ปกเกศพาคีติกามาช็อปปิงที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุง ในตอนแรกแม้คีติกาจะบอกว่าไม่อยากได้อะไร แต่พอได้มาเห็นกระเป๋า เครื่องประดับแบรนด์ไฮเอนด์ที่ออกคอลเลกชันใหม่มาเธอก็อดที่จะซื้อสักสองสามชิ้นไม่ได้ ชายหนุ่มหันไปเห็นสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่คีติกาไม่ได้เลือก ทว่าในสายตาของเขาเห็นว่ามันสวยดี จึงหยิบมันติดมือมาด้วย โดยให้พนักงานแยกถุงกับที่หญิงสาวซื้อ
เวลาผ่านไปห้าเดือนกิจการร้านอาหารของคีติกาเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่ตัว รวมถึงความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็พัฒนาไปในทิศทางที่ดีไม่มีปัญหาอะไรกันเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ปกเกศกำลงนั่งอ่านเอกสารเสนออนุมัติอยู่ในห้องทำงานเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าจากโทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังขึ้นติดกันสองครั้ง ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาเปิดอ่านเพราะคิดว่าเป็นข้อความจากคีติกา แต่เมื่อเห็นรูปโพรไฟล์และชื่อเจ้าของข้อความนั้นเขาก็นิ่งไป
วาวา:สวัสดีค่ะเฮีย
ไม่ได้คุยกันนานเลย
สบายดีนะคะ
เป็นประโยคสนทนาทั่วไป แต่ชายหนุ่มกลับจ้องมองข้อความนั้นอยู่นานหลายอึดใจกว่านิ้วมือจะขยับพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
ปกเกศ:สบายดีครับ
วาวา:ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดที่เฮียส่งมาให้นะคะ
วาชอบมากเลยค่ะ
{สติกเกอร์แมวยิ้มจนตาหยี}
ปกเกศ:ดีใจที่ชอบครับ
วาวา:ลุ้นแทบแย่ว่าเฮียจะลืมวันเกิดวาไปแล้วหรือเปล่า
อีกสองเดือนวาจะกลับไทยแล้วนะคะ
คู่สนทนาเว้นช่วงประมาณหนึ่งนาที จึงตอบกลับ
ปกเกศ:ครับ
วาวา:เฮียคงกำลังทำงาน วาไม่กวนเฮียแล้วนะคะ ขอบคุณ
อีกครั้งสำหรับของขวัญ กลับไปแล้วค่อยนัดเจอกัน ไว้คุยกันค่ะ
{สติกเกอร์มีข้อความว่าคิดถึง}
เมื่อบทสนทนาผ่านแอปพลิเคชันจบลงชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์ลงที่เดิมเขาควรจะรู้สึกอย่างไรกับการกลับมาของวลิตาหรือ ในเมื่อตอนนี้เขาก็มีคีติกาอยู่แล้วและในอนาคตที่ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดว่าผู้หญิงที่เขาต้องแต่งงานด้วยต้องเป็นคีติกา ส่วนของขวัญวันเกิดที่เขาส่งให้เธอนั้นเขาตั้งใจตั้งแต่ตอนที่หยิบมันขึ้นมาแล้วว่ามันจะเป็นปีสุดท้ายที่เขาจะทำแล้วเช่นกัน
คีติกากลับมาถึงคอนโดประมาณสามทุ่มกว่า ตั้งแต่เปิดร้านอาหารมาเธอจะกลับถึงห้องประมาณสองทุ่มไม่เกินสามทุ่ม ปกเกศให้รถเธอใช้คันหนึ่งสำหรับขับไปร้านหรือไปทำธุระอื่น ๆ เพื่อความสะดวกและคล่องตัว เป็นรถยนต์ค่ายยุโรปโลโกรูปใบพัดสมรรถนะเยี่ยม ราคาแรงสมฐานะ หญิงสาวขับรถเป็นเพราะต้องช่วยงานสารพัดของที่บ้าน ขาเรียวยาวภายใต้กางเกงผ้าไอวีหกส่วนสีเข้มก้าวเข้าไปให้ห้องชุดที่เธอมาพักอาศัยเกือบครึ่งปีแล้ว เมื่อระบบไฟอัจฉริยะในห้องสว่างขึ้นจึงเห็นว่าภายในห้องดูเงียบและว่างเปล่าเพราะปกเกศยังไม่กลับมา หญิงสาวไม่ได้ติดใจเรื่องที่เขากลับห้องช้า เพราะก่อนหน้านี้ปกเกศเคยบอกเธอแล้วว่าเพื่อนเขากลับมาจากประเทศ คงจะมีการนัดหมายไปสังสรรค์กัน และบอกว่าถ้าวันไหนที่เขากลับดึกเธอไม่ต้องรอ และไม่ต้องโทร. ตาม คีติการับฟังข้อมูลนั้น เธอไม่ได้ก้าวก่ายซักถามรายละเอียดของเพื่อนที่เขาพูดถึง เพราะตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาต่างฝ่ายต่างให้เกียรติและความเป็นส่วนตัวซึ่งกันและกัน ปกเกศจะบอกเล่าในสิ่งที่เขาเห็นว่าสมควร หากไม่พูดก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นหรืออีกทีคือเป็นเรื่องส่วนตัว ทุกวันนี้เขาก็ยังคงแยกไปนอนในห้องของเขาหลังจากเสร็จกิจแม้เขาจะใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่กับเธอนานขึ้นกว่าในตอนแรก ๆ แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นกลับห้องตัวเอง
กว่าจะเสร็จงานในแต่ละวันคีติกาก็เหนื่อยไม่น้อยและวันนี้กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ค่อนข้างดึกแล้วเนื่องจากเป็นวันเสาร์ต้นเดือนลูกค้าที่ร้านจึงแน่นตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนปิดรับออร์เดอร์ลูกค้าก็ยังนั่งเต็มทุกโต๊ะ คีติกาอาบน้ำเสร็จเปลือกตาก็พร้อมปิดพอซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มได้ก็หลับสนิท ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้วถึงได้พบหน้าปกเกศ สามีโดยพฤตินัยของเธอเริ่มกลับบ้านดึกถี่ขึ้นทุกที ยิ่งวันหยุดเขาก็ไม่เคยจะกลับมาหาเธอแล้วอยู่รับประทานมื้อเย็นด้วยกันเลย นับวันเขากับเธอก็ยิ่งมีเวลาได้พูดหรือใช้เวลาด้วยกันน้อยลง แม้แต่จำนวนครั้งที่เขาเข้ามาหาเธอในห้องก็ห่างขึ้นเรื่อย ๆ นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกกันว่าช่วงโพรโมชัน ระยะเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาคงเป็นช่วงเวลาพิเศษซึ่งเขาพยายามดีต่อเธอ ‘เป็นพิเศษ’ แต่ตอนนี้คงจะ ‘หมดโปร’ แล้วและได้เวลากลับคืนสู่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงแล้ว