ตอนที่ 7 50%

3693 คำ
ตอนที่ 7 โรงแรมห้าดาวที่มีผู้มาใช้บริการมากเป็นอันดับหนึ่ง คงหนีไม่พ้น โรงแรมในเครือดำรงอนุสรณ์ ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีผู้บริหารสูงสุดคนปัจจุบันคือ ภาคีนัย ดำรงอนุสรณ์ เป็นทายาทรุ่นล่าสุด ทำหน้าที่สืบกิจการของตระกูล แต่เวลานี้ ผู้บริหารสูงสุดไม่ได้ย่างกรายเข้าไปบริหารงานมาหลายสัปดาห์แล้ว เขาสั่งงานไว้กับลูกน้องคนสนิทพร้อมกับบอกว่าจะหายไปสักเดือนสองเดือน เพื่อทำอะไรบางอย่าง ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้รีบโทรหาตนโดยด่วน “สวัสดีคุณชุติมนงานเป็นอย่างไรบ้างครับ เรียบร้อยดีไหม” ภาคีนัยต่อสายหาเลขาคนสนิท พร้อมกับกรอกเสียงผ่านสมาร์ทโฟนราคาแพง “เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาค่ะ” ชุติมนเลขาประจำตัวชายหนุ่ม เธออายุเกือบจะสี่สิบแล้วทำงานกับดำรงอนุสรณ์ มาตั้งแต่สมัยพ่อเขาเป็นผู้บริหาร เธอจัดได้ว่าเป็นผู้น่าไว้เนื้อเชื่อใจคนหนึ่ง “ครับ ขอบคุณมากนะครับ เอาไว้สักอีกเดือนสองเดือนแล้วผมจะกลับเข้ากรุงเทพครับ” ภาคีนัยบอกเล่าเลขาของตนแล้วไม่ลืมกำชับอีกว่า “ถ้าคุณแม่ถามหา ก็บอกว่าผมไปดูงานที่ต่างประเทศนะครับ ตกลงตามนี้นะครับ” สั่งธุระเสร็จชายหนุ่มรีบตัดสายไม่ปล่อยให้เลขาของตนได้ตอบอะไรกลับมาเลย ตอนนี้มารดาของเขา ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นเวลาห้าเดือน ไปหาเพื่อน หาญาติ และไปตะลอนทัวร์รอบโลก เหลืออีกสองเดือน จะครบกำหนดกลับพอดี ชายหนุ่มเกรงว่ามารดาจะมาต่อว่าเอาได้ ว่าไม่สนใจงานพอแม่ไม่อยู่กลับหนีเที่ยว ณ บ้านพัก นาฬิกาเรือนงามแขวนผนังอยู่หน้าปัดนาฬิกาเข็มสั้นชี้ที่เลขห้า เฉียดกรายใกล้ๆเลขหกเข็มยาวชี้ที่เลขสิบ เวลากำลังจะตกดินเข้าสู่พลบค่ำ คนตัวสูงใหญ่ได้พาหญิงสาวนั่งเรือไปดูพระอาทิตย์บนเขาสูง  “เป็นอย่างไรครับลูกจันสวยหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอี้ยวใบหน้ากลับมาถามสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกาย พร้อมกับมือหนากระชับเอวบางไว้ เหมือนกลัวหญิงสาวจะหนีหายไป “สวยค่ะ ลูกจันชอบมาก” ปากเรียวบางขยับตอบเขา แต่ตากลมโตสุกสกาว ไม่ละจากธรรมชาติเบื้องหน้าสักนิด เธอยังจับจ้องมองพระอาทิตย์ตลอดเวลา ซึ่งเหลืออีกไม่มากนักแสงยามอัสดงก็เริ่มหายหนีเข้าไปในขอบฟ้า  “เอาไว้ผมจะพาที่รัก มาดูทุกวันนะครับ” พูดจบปากหนาฉกฉวยโอกาสหอมแก้มนวลไปฟอดหนึ่ง กลิ่นกายสาวเจ้านั้นช่างยั่วยวนอารมณ์ดิบเถื่อนเหลือเกิน ยากจนเกินจะห้ามใจไว้ได้ ชายหนุ่มก้มลงมาจูบเรียวปากบาง คว้านหาความหวานล้ำในนั้น เขาพยายามส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก แล้วแลกจุมพิตกับคนด้อยประสบการณ์อย่างจันจิราโดยเร็ว ทั้งมือหนาเทียวลูบไล้ไปตามสะโพกคอด ไล้มาบริเวณเอวบางอย่างปลุกเร้าอารมณ์ เพื่อให้หญิงสาวคล้อยตามแรงปรารถนา อันจะบังเกิดขึ้น “อืม…” เสียงหวานครางประท้วง เมื่อชายหนุ่มรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้อารมณ์ดิบเถื่อนชายชาตรีเหนือการควบคุมเข้าแล้ว ยิ่งเป็นคนประสบการณ์จัด อย่างภาคีนัยด้วยยิ่งแล้วใหญ่ที่เขาจะมาห้ามอารมณ์ตนเอง มือหนาไม่หยุดอยู่นิ่ง แต่กลับสัมผัสไปตามสีข้าง จนกายสาวสะท้านเมื่อยามชายหนุ่มปลุกเร้า มือใหญ่หนีไม่พ้นที่กอบกุมทรวงอกอวบอิ่ม นวดเฟ้นอย่างเมามันส์ ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ผู้เป็นเพียงปุถุชนธรรมดา ปากจูบกันอย่างดูดดื่มบ้าคลั่ง จนบางครั้งหญิงสาวเป็นฝ่ายจูบตอบ หลงไหลในรสจุมพิตเสน่หาของกันและกัน “อื้อ…อ๊ะ ” เสียงหญิงสาวเล็ดลอดออกมา เมื่อยามที่ปากหนาดูดกลืนยอดปทุมมาลย์ หญิงสาวแอ่นหน้าอกรับอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่มีคำว่าอายในจิตใต้สำนึก เพราะไฟพิศวาสแผดเผาจนยากที่จะหยุดยั้ง มือหญิงสาวลูบไล้ไปตามแผงอกกว้าง ใช้มือสะกิดเข้าที่ยอดอกน้อยของเขา เหมือนจะเพิ่มความคลั่งและปั่นหัวชายหนุ่ม จนเขาแทบทานทนไม่ไหวอยากจะจับหญิงสาวเปลื้องผ้าซะเดี๋ยวนั้น “คนสวย คุณทำไมร้อนแรงอย่างนี้” พูดไปปากหนายิ่งดูดกลืนอกอวบไม่หยุดหย่อน ด้านหญิงสาวได้ยินเสียงทุ้มเอ่ย เธอยิ่งได้ใจลูบไล้ไปเรื่อยอย่างเป็นงานขึ้น ไม่นานมือหนาส่งนิ้วแกร่งเข้าไปทักทายกุหลาบงามซึ่งยามนี้ ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำหวานจำนวนมากมายมหาศาล ที่หลั่งรวยรินออกมา กายสาวแรกแย้มผลิตมันออกมาไม่เคยขาด เมื่อเห็นดอกไม้งามชุ่มช่ำด้วยหยาดธารน้ำหวาน เขาไม่รอช้ารีบกระชากกางเกงตัวน้อยทั้งชั้นนอกชั้นในมา กองพะเนินไว้ข้อเท้าโดยเร็ว ปากหนาวกเข้าชิมอย่างหื่นกระหาย ชายหนุ่มไม่คิดที่จะรังเกียจเลยด้วยซ้ำ เฝ้าดูดดื่มอย่างรักใคร่ลิ้นหนาไล้เลียไปทั่วกายสาว สร้างความทรมานให้เธอเป็นอย่างมาก ร่างน้อยส่ายไปมาเพียงเพื่อลดคลายความเสียวซ่าน แต่หารู้ไหมว่า การทำอย่างนั้นก็เหมือนกับการเอาน้ำมันไปราดใส่กองไฟนั้นเอง เพราะมันไปเร่งกระตุ้นเพิ่มความต้องการในตัวเขา “อา…” สาวสวยร่างน้อย ครวญครางออกมาไม่ขาดระยะ เธอรู้สึกว่ามันช่างทรมานเหลือเกิน เหมือนใจจะขาดอยู่แรมรอน แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดมันเหมือนกับการทรมานแล้วมีความสุขไปพร้อมกัน จนที่สุดหญิงสาวถึงจุดหมายไขว่คว้าเอาดวงดาวนับหมื่นแสนดวงมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน พอไฟสวาทแผดเผาผ่านพ้นไป หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย สายตาชายหนุ่มจดจ้องเต้าอกอวบอิ่มอยู่ไม่วางตา จนนางอายอย่างจันจิราต้องก้มหน้างุด ซ่อนจุดแดงกลมบนแก้มนวลเนียน มือน้อยสั่นระริก รีบจัดการเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ตาคมเห็นเช่นนั้นแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “จะรีบจัดไปทำไมครับ พอถึงบ้านก็ต้องแก้ทิ้งอยู่ดี” คำพูดที่แฝงเอาไว้ด้วยความนัย ทำให้หญิงสาวพอรู้ว่าเขาจะทำอะไร คนตัวน้อยอึกอักไม่กล้าพูด และสบตาคนตัณหาจัดอย่างภาคีนัย “เอ่อ คือ ลูกจัน” “ลูกจันอะไรครับ…หืม” จมูกโด่งเฉียดใกล้บริเวณใบหูน้อย เหมือนแกล้งปลุกเร้าอารมณ์ที่คุกรุ่นในกายสาวอีกรอบ “ลูกจัน อายน่ะค่ะ” ขณะที่พูดแก้มนวลแดงสุกแดงจนเห็นชัดแจ่มแจ๋ว จากนั้นคนร่างใหญ่รีบขับเอทีวีคันโก้ มุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทซึ่งปลีกตัวออกมาเฉพาะตัว เพื่อจะได้ไปจุดไฟรักแสนสวาทต่อ เขาใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการเดินทาง เมื่อมาถึง รีบอุ้มเธอลงมาไว้ในวงแขนกว้างก้าวดุ่มๆขึ้นบ้านอย่างเร็ว ซึ่งจุดหมายปลายทางก็คือห้องนอนนั้นเอง บัดนี้อารมณ์ของชายหนุ่มพุ่งสูงมาก ต้องการหญิงสาวอย่างที่สุด และพอได้กลิ่นกายแสนหอมหวานอีกมันช่างปลุกเร้าอารมณ์ดิบเถื่อนเบื้องล่างเหลือคณา แผ่นหลังบางคนตัวน้อยสัมผัสกับเตียงนอน ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าของตนออก รีบขึ้นคร่อมหญิงสาวไว้ มือหนาเลิกปลายเสื้อยืดตัวน้อยขึ้นเหนือเต้าสล้าง พร้อมกับฝังจมูกลงดอมดมเต็มที่ ไม่นานก็ดูดดื่มอย่างเมามันส์แสนจะหื่นกระหาย หญิงสาวแอ่นหน้าอกรับแรงดูดดื่มจากเขา เหมือนรู้งานปากหนาเพิ่มแรงดูดเม้มสลับกันไปมาจนหนำใจ มืออีกข้างนวดเฟ้นไม่มีหยุด ก้อนเนื้อกลมนุ่มคู่แฝดเด้งสู้มือเขาไม่มีหยุด มันช่างถูกใจชายหนุ่มเหลือเกิน “อา...อืม…” เสียงครางต่ำเอ่ยชมหญิงที่ตนปรนเปรอแรงพิศวาสไม่ขาดปาก “ลูกจัน” เสียงบางกำลังจะอ้าปากขึ้นประท้วง แต่ต้องกลืนเสียงไป เมื่อปากหนาประกบจูบปิดเสียงหวานเอาไว้ ยอดอกอิ่มขาดการดูดกลืน แต่ทว่ายังเสียดสีกับอกแกร่งของชายหนุ่มแทน เบื้องล่างนั้นหญิงสาวบิดส่ายสะโพกอย่างทรมานกับบทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ มือข้างที่เหลือของเขารีบกระชากอาภรณ์บนกายสาวออกหมด กายกำยำเคลื่อนตัวเข้าไปหาดอกไม้งามทันที “แน่นเหลือเกินคนสวย ลูกจันของผม อา…” ดอกไม้งามนั้นแน่นเสียเหลือเกินตอดรัดชายหนุ่มไว้อย่างแสนทรมาน ทำเอาคนที่ประสบการณ์จัดแทบทนไม่ไหว มันรัดจนกายเขาจะแตกเป็นเสี่ยง “คุณเพลิงขา…ลูกจันอึดอัดค่ะ” เสียงพูดกับลมหายใจของหญิงสาว ขาดหายไปเป็นช่วงบวกกับกายน้อยดิ้นรนอย่างทรมาน แต่หากกลับเป็นตัวกระตุ้นชายหนุ่ม เขาทนไม่ไหวรีบกระหน่ำพายุอย่างบ้าคลั่ง จนทั้งสองไปคว้าเอาเส้นชัยปลายสายรุ้งมากองไว้ด้วยกัน ผ่านไปไม่กี่นาทีพายุพิศวาสลูกใหม่พัดผ่านเข้าครอบงำทั้งสองคนอีก กว่าที่ทั้งสองจะนอนได้ก็ล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หญิงสาวเหนื่อยอ่อนกับกิจกรรมที่ชายหนุ่มจัดหนักอย่างเหลือล้ำ “พอเถอะค่ะ” มื้อน้อยปัดมือนวดปลาหมึกชายหนุ่ม ที่ยุ่มย่ามป่วนร่างกายเธอ หญิงสาวเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน มันยิ่งซะกว่าวิ่งมาราธอนอีก ชายหนุ่มรักเธอติดต่อกันเป็นเวลานาน และปล่อยให้แม่มดน้อยพักในแต่ละช่วงไม่ถึงห้านาที ไม่รู้ว่าพ่อคนหื่นไปกินอะไรมาถึงคึกเป็นพิเศษ ซึ่งเขาไม่แสดงท่าทีว่าเหนื่อยด้วยซ้ำ มีแต่แสดงสีหน้าปรารถนาในตัวหญิงสาวอยู่ตลอด “คุณไม่ชอบเหรอ หือ…” ยังมีหน้ามาถามอีกว่าไม่ชอบ ทั้งที่เธอก็ตามใจไม่มีหยุดหย่อน ตามใจทุกท่วงท่าทำนองที่มอบให้ “คือไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ลูกจันเหนื่อย ลูกจันไม่ไหวแล้วลูกจันอยากหลับแล้วค่ะ” พูดจบเปลือกตาบางก็ปิดลง ด้านชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งเป็ด เพราะเขากะว่าจะจัดหนักเธอถึงเช้า แต่นี่หญิงสาวกลับเหนื่อยก่อน บทรักที่ตระเตรียมไว้จึงสิ้นสุดลง “ฝันดีนะครับ จุ๊บ…” ร่างหนาของคนหื่นสอดตัวเข้าไปนอนข้างๆหญิงสาวพร้อมกับกอดไว้อย่างสุขใจโดยร่างของคนทั้งสองก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ซึ่งต่างฝ่ายต่างมอบความอบอุ่นให้แก่กันใบหน้าน้อยๆซุกเข้าไปในอกแกร่งเพื่อหาความอบอุ่น วงแขนหนากว้างก็กระชับร่างหญิงสาวไว้อย่างแนบแน่นหลากหลายความรู้สึกที่มี เช้าวันต่อมารัฐเกียรติโทรมาปลุกภาคีนัยตั้งแต่ฟ้ายังไม่กระจ่าง ว่าให้ดูแลฟาร์มและรีสอร์ทแทนด้วย เนื่องจากว่าคนที่รัฐเกียรติสั่งดูแลแทนนั้นไม่ว่างขึ้นมากระทันหัน บอกว่าจะไปดูแลน้องอย่างเป็นพิเศษ เพราะนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล รัฐเกียรติจึงได้ทีรีบสั่งการให้ภาคีนัยดูแลแทนซะเลย กริ๊ง…กริ๊ง… เสียงสมาร์ทโฟนราคาแพงดังขึ้นเมื่อมีสายเรียกเข้า เพราะภาคีนัยเองก็ลืมปิดเครื่องมือสื่อสารแสนหรูเช่นกัน ตอนหัวค่ำของเมื่อวานไม่ได้สนใจอะไร มัวแต่รักคนตัวน้อยในอ้อมกอดอย่างไม่ลืมหูลืมตา มือหนาคว้าเจ้าเสียงเรียกดังนั้นแล้วกดปิดเสียงทันที เนื่องจากว่ายังเช้ามืดอยู่ ไม่นานมันก็แผดเสียงร้องอีก และดังนานติดต่อกัน จนภาคีนัยทนไม่ไหวกดปุ่มรับทันที หึม!ถ้าโทรมากวนนะ พ่อจะด่าให้สักเปรี้ยงเลย โทรมาไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาซะเลย ภาคีนัยคิดโมโหอยู่ในใจ “ฮัลโหล…ไอ้เพลิงใช่ไหมกูโทรไปเป็นร้อยรอบ มึงทำไมไม่รับสาย มึงมัวทำห่าอะไรอยู่วะ ปัดโธ่!!!” เมื่อปลายสายกดรับ รัฐเกียรติซัดประโยคยาวเหยียด ทำเอาคนง่วงนอนตาสว่างหายงัวเงียอย่างเร็ว “ไอ้นี่ โทรมาก็ด่ากูเลยนะ เมียมึงเทศนาแต่เช้าเหรอไง” วาจาเผ็ดร้อนไม่แพ้กันสาดกลับ “ไม่โว้ย!!! เมียกูปกติดี ว่าแต่มึงเถอะสายขนาดนี้ มึงทำไมยังไม่ตื่นเหรอ มึงมัวทำอะไรอยู่ หรือว่ามึงจัดหนักเมื่อคืน” รัฐเกียรติเอ่ยออกมายังกับตาคาเห็น ว่าเมื่อคืนชายหนุ่มทำอะไรบ้าง แต่มีหรือที่คนอย่างภาคีนัยจะยอมรับ “ว่าธุระมึงมาดีกว่า ด่วน! กูจะนอนพักผ่อน” คนปากแข็งกดน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนจับได้เดี๋ยวพลาดท่าให้มันหัวเราะเยาะเอา “เออ ก็ได้กูแค่จะให้มึงดูแลงานให้กูหน่อย อีกสักเดือนกูก็จะกลับไปอยู่นั่นแล้วล่ะ” น้ำเสียงเริ่มเป็นการเป็นงานมากขึ้น “แล้วเมียมึงยอมเหรอ” คนรู้เหตุผลดีอย่างภาคีนัยถามกลับ เพราะสาเหตุที่เมียมันไม่มาอยู่ก็เพราะว่า พัชราภรณ์ไม่อยากจากห้องเสื้อของตนสร้างมากับมือทิ้งไว้ แล้วมาอยู่ฟาร์มกับสามี “กูเคลียร์แล้ว เรียบร้อยอีกเดือนกูจะกลับตกลงไหม” “ แล้วคนที่มึงให้ดูแลเมื่อก่อนล่ะ เขาไปไหน” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัยเพราะเท่าที่รู้มา รัฐเกียรติมันให้ญาติดูแลแทนตลอด “เขายุ่งงานนะมึง แถมน้องเขาป่วยอีก ทำให้ไม่มีเวลามาดูแลนะ อาจจะเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ค่อยมาครั้งน่ะมึงอย่าถามมากได้ไหม” น้ำเสียงรำคาญตามประสาคนมีเจ้าของ ภาคีนัยพอจะจับน้ำเสียงเพื่อนได้ว่ามีอาการอย่างไร เลยรับปากตกลง “เออๆไม่เป็นไรเดี๋ยวกูดูแลให้ก็ได้ ว่าแต่มึงไว้ใจกูเหรอรัฐ” “ไม่ไว้ใจมั้ง กูถึงให้มึงดูแลให้น่ะ ไอ้ฟลาย” สิ้นประโยคทันใดต้นสายกดวางหูอย่างเร็วปานจรวด ภาคีนัยกำลังอ้าปากเตรียมตัวจะด่ากลับคืน แต่พลาดอย่างแรง เมื่อเจ้าเพื่อนตัวดีเล่นวางสายซะงั้น สรุปว่าวันนี้เขาได้กระบือมากินแต่เช้าตรู่ “ไอ้รัฐนะไอ้รัฐเป็นอย่างนี้ตลอดเลยนะมึง” เสียงพึมพำสบถด่าเพื่อนผ่านอากาศ   วันนี้ภาคีนัยพาจันจิราไปขี่ม้าเพื่อดูบรรยากาศของไร่ และ ดูท่าว่าสาวเจ้าตื่นเต้นและพอใจมากๆ และเมื่อแดดร่มลมตกผู้บริหารหนุ่มก็พาคนตัวน้อยมาอาบน้ำให้ม้าอยู่คอกหลายสิบตัว ระหว่างที่หญิงสาวกำลังใช้มือเรียวลูบหัวม้าตัวเตี้ยๆอยู่นั้น เสียงเข้มของคนตัวใหญ่ก็ดังขึ้น “ลูกจันทำอะไรครับ” “ก็ลูบหัวเจ้าม้าแคระอยู่ไงค่ะ ถามได้” คนตัวน้อยตอบ พลางหันไปสนใจม้าแกลบตัวสีน้ำตาลเข้ม ด้วยความเอ็นดูพลางชอบคลอ ทว่าภาคีนัยได้ยินก็หัวเราะร่วน กับการเรียกม้าของหญิงสาว “ฮ่าๆ เขาไม่เรียกว่าม้าแคระหรอกครับ” “ช่างสิ แต่ลูกจันจะเรียกนี่ค่ะ” คนจอมดื้อขัดได้อย่างมันเขี้ยว ภาคีนัยอยากจับมาฟาดก้นสักเปรี้ยงสองเปรี้ยง คนตัวใหญ่คาดโทษในใจ “เด็กดื้อ…” ต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะเอ่ยต่ออีกว่า “เรียกให้ถูกสิครับ ม้าแคระที่คุณว่าน่ะ เขาเรียกว่าม้าแกลบ แต่ถ้าเป็นคนละก็เขาเรียกว่า คนแคระไม่ก็คนเตี้ย เขาไม่เรียกว่าคนแกลบเหมือนม้าครับ” พูดจบคนตัวใหญ่ก็ยิ้มกริ่ม กว่าจะนึกได้จันจิราก็เสียเปรียบผู้บริหารหนุ่มแล้ว เพราะเขาหลอกด่าว่าเธอเตี้ยน่ะสิ “คนเจ้าเล่ห์หลอกด่าลูกจัน” ใบหน้างอง้ำทำท่างอนตุ้บป่อง ชายหนุ่มรีบแก้ตัวโดยเร็วไว “เปล่าซะหน่อย” ว่าจบก็ประชิดร่างงาม สวมกอดเอวบางอย่างรักใคร่ “คุณเพลิง” หญิงสาวเรียกชื่อเขาอย่างตกใจเมื่อใบหน้าคมโน้มเข้าใกล้ซอกคอผ่อง แล้วฝังจมูกสูดดมเอาความหอมอย่างฉ่ำปอด จนจันจิราต้องแขวะเข้าให้กับความประเจิดประเจ้อ “ลูกจันอายนะคะ คุณเพลิงทำอะไรก็ไม่รู้” ว่าพลางผละกายออกห่าง ทว่ามือหนาแน่นไม่ยินยอม เขารั้งร่างงามให้แนบแนบ พร้อมเลื่อนปากหยักถามคนตัวน้อยอย่างแสนรัก “จะอายใครครับ ที่นี่มีเราสองคนนี่นา” คนเจ้าเล่ห์เฉไฉไป ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อหญิงสาวบอกว่าอายอะไร “ก็ลูกจันอายม้านี่ค่ะ” ใบหน้างามก้มงุดด้วยท่าทีเอียงอาย “ฮ่าๆ อายม้าคุณนี่นะ ว่าไปอีกล่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณเพลิงพาไปบนเรือนก็ได้” ว่าจบหญิงสาวก็ไม่มีเวลาปฏิเสธเพราะคนตัวใหญ่ประกบริมฝีปากปิดกลีบปากอิ่มพร้อมกับตวัดท่อนแขนช้อนร่างบางแนบอก มุ่งหน้าไปยังที่พัก ระหว่างทางเสียงเย้าหยอกของสองหนุ่มสาวก็ดังไม่ขาดหู ม้าทั้งคอกได้แต่มองตามสองคนจนสุดสายตาก่อนจะเสียงร้องตามหลัง ฮี่…ฮี่… ฟาร์มวัวนมพันธุ์ดีปริญภัทร… อยู่ห่างจากรีสอร์ทแอนด์ฟาร์ม ‘รัฐเกียรติ’ เพียงสองกิโลเมตร เป็นฟาร์มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และทำธุรกิจเกี่ยวกับโคนมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนมสด นมอัดเม็ด ไอศกรีมนมสดและอีกมากมาย ขณะนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเพราะผลผลิตจากไร่ดังกล่าวเปี่ยมล้นไปด้วยคุณภาพ เจ้าของฟาร์มหนุ่มกำลังหัวหมุน อยู่กับการเช็คยอดจำนวนออเดอร์ทั้งหมดที่มีเข้ามา เนื่องจากตอนนี้ธุรกิจของเขากำลังไปได้สวย และเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเกือบทั่วโลก ทำให้เขาไม่มีเวลามาดูแลฟาร์มม้าและรีสอร์ทให้กับพี่ชายเลย ซึ่งพี่ชายในที่นี้คือลูกพี่ลูกน้องกันนั้นเอง ตั้งแต่แต่งงานเป็นที่เรียบร้อย พี่ชายของเขาก็หอบข้าวของเข้ากรุงเทพไปอยู่กับภรรยา ปล่อยให้คนรับเคราะห์อย่างเขา ที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกดูแลแทน ทั้งที่ใจจริงนั้นไม่ได้มีเจตนาจะมาทำธุรกิจอะไรด้วยซ้ำเพราะเหตุผลที่กลับมามีเพียงอย่างเดียวคือ มาดูแลน้องสาว แต่พอมาถึงเหยียบบ้านเกิด ภาระหน้าที่รอมือรอเท้าอยู่แล้ววิ่งเต้นเข้ามา เสียจนชายหนุ่มแทบตั้งตัวไม่ทัน จู่ๆโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้น ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ… หนุ่มหยิบขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์หราเด่นชัดหน้าจอว่าเป็นใคร นิ้วเรียวได้รูปกดจิ้มที่ปุ่มรับสาย “ฮัลโหล พี่รัฐว่าอย่างไรครับมีอะไรหรือเปล่า” ปริญภัทรเอ่ยทักพี่ชายที่โทรเข้ามาหาตั้งแต่หัววัน สงสัยแกไม่มีงานอะไรถึงได้โทรมาป่วนคนอื่นอยู่อย่างนี้ “พี่จะโทรมาบอกแกว่า ไม่ต้องไปดูแลฟาร์มให้พี่ก็ได้ เพราะพี่ให้เพื่อนดูแลแทนแล้วล่ะ แกก็ทำงานของแกได้เต็มที่ แล้วแกจะมีเวลาดูน้องสาวมากขึ้นด้วย” รัฐเกียรติบอกน้องชาย แล้วปริญภัทรจึงคิดขึ้น ใช่สิ จริงๆ วันนี้เขายังไม่ได้ไปหาน้องน้อยเลยนี่ สงสัยมัวแต่โหมงานหนักเกิน ทำให้เขาลืมไปหาน้องน้อยที่นอนอยู่โรงพยาบาล  “ครับๆขอบคุณมากๆครับพี่รัฐ ต่อไปผมคงจะมีเวลาดูแลเจ้าปลายมากขึ้น” ที่ชายหนุ่มพูดออกไปแบบนี้ ก็เพราะว่าช่วงนี้ตนแทบไม่ได้ไปหาน้องสาว ที่โรงพยาบาลเฉกเช่นทุกวันเหมือนแต่ก่อน เพราะช่วงนี้งานรัดตัวเหลือเกิน จะปลีกตัวไปไหนก็ไม่ได้ไป สองสามวันค่อยได้เข้าไปเยี่ยมน้องสาว “เออๆ ว่าแต่เจ้าปลายเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ช่วงนี้อาการดีขึ้นไหม” รัฐเกียรติถามถึงน้องสาวตัวน้อยที่นอนป่วย เธอป่วยมานานและไม่มีวี่แววจะฟื้นสักที ทุกคนเฝ้ารอสิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นคือ ปาฎิหาริย์ เท่านั้น “ก็เหมือนเดิมพี่รัฐไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เธอยังนอนนิ่งเหมือนเดิม” พูดไปภาพน้องสาวที่นอนนิ่ง วงหน้าซีดราวกับแผ่นกระดาษ เริ่มเข้ามาวนเวียนในหัว ภาพบาดลึกกรีดหัวใจแกร่งซ้ำไปซ้ำมา “อ๋อๆเอาไว้อีกสักเดือน พี่จะไปเยี่ยมเพราะพี่จะกลับไปอยู่ฟาร์มแล้วล่ะ” “พี่ตกลงกับพี่สะใภ้ได้แล้วเหรอ ทำอย่างไรเธอถึงยอมล่ะ” ปริญภัทรถามพี่ชายอย่างงงๆ ว่าทำไมจู่ๆพี่สะใภ้คนสวยถึงยอมตกลงมาอยู่ฟาร์มได้ ทั้งที่แต่ก่อนค้านจนหัวชนฝาก็ไม่ยอม “ฮ่าๆความลับบอกไม่ได้ เอาไว้ให้พี่มีโอกาสจะเล่าให้แกฟังละกัน แค่นี้ก่อนนะพี่มีธุระต้องทำต่อแล้ว”  รัฐเกียรติหัวเราะออกมาอย่างคนอารมณ์ดี เพราะนึกขำตัวเองเหมือนกันที่ไปออกอุบายให้ภรรยามาติดบ่วงกล จนเธอหลงเชื่อและยอมมาอยู่ไร่ด้วย “ครับ สวัสดีครับ” ปริญภัทรบอกลา จากนั้นชายหนุ่มปิดโทรศัพท์ และเตรียมตัวจะออกไปหาน้องสาวที่อยู่โรงพยาบาล เขาช่างใช้เวลาทุกวินาทีได้คุ้มค่าจริงๆ คนรักน้องอย่างปริญภัทรขลุกตัวอยู่กับคนป่วยที่โรงพยาบาลทั้งวัน โดยวันนี้ชายหนุ่มไม่เข้าทำงานส่วนตัว เขาอยากจะพักผ่อน อยากมาอยู่กับน้องสาว แล้วคนขยันตัดสินใจหอบงานที่คั่งค้าง มาทำให้เสร็จเป็นอย่างๆไป สลับกับการเล่านิทานให้น้องสาวฟัง เขาทำแบบนี้ทั้งวัน หัวใจแกร่งดังหินผาเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน มีเรื่องให้ขบคิดตลอด จนเขาแทบจะไม่มีเวลาดูแลตัวเองด้วยซ้ำไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม