"เอ๊ะ ไม่ปวดแล้วนี่ รอยแผลก็ไม่มี เป็นเพราะอะไรกันนะ?"
หลังจากอาบน้ำเสร็จ อันเล่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาการปวดที่หัวไหล่หายเป็นปลิดทิ้งจนน่าแปลกใจ เรือนร่างอรชรที่ไม่ได้สวมใส่อะไรหันซ้ายหันขวาส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำในมิติ ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือผิวที่แห้งกร้าน ใบหน้าที่เคยหมองคล้ำของร่างนี้กลับมานวลเนียนอิ่มน้ำอีกครั้ง
"หรือจะเป็นเพราะหยกชิ้นนี้อย่างนั้นเหรอ นี่รึเปล่าคือความลับที่ผู้คุมวิญญาณพูดถึง ถ้าใช้ได้ผลกับเรา แล้วกับจือหยวนล่ะ จะเห็นผลไหมนะ"
เมื่อคิดได้แบบนั้นอันเล่อจึงเร่งมือแต่งตัวให้เรียบร้อย เพื่อจะไปพิสูจน์ความจริงที่สงสัย
วืบบบบบบ
แอดดด
"ตื่นกันแล้วเหรอ แม่ซักผ้าเสร็จแล้วนะ ถึงเวลาที่เด็ก ๆ ต้องไปอาบน้ำแล้ว"
ออกจากมิติได้อันเล่อเร่งเอาเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วเข้าไปเก็บไว้ในชั้นวางในห้อง ส่วนเด็ก ๆ ได้เห็นแม่ในโฉมใหม่ที่อาบน้ำสระผมจนเนื้อตัวหอมฉุยก็มองด้วยตาเป็นประกายวาววับ
"วู้ววว แม่สวย"
"ใช่ แม่หอมด้วย"
เสี้ยงใจ๋เกือบหลุดพูดออกไปว่าแม่หอมมาก ไม่เหม็นเปรี้ยวเหมือนเมื่อก่อน แต่โชคดีที่มือเล็ก ๆ ยังอุดปากตัวเองไว้ได้ทันเวลา
"เดี๋ยวลูก ๆ ก็จะหอมเหมือนกัน เก็บสมุดดินสอเร็วเข้า เอาใส่ตะกร้านี้นะลูก"
"คับ"
"ค่า"
ระหว่างที่ลูก ๆ กำลังเก็บของอยู่ อันเล่อจึงถอดสร้อยที่ห้อยอยู่ที่คอแล้วนำไปวางไว้ที่หน้าอกของจือหยวน พร้อมกับตั้งตารอว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ 5 นาทีก็แล้ว 10 นาทีก็แล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พอหันไปมองเด็ก ๆ ที่ตั้งตารออย่างน่าเอ็นดู
"จับมือแม่ เราจะไปอาบน้ำอุ่นในมิติกัน"
ทั้งสามคนหายเข้าไปในมิติจึงไม่รู้ว่า ตอนนี้นิ้วมือของซูจือหยวนเริ่มขยับได้แล้ว แม้จะขยับได้เพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
บ้านใหญ่ซู
พ่อเฒ่าซูถังในวัยย่างเข้า 60 ปี กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ในครัวเพื่อต้มข้าว แล้วนำมาบดให้ละเอียดเพื่อจะนำไปส่งให้ลูกชายคนโตที่นอนป่วยอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่ง เนื่องจากวันนี้ฝนตกหนักทุกคนจึงไม่ต้องออกไปทำงาน
"แกคิดจะทำอะไรตาเฒ่า! อย่าบอกนะว่าจะทำข้าวต้มไปส่งให้บ้านนั้น แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหม สะใภ้ใหญ่หล่อนก็มีมือมีเท้า ก็ปล่อยให้หล่อนทำเอาเองสิ ลูกตัวเองผัวตัวเองแท้ ๆ ยังทำตัวขี้เกียจสันหลังยาว"
แม่เฒ่าซูหลี่ใบหน้าบูดเบี้ยวเมื่อเห็นสามีทำข้าวต้ม นำไปประเคนให้ลูกชายคนโตที่นอนเป็นผักเหมือนตัวไร้ประโยชน์
"เฮ้อ ยายเฒ่า แกจะบ่นอะไรนักหนา ที่ผ่านมาสะใภ้ใหญ่กับอาหยวนก็แบ่งเงินมาให้พวกเราตลอด แค่ส่งข้าวต้มให้ลูกในตอนที่ลูกไม่สบาย แค่ไม่กี่ถ้วยมันจะเป็นอะไรกัน"
"จริงอย่างที่พ่อพูดนะจ๊ะแม่ ถึงพี่สะใภ้ใหญ่จะเป็นคนอย่างนั้นก็เถอะ แต่ก็ยอมแบ่งเงินเดือนของพี่ใหญ่มาให้บ้านเรา ฉันถึงได้มีเงินไปเรียนจนถึงทุกวันนี้"
ซูหลินลูกสาวคนเล็กของบ้านรีบเข้าข้างพ่ออย่างรวดเร็ว เธอเป็นลูกหลงที่มีอายุเพียง 15 ปีและได้นิสัยเอื้ออาทรมาจากผู้เป็นพ่อเต็ม ๆ ต่างจากพี่ชายคนรองอย่างซูหมิงที่ได้นิสัยร้ายกาจของแม่ไปทั้งหมด
"หุบปากไปเลยอาหลิน ถ้าแกยังเข้าข้างพวกมันอย่าได้ฝันถึงเรื่องเรียนต่อ ปีนี้พี่สะใภ้รองของแกตั้งท้อง ฉันยังต้องใช้เงินอีกมากในการซื้อของบำรุง"
"แม่ไม่ยุติธรรม พี่สะใภ้รองนิสัยไม่ได้ต่างจากพี่สะใภ้ใหญ่สักนิด ดีกว่าหน่อยก็ตรงขี้ประจบประแจงเอาใจแม่กับพี่รอง เงินทองรึก็ไม่เคยหาเข้าบ้าน เผื่อแม่จะไม่รู้อะไร เมื่อวานฉันเห็นพี่สะใภ้รองแอบแบ่งเสบียงอาหารกลับไปให้บ้านเดิมเกือบเต็มตะกร้า ไม่เชื่อแม่ก็ลองไปถามชาวบ้านดูเถอะ"
"อะไรนะ! แกอย่ามาใส่ร้ายสะใภ้รองนะอาหลิน ถ้าแกไม่ใช่ลูกฉันละก็ รับรองเลยว่าฉันคงตบปากแกไปแล้ว"
"พูดความจริงก็ไม่เชื่อ รอดูวันที่แม่ไม่เหลืออะไรกินเถอะ ถึงตอนนั้นแม่จะรู้เองว่าใครกันแน่ที่โกหก ไปกันเถอะพ่อ เดี๋ยวฉันจะไปช่วยพ่อเช็ดตัวให้พี่ใหญ่"
สองพ่อลูกเดินออกจากบ้านไปในช่วงเวลาที่สายฝนกำลังโปรยปรายไม่แรกนัก ทั้งคู่สวมหมวกสานใบใหญ่ที่มีปีกกว้างพอจะบังสายฝนไม่ให้โดนตัว แต่กันได้เพียงฝนที่โรยรินบางเบาเท่านั้น
ซูหลินเป็นเด็กสาวที่ได้นิสัยเอื้ออาทรมาจากพ่อ แต่ก็ต้องมีความไม่ยอมคนและใจกล้าพอสมควร ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกพี่ชายจอมขี้เกียจเอาเปรียบอยู่ตลอด วัน ๆ พี่ชายคนรองของเธอไม่ยอมทำอะไร ตื่นขึ้นในตอนสายก็วิ่งเข้าบ่อนการพนัน
กระนั้นมารดาก็ยังคิดจะฝากชีวิตไว้ให้ลูกชายคนรองคอยดูแล จนชาวบ้านต่างก็ไม่เข้าใจความคิดของแม่เฒ่าซู คนติดการพนันรังแต่จะสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่อาจเลี้ยงดูใครได้แน่นอน ต่างจากคนที่ขยันทำงานอย่างลูกชายคนโต เหตุใดแม่เฒ่าซูถึงได้จงเกลียดจงชังนักหนา
"ไปเลย! ไสหัวไปให้หมด อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าเชียวนะ ไอ้พวกตัวภาระ!"
"โอ๊ย! หนวกหูน่ะแม่ จะตะโกนอะไรกันนักกันหนา แล้วนี่กับข้าวเสร็จรึยัง มีอะไรกินบ้าง เมียผมหิวแล้วนะ ถ้าเกิดหลานชายของแม่ออกมาตัวเล็กนิดเดียวจะทำยังไง?"
ซูหมิงที่เพิ่งตื่นนอนในช่วงบ่ายคล้อยของวัน พอโผล่หัวพ้นจากห้องนอนออกมาได้ก็ตะโกนเรียกมารดายิ่งกว่าคนใช้โดยเอาเด็กในท้องมาต่อรอง ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกของตนเองจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
"ได้ลูกได้ แม่กำลังจะทำให้ตอนนี้แหละ เดี๋ยวแม่ผัดผักกับต้มไข่ให้ 2 ฟองเลยดีไหม ถือเป็นการบำรุงหลายชายตัวน้อยของแม่"
"ผักอีกแล้วเหรอแม่! เมื่อไหร่จะมีเนื้อกินบ้าง วันไหนก็กินแต่ผัก ผักลวก ผักต้ม ผัดผัก อีกไม่นานลูกของผมคงเกิดมาเป็นผักแน่ ๆ"
"พูดอะไรแบบนั้นลูก เอาไว้แม่พรุ่งนี้แม่จะไปหาซื้อมาบำรุงสะใภ้รองแล้วกันนะ วันนี้ก็ทนกินไข่ต้มไปก่อนนะลูก"
แม่เฒ่าซูไม่กล้าแม้กระทั่งแม้กระทั่งจะบ่นหรือว่าอะไรให้ลูกชายสุดที่รัก กระทั่งเดินมาดูไข่ไก่เพื่อจะนำไปต้มให้ลูกสะใภ้ก็ต้องฉุกคิดถึงสิ่งที่ลูกสาวคนเล็กพูด เมื่อวานไข่ยังมีอยู่ 10 ฟองแท้ ๆ แต่วันนี้กลับเหลือแค่ 4 ฟองเท่านั้น รวมไปถึงข้าวที่อยู่ในถังข้างกัน มันพร่องลงไปหลายถ้วย
นางจำได้ว่าสามีเพียงแค่ต้มไปเล็กน้อยเท่านั้น ตอนที่สามีเทข้าวที่บดแล้วใส่หม้ออวยไปให้ลูกชายคนโตก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วเสบียงอาหารหายไปไหนหมด นอกเสียจาก.....
"เอาอย่างนั้นก็ได้ เร่งมือหน่อยนะแม่"
"จ้า จ้ะ"
แม่เฒ่าซูสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้ง อะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวข้องกับลูกชายสุดที่รักนางทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน แล้วปรนนิบัติลูกชายกับลูกสะใภ้ต่อไป ด้วยหวังว่าอนาคตจะฝากผีฝากไข้ไว้กับทั้งคู่
กลับมาที่หน้าบ้านหลังเล็กของซูจือหยวน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"อาใจ๋ อาจือ เปิดประตูให้อาเล็กกับปู่หน่อยเร็วเข้า"
เด็กน้อยทั้งสองที่นั่งระบายสีอยู่บนเตียงเตา พอได้ยินเสียงเรียกจากหน้าบ้านก็จำได้ทันทีว่าเป็นเสียงของอาเล็กของพวกเขา
"แม่คับ อาเล็กมา"
"อาเล็กเหรอ...อือ เดี๋ยวแม่ไปเปิดประตูให้เอง ลูก ๆ อยู่ในนี้แหละ"
ระหว่างที่เดินมาที่หน้าประตู อันเล่อจึงเริ่มรื้อฟื้นความทรงจำในหัวเกี่ยวกับผู้มาเยือนที่กำลังจะพบหน้ากัน อย่างน้อยเธอจะได้ทำตัวถูกเมื่อทั้งคู่เอ่ยถามอะไร เชื่อว่าการเข้ามาในบ้านครั้งนี้คงมีหลายอย่างที่เธอต้องถูกถาม
แอดดดดด
"คุณพ่อ น้องเล็ก เชิญเข้ามาข้างในก่อนค่ะ"
ซูหลินหันไปมองหน้าบิดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างแปลกใจ ไม่รู้ว่าวันนี้พี่สะใภ้ของเธอจะมาไม้ไหนอีก ปกติไม่เคยเห็นทำเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้
"อื้อ พ่อเอาข้าวมาให้เจ้าใหญ่ แล้วนี่เด็ก ๆ หายไปไหนหมด นิ..นี่เธอคงใช้เด็ก ๆ ทำความสะอาดบ้านอีกแล้วใช่ไหม?"
"ปู่คับ เข้ามาในบ้านก่อน ทั้งหมดนี่แม่ทำคนเดียว ใจ๋ใจ๋กับจือจือช่วยแค่นิดเดียวเท่านั้น แม่ไม่ให้ทำเลยคับ แม่ให้พวกเรานอนเล่นอยู่บนเตียงเตากับพ่อ"
พ่อเฒ่าซูกับลูกสาวต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นหลานชายตัวน้อยวิ่งมาหา เสื้อผ้าชุดใหม่ เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน น้ำเสียงสดในของซูเสี้ยงใจ๋ทำให้ผู้มาใหม่แปลกใจยิ่งกว่าโดนผีหลอก
"โกหกปู่กับอาเล็กไม่ดีนะเสี้ยงใจ๋"
"ใจ๋ใจ๋ไม่ได้โกหกเลยนะอาเล็ก ไม่เชื่อมาดูในห้องก็ได้ ตอนนี้จือจือยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเตาอยู่เลย"
มือเล็ก ๆ คว้ามือของผู้เป็นปู่กับอาเล็กให้เดินตามเข้าไปดูในห้อง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ชวนให้ผู้มาเยือนสงสัยว่ามันคือกลิ่นอะไร ทั้งโต๊ะกินข้าวตัวใหม่ที่ตั้งอยู่กลางบ้านหลังน้อยก็ทำให้ทั้งคู่แปลกใจเช่นกัน
แอดดดด
"ปู่จ๋า อาเล็ก ดูนี่ จือจือมีหนังสือนิทานด้วย"
หนูน้อยที่กำลังนอนเปิดดูรูปสัตว์ต่าง ๆ ในหนังสือนิทาน พอได้เห็นผู้มาเยือนจึงรีบลุกขึ้นอวดสิ่งของที่เพิ่งได้มาใหม่
"โอ้โหพ่อ นี่มันเครื่องนอนใหม่ยกชุดเลยนะจ๊ะ สงสัยพี่สะใภ้ใหญ่ต้องโดนผีเข้าแน่ ๆ ดูพี่ใหญ่สิ ขนาดนอนไม่ได้สติยังมีชุดใหม่ใส่กับเค้าด้วย"
"เงียบเถอะน่า"
"คุณพ่อเอาข้าวต้มมาให้พี่จือหยวนเหรอคะ เดี๋ยวฉันจะเอาไปใส่ถ้วยไว้นะคะ พอดีฉันกับเด็ก ๆ เพิ่งช่วยกันป้อนพี่จือหยวนไปเมื่อครู่เองค่ะ"
"เธอป้อนเจ้าใหญ่แล้วอย่างนั้นเหรอ"
พ่อเฒ่าซูอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นความจริง หลานชายตัวน้อยจึงรีบยืนยันช่วยผู้เป็นแม่อีกแรงหนึ่ง
"แม่ป้อนข้าวพ่อแล้วคับปู่ ป้อนทางสายยาง พวกเราช่วยแม่จับแก้วน้ำด้วยนะคับ"
"ผีเข้าแน่ ๆ "
ซูหลินหลุดปากพูดออกมา พออันเล่อได้ยินก็อดขำไม่ได้เช่นกัน
"หึ ก็คงเป็นแบบนั้นแหละน้องเล็ก งั้นนั่งเล่นอยู่ในนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันเอาข้าวในหม้ออวยไปเปลี่ยนใส่ถ้วยไว้ก่อน"
"ไปเถอะ พ่อขอนั่งเล่นกับหลาน ๆ สักหน่อย"
หลังจากอันเล่อเดินออกไป ซูหลินก็เริ่มถามไถ่หลานน้อยทั้งสองถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ พอได้รู้ว่าพี่สะใภ้เปลี่ยนไปหลังจากถูกฟ้าผ่าเมื่อเช้า ในหัวของเธอก็มีความคิดมากมายผุดขึ้นมา
"ฉันว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องถูกผีเข้าแน่ ๆ เลยพ่อ"
"อื้อ แสดงว่าผีตนนี้คงดีไม่น้อย เช่นนั้นคงไม่ดูแลเด็ก ๆ กับเจ้าใหญ่ดีขนาดนี้"
ดูจากเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของลูกชายและหลาน พ่อเฒ่าซูออกจะพึงพอใจที่ลูกสะใภ้คนโตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หากเป็นเช่นนี้ การถูกผีเข้าก็ดีเช่นกัน
"คุณพ่อคะ วันนี้พวกเรามีแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ฉันแบ่งใส่หม้อให้เอากลับไปกินที่บ้านแล้วนะคะ ช่วงนี้ถ้าฝนตกคุณพ่อไม่ต้องเดินมาที่นี่ก็ได้ค่ะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเด็ก ๆ กับพี่จือหยวนเป็นอย่างดี"
"เอาเถอะ ถ้าเธอรับปากพ่อก็สบายใจแล้ว ขอบใจมากสำหรับอาหาร ปู่กลับก่อนนะอาใจ๋ อาจือ"
"อาเล็กกลับก่อนนะเด็ก ๆ ไว้วันหลังอาเล็กจะมาหาอีก"
"คับคุณปู่ คับอาเล็ก"
"เดินระวังนะคะคุณปู่"
หลังจากส่งแขกกลับไปอันเล่อก็พาเด็ก ๆ อ่านหนังสือต่อ มื้อเย็นของพวกเขาเป็นของเก่าที่เหลือจากมื้อกลางวัน คืนนี้เป็นคืนแรกที่ทุกคนจะได้นอนด้วยกัน โชคดีที่เตียงเตาในห้องนี้เป็นเตียงใหญ่ที่สามารถนอน 4 คนได้สบาย ๆ
ครั้นจะให้เด็ก ๆ นอนกับพ่อเพียงลำพังเธอก็กลัวว่าเกิดอะไรขึ้นตอนดึกจะช่วยไม่ทัน อีกอย่างเธอยังต้องคอยเติมฟืนใส่เตียงเตาเพราะช่วงนี้อากาศหนาวเย็น หากไม่ทำเด็ก ๆ อาจจะเป็นหวัดเอาได้