิดว่าปลอดภัยในชีวิตยามกลางคืนที่สุด
ร่างแน่งน้อยเดินออกมากลางห้องคิดว่าชายหนุ่มคงนั่งรออยู่ เธอจะบอกเขาไปอาบน้ำ เนื่องจากชายหนุ่มเสียสละให้หญิงสาวอาบน้ำก่อน แต่พอเดินเข้ามาก็ไม่เจอ กลับพบแต่ความว่างเปล่าแทน
ความคิดหนึ่งแวบแล่นเข้ามาในหัว ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งชีวิตเธอมันว่างเปล่าอย่างนี้ล่ะ เธอจะทนได้ไหม อดทนสิ ลูกจัน แกอย่าคิดให้มาก แกต้องเข้มแข็งนะ คนตัวน้อยได้แต่ปลอบใจตนเองว่าต้องเข้มแข็งเข้าไว้
“คุณภาคีนัย คุณภาคีนัยคุณอยู่ไหนค่ะ” เสียงหวานใสไพเราะตะโกนเรียกหาชายหนุ่มไปทั่วอาณาบริเวณ พร้อมกับเห็นร่างภูมิฐานของเขาที่นั่งอยู่ระเบียงหน้าบ้าน
“คุณเพลิง”
ภาคีนัยหันมายิ้มให้คนตัวน้อย ก่อนจะตบหน้าขาแล้วเรียกแม่เอวบางร่างนิ่มมานั่งบนตักแกร่ง
“มานั่งตรงนี้ครับลูกจัน ผมมีอะไรจะพูดกับคุณหน่อย” จันจิราหน้าถอดสีเมื่อได้ยินน้ำเสียติดจะตัดเยื่อใยจากเขา ทำเอาคนมองอย่างเจ้าของโรงแรมหนุ่มแอบขำในใจ
“คุณเพลิง…”
“มานั่งเหอะผมมีอะไรจะคุยกับลูกจันนะครับ” ไม่รอให้ร่างบางหย่อนสะโพกมานั่งเอง มือหนาคว้ามหับเข้าที่เอวกิ่ว ก่อนจะจัดแจงร่างบางให้นั่งอยู่บนตักอย่างสบาย
“อย่าดื้อสิครับคนสวย” กระซิบข้างใบหูผ่อง เมื่อเห็นว่าม้าสาวออกลายพยศอีกครั้ง และภาคีนัยไม่รอช้าชายหนุ่มล้วงมือหนาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะหยิบแหวนเพชรเม็ดงามมาสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายให้เธอ พร้อมกับกระชับวงแขนแกร่งโอบร่างระหงไว้อย่างรักสุดหัวใจ จากนั้นปากหยักจรดหลังมือเรียวอย่างสุดซึ้ง ทำเอาคนเจ้าน้ำตาอย่างจันจิราบ่อน้ำตาแตกอีกจนได้
“ไม่เอาครับคนสวย อย่าร้องสิ โอ๋ๆลูกจันคนเก่งไม่ร้องนะครับ” คำปลอบประโลมแสนหวานเหมือนห้ามเด็กหยุดร้อง ชวนให้เจ้าตัวร้องไห้หนักกว่าเก่า มือหนาไม่อยู่นิ่งคอยซับหยาดน้ำตาให้อย่างอ้อยอิ่ง
“ค่ะ ฮึก… ฮือ...” แม้เจ้าตัวจะพยายามกั้นเสียงสะอื้นไว้ แต่ก็กั้นไม่อยู่ลำตัวนิ่มสั่นสะอื้นในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น
“ไม่เอาครับ ไม่ร้องนะครับ คนเก่ง…”
เสียงไพเราะนุ่มนวลคอยวนเวียนไม่ห่างหู บรรยากาศ ณ เวลานั้นแสนโรแมนติกเหลือเกิน จะหาที่ใดเทียบเคียงก็ไม่ได้ ทั้งสองโอบกอดกันอยู่ระเบียงนอกบ้าน สายลมยามค่ำคืนท่ามกลางธรรมชาติพัดโบกมา พร้อมกับความหนาวเย็นที่เข้ามาด้วย ทว่าจันจิรารู้สึกหนาวเย็นไม่เพราะว่าตอนนี้ร่างทั้งร่างของเธอถูกชายหนุ่มโอบเอาไว้ จนอบอุ่นทั้งกายและใจยิ่ง
ทั้งภาคีนัยและจันจิรายังไม่เข้าไปข้างในบ้าน ทั้งสองกลับนอนดูดวงดาว ชายหนุ่มหาเรื่องมาคุยกับสาวที่นอนเคียงข้างกายไม่หยุดปาก ร่างใหญ่โตสมชายชาตรีแสนอบอุ่น เขยิบกายเข้าใกล้คนตัวน้อยอย่างวิสาสะ พร้อมหาเรื่องต่างๆมาเล่าให้เธฮฟังจนผล็อยไปโดยไม่รู้ตัว
คืนนั้นหลังจากที่จันจิราหลับคาแขนภายในอ้อมกอดอันอบอุ่น เขาจัดการอุ้มเธอเข้าไปนอนข้างในบ้าน เพราะเกรงว่าจะไม่สบายเอา เนื่องจากว่าลมข้างนอกแรงเหลือเกิน อากาศเย็นด้วย ชายหนุ่มตัดสินใจให้เธอไปนอนข้างในบ้านส่วนตัวชายหนุ่มหลังจากพาหญิงสาวมานอนเสร็จ เขาก็ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย แล้วรีบปลีกตัวมานอนข้างกายน้อยอย่างรวดเร็ว สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน ลำแขนแกร่งโอบเอวบางเอาไว้อย่างหวงแหน คืนนี้ช่างเป็นคืนที่เขาแสนจะมีความสุขเหลือเกิน และอยากจะเป็นแบบนี้ไปตลอด
คนเผลอหลับไปโดยไม่ตั้งใจ มารู้สึกตัวเมื่อตอนที่ชายหนุ่มสอดตัวเข้าเคียงข้าง แต่เธอก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง มีแต่ขยับร่างกายตนเองแนบชิด แล้วซุกหน้านวลเข้ากับอกกว้างอย่างต้องการหาไออุ่น
แสงแดดยามอรุณสาดส่องเข้าปะทะตรงใบหน้าคนหลับ ทำให้ทั้งสองรู้สึกตัวเวลาได้ย่างกรายเป็นหกโมงเช้าแล้วชายหนุ่มวางแผนว่าวันนี้จะพาหญิงสาวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้า ทว่าคงไม่ทันแล้ว เอาไว้ตอนเย็นเดี๋ยวค่อยพาไปดูพระอาทิตย์ตกดินแทน หากว่าวันนี้มีแพลนท่องเที่ยวเหมือนเดิม
“ลูกจันลุกไปอาบน้ำกัน วันนี้ผมจะพาไปเที่ยวครับ” เสียงทุ้มเอ่ยชวนหญิงสาวไปอาบน้ำ ชำระล้างร่างกายเพื่อจะได้เตรียมตัวมากินข้าวแล้วจะได้ไปเที่ยวกัน
“ไปไหนอีกค่ะ ลูกจันเหนื่อยนะคะ เพลียอย่างไรก็ไม่รู้ลูกจันอยากพักค่ะ”
“เอาไว้เซอร์ไพรส์ครับ แต่ตอนนี้ต้องอาบน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวลูกจันไปอาบก่อนคุณนะคะ” พูดจบเธอก็ลุกออกจากเตียง ไปเข้าห้องน้ำชายหนุ่มจะบอกให้เธอรอแต่ร้องบอกตามหลัง ไม่ทันเพราะคนตัวเล็กวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“ลูกจัน รอผมด้วย” ไม่ทันการซะแล้ว กว่าที่ชายหนุ่มจะตามมาทัน ร่างน้อยได้ปลีกตัวหลบอยู่ในห้องน้ำเรียบร้อยปิดประตูลงกลอนอย่างมิดชิดหนาแน่น ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนมานั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำแทน
และกว่าที่ทั้งสองจะจัดการธุระเสร็จ ก็เลยเวลามาเกือบชั่วโมงเศษไปแล้ว
วันนี้ผู้บริหารหนุ่มตั้งใจพาสาวน้อยที่นั่งอยู่ในใจมาเที่ยวชมฟาร์มสวนผสมของเพื่อน โดยจะเป็นรีสอร์ท มีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย ซึ่งชายหนุ่มมีหุ้นร่วมอยู่ด้วย แต่ตอนนี้เจ้าของฟาร์มตัวจริงไม่อยู่หรอก เพราะมัวแต่ไปโอ๋เมียอยู่ต่างจังหวัดทำให้ช่วงนี้ฟาร์ม ‘รัฐเกียรติ’ ของมัน มีแค่ผู้จัดการเท่านั้นที่ดูแล
“ไอ้รัฐ กูยืมรีสอร์ทขี้ไก่น้อยมึงหน่อยสิ” เสียงทุ้มเข้มกรอกผ่านสมาร์ทโฟนรุ่นหรูหราอย่างกวนเส้น ตามประสาคนรู้จักมักคุ้น
“โอ้พระเจ้า! นับเป็นบุญอย่างยิ่ง ที่ท่านผู้บริหารจะโทรมาหาข้าน้อยว่าแต่รีสอร์ทขี้ไก่น้อยอะไรวะ ไอ้นี่ปากหมาไม่เปลี่ยนนะมึง” รัฐเกียรติ หรือ ไอ้รัฐที่ภาคีนัยเรียกนั้นทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เรียนมหาวิยาลัย นิสัยเจ้าชู้ตัวพ่อเหมือนกัน ทำให้สองคนสนิทสนมกันง่าย แต่ตอนนี้กลับมันกลัวเมียซะยิ่งกว่าแม่อีก การงานไม่ค่อยสนใจ วันๆเอาแต่ตามติดเมียต้อยๆ แม้ว่าจะไม่ทำอะไรก็ไม่อดตาย เพราะมรดกตกทอดจากพ่อแม่มันเยอะแยะใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด
“อย่ากวนโว้ย กูพูดจริง” ภาคีนัยตอบ พร้อมกับส่ายหัวให้กับความขี้เล่นของเพื่อนรัก ทั้งที่มันแต่งงานมีครอบครัวแล้วแต่ก็ยังขี้เล่นเหมือนเดิม ทะเล้นไม่เคยเปลี่ยน
“มึงจะเอาไปทำอะไร ทั้งที่แต่ก่อนกูบอกให้มึงมาดูแลให้ อ้อนแทบตายมึงก็ไม่ยอมเสด็จมาเลยนี่” รัฐเกียรติอดจะแขวะเพื่อนไม่ได้ ทั้งที่ใจจริงก็รู้อยู่ว่ามันยุ่งกับงานบริษัทของมัน แต่ทำอย่างไรได้ตอนนี้มันกลับมาอ้อนวอนขอเขา
“กูมีละกันน่ะ มึงอย่าถามมากได้ไหม” ภาคีนัยรีบเอ่ยตัดบทเพราะตนก็ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้นัก ถ้ามันรู้ว่าเขาพาผู้หญิงไปนะมีหวังเพื่อนรู้ทันอย่างมันซักไซ้ทั้งวันแน่ ดีไม่ดีมันตีตั๋วเครื่องบินมาฟาร์มทันที ไม่ใช่มันดีใจที่จะมาเจอเพื่อนอย่างเขาหรอก แต่มันจะมาดูหน้าผู้หญิงของเขาต่างหากเล่า
“กูอยากรู้นิ บอกกูหน่อยสิ”
“ไม่ได้ มึงอย่ารู้เลย มึงจะรู้ให้มากความทำไม หนักสมองเสียเปล่า”
“ไอ้นี่ ถ้ามึงไม่เล่านะ กูตีตั๋วเครื่องบินลงฟาร์มแน่”
ว่าแล้วไหมล่ะพูดไปไม่ถึงนาที มันจะตีตั๋วเครื่องบินมาจริงๆ เพราะไอ้นี่มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และก็เป็นประเภทที่พูดจริงทำจริงเสียด้วยใครห้ามก็ไม่ฟัง
“...” ด้านภาคีนัยเงียบไม่ตอบกลับปลายสาย จนรัฐเกียรติต้องถามย้ำอีก
“มึงพาสาวไปล่ะสิ” รัฐเกียรติถามอย่างรู้ทัน เพราะอยู่ด้วยกันมานานสนิทกัน มีอะไรก็ปิดกันไม่มิดหรอก พวกเขาสองคนเป็นประเภทที่ว่า ไก่เห็นตันงู งูเห็นนมไก่ แต่ครั้งนี้เพื่อนเขาไม่ตอบ มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
“เรื่องของกู กูพาใครไปก็ได้”
“บ๊ะ ไอ้นี่หัดมีความลับกับเพื่อน ถ้ามึงพาผู้หญิงไปจริง กูล่ะอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจริง จะสวยจริงไหม ลีลาเด็ดดวงแค่ไหน ที่เอาไอ้เพลิงอยู่เนี่ย” รัฐเกียรติสาธยายแกมถามภาคีนัย แต่พ่อคนขี้หึงได้ยินกลับหมึน เพื่อนไม่น้อยที่บังอาจมาพูดถึงผู้หญิงของเขา
“มึงหยุดพูดถึงเธอเลยนะ แล้วตกลงมึงจะให้กูยืมไหมรีสอร์ทขี้ไก่น้อยของมึงเนี่ย”
“มีหึงด้วย กิ้วๆ …เรียกดีๆนะโว้ย ขี้ไก่น้อยที่ไหน นั่นน่ะบ่อเงินบ่อทองชัดๆ” รัฐเกียรติยังไม่เลิกเล่น จนภาคีนัยหมั่นเขี้ยวอยากเตะคนขึ้นมาทันใด
“ถ้ามึงอยู่ใกล้นะ กูเตะมึงนานแล้ว ไอ้กวนประสาทนี่ไม่มีใครเกินมึงจริงๆ กูละสงสารเมียมึงจริงๆ ที่ช่างสามารถทนมึงได้” ได้ทีภาคีนัยแขวะกลับเป็นการใหญ่
“ไอ้นี่กวนละ เมียกูใจดีโว้ย” ครานี้รัฐเกียรติก็คุยถึงศรีภรรยาแบบโอ้อวด เอาให้คนไม่เมียอิจฉากันไปตามๆ
“เอ่อกูนับถือจริงๆพัชราภรณ์ เมียมึงน่ะ ถ้าไม่ใจดีน่ะนะ เขาคงไม่ให้อภัยมึงหรอก มึงเล่นไปทำกับเขาไว้เยอะนี่ ทำซะยิ่งกว่า โศรยา ใน จำเลยรักอีก” ภาคีนัยกัดเพื่อนหนักกว่าเก่า เพราะกว่าที่รัฐเกียรติกับพัชราภรณ์จะลงเอยกันได้นั้น เล่นเอาซะเพื่อนทุกคนที่มันมีเหนื่อยเป็นแถบ รวมทั้งตัวชายหนุ่มด้วย เลยทำให้ตอนนี้มันติดหนี้บุญคุณเขาอยู่
“เอ้อๆ พอๆกูขี้เกียจคุยกับมึงแล้ว มึงจะไปอยู่รีสอร์ท อยู่ฟาร์มกูกี่ปีกี่ชาติกูก็ไม่ว่าตามสบายนะ ที่บ้านพักของกูมีแม่บ้านเขาทำความสะอาดดูแล เขาคงจำมึงได้ เพราะแม่บ้านที่กูจ้างก็ยังเป็นคนเดิม”
“อื้อๆ ขอบใจมึงมากเดี๋ยวกูไม่ลืมพระคุณครั้งนี้ของมึงเลย แค่นี้นะ” ภาคีนัยกดวางสายไปเรียบร้อย ในที่สุดก็จะได้พาจันจิราไปเที่ยวชมไร่เป็นเวลานานๆ ไปสักอาทิตย์เป็นเดือนดี หรือแล้วแต่สถานการณ์จะพาพริ้วไหว
ตอนที่ 6
หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับรัฐเกียรติเสร็จ ภาคีนัยก็ไม่ลืมที่จะบอกหญิงสาวจัดเตรียมกระเป๋าไว้เอาชุดไปเปลี่ยนสักสองสามชุดก็พอไม่ต้องเอาไปให้มากหรอก…เพราะอย่างไรก็ไม่ได้ใส่อยู่ดี ประโยคท้ายนี้ภาคีนัยเติมเองในใจมุมปากยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ลูกจันจัดเตรียมของไว้รอนะครับเดี๋ยวพาไปเที่ยว” ภาคีนัยหันมาบอกหญิงสาวก่อนที่จะเดินออกไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย
“ทำไมต้องจัดกระเป๋าด้วยค่ะ” เสียงหวานใสถามออกมาอย่างงงงวย
“ผมจะพาลูกจันไปพักที่นั่นสักอาทิตย์แน่ะ” ชายหนุ่มร่ายแผนการคร่าวๆให้ฟัง แต่ยังไม่ลงรายละเอียดทั้งหมดว่าจะทำอะไรแบบไหน
“จริงเหรอค่ะ ว่าแต่ทำไมไปนานจังตั้งอาทิตย์นึง” เรียวปากสวยยิ้มโชว์ฟันสวยราวกับน้ำนม อย่างดีใจสุดๆแต่แปรเปลี่ยนสีหน้าถามออกมาด้วยความหมองหม่นลง
“ไม่นานหรอกครับ อยู่ที่นั่น รับรองลูกจันไม่อยากกลับแน่ เพราะมีอะไรสนุกๆเยอะแยะเต็ม จนนับไปถ้วนเลูกจัน จัดกระเป๋ารอนะเดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนมันจะสายเอา” พูดจบชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ
“ค่ะ” เสียงหวานไพเราะรับปากและพยักหน้าเป็นเชิงว่าตกลง แล้วเธอก็หันมาใส่ใจกับการจัดกระเป๋าต่อ ซึ่งมีการคัดสรรเสื้อผ้าไปอย่างพิถีพิถันโดยชุดที่หญิงสาวเลือกไปนั้นส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นสองถึงสามตัว ชุดนอนอีกสองชุดมีหมวกปีกอีกใบ พอเตรียมของตัวเองเรียบร้อย ก็หันไปจัดกระเป๋าให้ชายหนุ่มด้วย ซึ่งกว่าจะจัดเสร็จนั้น ใช้เวลาเกือบสามสิบนาทีเชียว พร้อมกับภาคีนัยอาบน้ำเสร็จและแต่งตัวเรียบร้อย หนุ่มสาวออกเดินทางได้ในเวลาสี่โมงเช้า โดยชายหนุ่มขับออดี้คันงามไป
รีสอร์ทแอนด์ฟาร์ม ‘รัฐเกียรติ’…
“สวัสดีครับคุณเพลิง” เสียงเข้มของลุงสุขเอ่ยทักทายผู้บริหารหนุ่มเมื่อข้างกายมีสาวขนาบข้างมาด้วย แม้นลุงสุขจะสงสัยแต่แกก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
“สวัสดีครับลุง ลุงสบายดีหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มพูดทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ลุงสุขที่อาวุโสกว่า เพราะภาคีนัยกับลุงสุขสนิทกันเนื่องจากเขาก็เคยมาเที่ยวที่ฟาร์มของรัฐเกียรติบ่อยครั้ง และเจอลุงสุขเป็นประจำ
“สบายดีครับคุณเพลิง”
จากนั้นก็ทักทายกันอีกสองสามประโยคตามประสาผู้ชายแม้อายุจะห่างกันมากตามที ระหว่างพูดลุงสุขก็หันมามองจันจิราที่ยืนอยู่ข้างๆภาคีนัย พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรหลังจากทักทายกันเสร็จ ลุงสุขก็ไปหิ้วข้าวของสัมภาระของหญิงชายทั้งสอง
ภาคีนัยได้รับอนุญาตจากรัฐเกียรติแล้วว่าสามารถมาพักในอาณาบริเวณส่วนตัวได้ ซึ่งจะมีบ้านพักปลุกไว้ 2-3 หลังบ้านใหญ่สุดเป็นที่ส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของ และอีกสองหลังก็เป็นที่ไว้สำหรับต้อนรับแขกคนสนิท หรือปลุกไว้เผื่อเพื่อนๆที่จะมาหา โดยลักษณะของที่พักก็เป็นบ้านที่ยกสูงจากพื้นประมาณเมตรครึ่งเป็นเสาต้นเตี้ยๆโดยมีไม้เป็นส่วนประกอบหลัก ดีไซน์ของตัวบ้านออกแนวทะเลผสมกับสไตล์สมัยใหม่ที่ประยุกต์เข้ากันได้อย่างลงตัว
สองหนุ่มสาวจัดข้าวของที่เตรียมมาให้เรียบร้อย โดยมีแม่บ้านดูแลเป็นประจำ เข้ามาทำความสะอาดไว้รอ ป้าแม่บ้านคนเก่งก็คือ ภรรยาของลุงสุขนั้นเอง สองสามีภรรยาจะดูแลความเรียบร้อยภายในเกาะส่วนตัวอาณาบริเวณนี้ ที่ไม่มีใครเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะเจ้าของเกาะหวงมาก เนื่องจากเป็นที่ส่วนตัว และจะมีก็แต่คนที่สนิทกันจริงๆที่ได้ย่างกรายเข้ามา
“ลูกจัน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหญิงสาวขณะที่มือน้อยกำลังเก็บพับเสื้อผ้าให้เสร็จสิ้น
“คะ” เสียงหวานใสขานรับ พร้อมกับคิ้วโก่งขมวดเป็นรูปโบว์ย่นเข้าหากัน ประกอบกับทำสีหน้าสงสัยเป็นเชิงถามว่าเรียกอะไร
“ผมว่าจัดของเสร็จคุณนอนพักเถอะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเดี๋ยวไม่สบายเอาได้” จากที่เธออาเจียนอยู่บนเรือ ร่างกายคงอ่อนแอไม่น้อย ฉะนั้นจึงต้องพักเอาแรงไว้เป็นทางป้องกันดีที่สุด
“ค่ะ ลูกจันก็รู้สึกเพลียๆไม่หายเลยค่ะ” พูดจบร่างเล็กอรชร ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งอยู่คนเดียวไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“เชิญครับ” ภาคีนัยเชิญคนที่มาเคาะประตูด้วยตนเอง
“ป้าแวะเอาอาหารมาให้ค่ะ” ป้าสายภรรยาลุงสุขนั้นเองที่มาเคาะประตูในมือ ถือถาดอาหารสัก 2-3 อย่างเข้ามาให้แล้ววางไว้บนโต๊ะเล็กๆ เป็นมุมสำหรับนั่งกินข้าว
“ขอบคุณมากครับป้า” ภาคีนัยเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณภาคีนัยก็เหมือนนายป้าคนหนึ่งแหละค่ะ ป้าเห็นคุณภาคีนัยแล้วป้าอดคิดถึงคุณรัฐเกียรติกับคุณพัชราภรณ์ไม่ได้ ทั้งคู่ไม่ได้มาฟาร์มนานแล้ว ตั้งแต่งานแต่งโน้นแน่ะค่ะ ไม่รู้ป่านนี้มีนายน้อยหรือยัง” ป้าใจพูดระบายออกมาเพราะคิดถึงเจ้านายทั้งสอง ที่หนีหายไปอยู่แต่กรุงเทพ ไม่ยอมกลับมาสักที ปล่อยฟาร์มและกิจการต่างๆให้อีกคนดูแล
“อ๋อครับ อย่างไรก็ขอบคุณป้ามากๆครับที่อุตส่าห์เอาอาหารมาให้ผม”
“จ้ะ”
อาหารมื้อเย็นล้วนอร่อยละมุนลิ้นทั้งสิ้น ประกอบกับฝีมือการปรุงอาหารของป้าใจทำให้รสชาติออกมาแสนถูกปากภาคีนัยกับจันจิรายิ่งนัก พอกินข้าวเสร็จอาการง่วงเริ่มแผ่คลุมเข้ามาเหมือนเรามักพูดกันว่า หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน จากนั้นภาคีนัยพาจันจิราเข้านอนกลางวัน ส่วนชายหนุ่มก็ออกมาโทรศัพท์หาเลขาส่วนตัว เช็คการงานในบริษัทว่ามีปัญหาอะไรไหม เพราะเขาก็ละเลยหน้าที่ไปนานหลายวันเข้าแล้ว