ตัดใจ…1/3

661 คำ
ปกเกศขับรถมาส่งหญิงสาวที่ร้านอาหารซึ่งเป็นที่เดียวกับบ้านที่ครอบครัวเธออยู่อาศัย ด้วยข้อจำกัดของร้านที่อยู่ติดถนนและการจราจรที่หนาแน่นแทบจะตลอดเวลา เขาจึงทำได้เพียงแค่จอดส่งเธอลงที่หน้าร้านแล้วขับรถไปทำงานต่อเลย คีติกาเดินเข้ามาในร้านซึ่งทุกอย่างดูปกติดี จนกระทั่งเธอขึ้นมาถึงชั้นสามซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ของครอบครัวก็เจอกับบิดามารดาที่ดูท่าว่าเหมือนกำลังรอเธออยู่ สายตาของทั้งสองคนที่มองเธอนั้นไม่เหมือนกับมองลูกชาย ปกติแล้วมันมักจะเย็นชาและผสมด้วยความไม่พอใจ แต่วันนี้นอกจากมันจะขุ่นขวางแล้วก็ยังแฝงด้วยความมุ่งหวังในบางสิ่งบางอย่าง ก่อนที่มารดาจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหลมบาดหู คาดคั้นเอาคำตอบให้ได้ “เมื่อคืนไปนอนที่ไหน ไปนอนกับใครมา อาเติ้งรึเปล่า อาเติ้งใช่มั้ย” “ไอ๊!” คนเป็นลูกมองหน้ามารดาพลางน้ำตาคลอ ทันใดนั้นร่างท้วมขาวของมารดาก็ลุกพรวดเดินเข้ามาหาเธอ ใช้มือปัดปอยผมที่ระอยู่ด้านหน้าไปด้านหลังพร้อมกับแหวกคอเสื้อบริเวณไหปลาร้าออกดูแล้วก็ได้พบกับร่องรอยหลักฐาน ริมฝีปากที่เคลือบสีแดงบิดคว่ำกึ่งยิ้ม “กับอาเติ้งใช่รึเปล่า” จ้องหน้าลูกสาว คีติกาพยักหน้า “แล้วไป ถ้าไปนอนกับคนอื่นลื้อตายคาตีนอั๊วแน่” เหมือนจะเข้าทางบิดามารดาที่มีลูกสาวเพื่อส่งออกเป็นสินค้าตีเป็นมูลค่าเท่านั้น “ในเมื่อได้กันเร็วขนาดนี้ เราก็ควรจะให้ฝ่ายนั้นมาตกมาแต่งได้แล้วนะเฮีย” มยุรีหันไปพูดกับสามีที่นั่งเอกขเนกอยู่บนโซฟาหนัง อีกฝ่ายจึงตอบมาว่า “ก็ควรจะเป็นแบบนั้น” มารดาจึงหันมาพูดกับเธออีกครั้ง “ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้อาหลิว แล้วไปบ้านเฮียเติ้ง” เป็นคำสั่งจากบุพการีที่ไม่เคยเห็นค่าของความรู้สึกเธอเลย ตอนเด็กเวลาที่น้องชายแย่งของเล่นแล้วเธอแย่งคืน แม่ก็มักจะเข้ามาช่วยน้องชายเสมอ แล้วด่าเธอด้วยซ้ำ ประโยคหนึ่งที่หญิงสาวจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ “ถ้าลื้อไม่ชิงมาเกิดก่อนอาโซ่ยตี๋ ลื้อก็คงไม่ได้เกิดแล้ว” ประโยคนี้มันหมายความว่าเตี่ยกับไอ๊ไม่ได้ต้องการเธอ พวกเขาต้องการแค่ลูกชายเพียงสองคนเท่านั้น เสี่ยสมชัยกับภรรยาพาลูกสาวที่เสียตัวให้ลูกชายของบ้านเกียรติยั่งยืน มาเรียกร้องค่าเสียหายที่บ้านภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา นางมยุรีแสดงละครเหมือนที่นางเคยเป็นนางเอกในโรงงิ้วร้องไห้เสียอกเสียใจว่าลูกสาวนางเสียตัวให้ผู้ชาย อยากให้ฝ่ายชายรับผิดชอบโดยการแต่งลูกนางออกไป ปิยะดากับสามีมองหน้ากันแล้วโทร. ให้ลูกชายกลับบ้านมารับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ เพียงแต่จะยังไม่แต่งงานแค่ขอหมั้นไว้ก่อน ได้ข้อสรุปเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายแล้วมยุรีกับสามีก็กลับบ้านไปอย่างยินดี ส่วนคีติกามารดาของชายหนุ่มขอตัวเธอไว้ให้อยู่ที่นี่ คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมมองออกว่าสองผัวเมียนั้นใช้ลูกสาวเป็นเครื่องมือจับลูกชายของตน แต่ก็นั่นล่ะ เอาเป็นว่าส่วนตัวนางเองก็ชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้จึงไม่ปฏิเสธการหมั้นหมาย นับจากวันนั้นคีติกาก็เหมือนหลุดพ้นจากคนในบ้านได้บางส่วน เธอย้ายข้าวของมาอยู่กับปกเกศที่คอนโดมิเนียมในฐานะคู่หมั้นของเขาอย่างถูกต้อง หน้าที่ของเธอคือคอยทำอาหาร ดูแลและปรนนิบัติเขา ^ ^ ^ ***น้องโดนมาเยอะ ฝากเอ็นดูน้องด้วยค่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม