พอเปิดประตูบ้านเข้ามาอันเล่อถึงกับเข่าอ่อนแทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน ทั้งกลิ่นเหม็นเน่าไม่พึงประสงค์ ทั้งข้าวของที่วางระเกะระกะ ในบ้านมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงส่องสว่าง ข้างน้องมีฝนตกหนักจึงทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ถึงจะเช้าแล้วแต่ก็ยังมองเห็นเพียงสลัว ๆ เท่านั้น
"พวกลูกหิวรึยัง แม่ขอเข้าไปดูพ่อแป้บนึงนะ แล้วแม่จะเข้าไปหาอะไรให้กิน"
สองพี่น้องหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย แม่ไม่เคยเป็นห่วงหรือจะเอ่ยถามว่าพวกเขาหิวข้าวรึยัง ที่ผ่านมามีเพียงถามว่าวันนี้พวกเขาหาอะไรกลับบ้านมาได้บ้าง และที่สำคัญตอนนี้ในบ้านก็ไม่มีอะไรเหลือให้กินแล้ว
"ผมขอโทษ ผมจะออกไปหาอาหารเดี๋ยวนี้ครับแม่ ขอแค่แม่ไม่ทิ้งพวกเราไป ให้ทำอะไรผมก็ยอม"
อันเล่อรู้สึกหดหู่ใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูเสี้ยงใจ๋ ลูกชายตัวเล็กของร่างนี้พูดออกมา พอได้มองเสื้อผ้าของเด็ก ๆ อย่างเต็มตาเธอยิ่งสะท้อนใจจนอยากร้องไห้ออกมา เสื้อของขอเด็กน้อยทั้งสองมีรอยขาดวิ่นหลายที่ สีซีดจางหมองคล้ำแตกต่างจากของคนเป็นแม่อย่างสิ้นเชิง
เว้นแต่ตอนนี้ที่เสื้อผ้าของร่างนี้มีรอยขาดเหมือนถูกไฟไหม้เป็นบางจุด ซึ่งเป็นผลจากสายฟ้าที่ฟาดลงมา อันเล่อเองก็อยากจะมองดูสภาพของเธอในตอนนี้จริง ๆ ว่าจะเป็นอย่างไร ติดตรงที่ยังหากระจกไม่เจอ ทั้งยังมีอาการปวดแสบปวดร้อนที่ด้านหลังหัวไหล่ ทำให้เธออยากเห็นแผลมากขึ้นอีกหลายเท่า
"ใจ๋ใจ๋ ลูกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ที่ผ่านมาแม่ขอโทษที่ทำไม่ดีกับลูกทั้งสอง แม่ของลูก ๆ ได้ถูกฟ้าลงโทษแล้ว จากนี้ไปเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?"
สองพี่น้องหันมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ที่แม่บอกว่าถูกฟ้าทำโทษแล้วคงจะเป็นเรื่องจริง เพราะทั้งคู่เห็นสายฟ้าฟาดลงตรงหน้ามารดาด้วยตาของตัวเองจริง ๆ
"พี่ใหญ่ จือจือขอเริ่มต้นใหม่กับแม่ได้ไหม?"
เด็กหญิงตัวน้อยหันไปมองพี่ชายอย่างขอคำตอบ หนูน้อยดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อได้ยินคำพูดของมารดา โดยไม่สนใจเลยว่ามีอดีตที่เลวร้ายอยู่เบื้องหลัง
"แม่..พูดจริงเหรอครับ?"
ใบหน้าน้อยเงยขึ้นมองหน้ามารดา ดวงตาสุกใสเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาแห่งการรอคอย อันเล่อจึงย่อตัวลงแล้วดึงร่างของเด็กน้อยทั้งสองเข้ามากอด
"จริงจ้ะ นับแต่นี้เป็นต้นไป แม่จะเป็นคนคอยดูแลลูกทั้งสอง ท้องน้อย ๆ ต้องได้กินอิ่ม ลูกของแม่ต้องได้นอนเตียงอุ่น ๆ แม่สัญญา"
ร่างเล็กในอ้อมกอดของมารดาสั่นเทิ้มปนสะอื้น นี่เป็นครั้งแรกที่แม่กอดพวกเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล มันช่างดีเหลือเกิน
"ผมก็สัญญาว่าจะหาอาหารมาให้แม่เยอะ"
"จือจือจะช่วยพี่ใหญ่หาด้วย"
"ไม่ต้องแล้วลูก ต่อไปไม่ว่าจะไปไหนพวกเราต้องไปด้วยกัน ห้ามลูกทั้งสองออกไปหาอาหารตามลำพังอีก เรื่องอาหารลูกไม่ต้องห่วง จากนี้ไปแม่จะสอนลูกทั้งสองคนอ่านหนังสือ แต่ตอนนี้พวกเราต้องไปดูพ่อก่อน เข้าใจไหม?"
"เข้าใจแล้วคับ"
"ค่ะแม่"
สองพี่น้องยิ้มแฉ่งส่งให้มารดา ก่อนที่ทั้งสามคนจะเปิดประตูเข้าไปดูคนที่นอนอยู่ในห้อง
"โอ้แม่จ้าว! สงสัยเราคงต้องล้างบ้านครั้งใหญ่แล้วล่ะเด็ก ๆ"
เพียงแค่ประตูเปิดออก สิ่งแรกที่ปะทะใบหน้าของอันเล่อก็คือกลิ่นไม่พึงประสงค์ มือเรียวรีบความตะเกียงที่อยู่หน้าห้องเพื่อส่องให้ทุกอย่างสว่างขึ้น ซูจือหยวน สามีของร่างนี้ที่นอนเป็นผักอยู่บนเตียงมีอาการน่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
คนป่วยที่ไม่สามารถรับรู้อะไรได้จึงต้องอาศัยการป้อนอาหารทางสายยาง ในความทรงจำของเธอมีเพียง สามีถูกนำตัวมาไว้ที่นี่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ระหว่างนี้มีเพียงพ่อสามีกับลูกสาวคนเล็กที่แวะเวียนมาดูและสอนหลาน ๆ ให้อาหารพ่อทางสายยาง
ส่วนตัวเธอน่ะเหรอ เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมดูดำดูดีสามี ซ้ำยังเตรียมการหนีจากสามคนพ่อลูกเมื่อพวกเขาหมดผลประโยชน์
"ผมจะช่วยแม่เอง"
"จือจือช่วยด้วย"
"ได้เลยจ้ะ แต่ก่อนอื่นสัญญากับแม่ได้ไหม จากนี้ไปสิ่งที่ลูกทั้งสองคนเห็นต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามบอกใคร!"
"ความลับ?" "..."
ใบหน้าน้อย ๆ ทั้งสองฉายแววฉงนในสิ่งที่มารดาพูด แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่ามารดาบอกอะไรพวกเขาก็พร้อมจะทำตามอยู่แล้ว
"ใช่จ้ะ ดูนี่นะ"
มือเรียวควานหาหยกที่ได้รับมาจากหัวหน้าผู้คุมวิญญาณ เธอจำได้ว่าเอาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอก แล้วก็มีจริงอย่างที่เธอคิดเอาไว้ อันเล่อจ้องมองหยกชิ้นงานที่มีลวดลายสลักเสลาเอาไว้อย่างวิจิตร
"แม่เลือดออก!"
หนุ่มน้อยร้องขึ้นด้วยความตกใจ อยู่ ๆ แม่ก็กัดนิ้วตัวเองจนเลือดซึมออกมา พร้อมกับหยดเลือดใส่หยกที่กำลังถืออยู่
"ชู่ว์ แม่ไม่เจ็บครับ"้
ไม่รู้ว่าเธอเห็นเพียงคนเดียวหรือไม่ ทันทีที่เลือดของเธอสัมผัสกับหยก แสงเรืองรองส่องสว่างขึ้นเพียงครู่เดียวทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ หรืออาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการผูกพันธะระหว่างจี้หยกที่เป็นประตูมิติกับเธอได้เสร็จสิ้นแล้ว
"..." "..."
"จับมือแม่ไว้เร็วเข้า"
อันเล่อไม่อยากหายไปต่อหน้าเด็ก ๆ เพราะกลัวว่าทั้งคู่จะตกใจจนร้องไห้ เธอจึงเลือกที่จะพาทั้งคู่เข้ามาในมิติเพื่อเลือกสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องบอกเรื่องที่มาของข้าวปลาอาหารให้กับเด็ก ๆ รู้อยู่ดี ไม่สู้บอกให้รู้ตั้งแต่ตอนนี้จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
"คับ" "..."
จือจือน้อยถึงจะไม่พูดอะไรแต่ก็ยอมยื่นมือมาจับมือแม่ของเธอเอาไว้ เพียงครู่เดียวเด็กน้อยทั้งสองก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
วืบบบบ
"นะ..นี่ที่ไหนคับแม่"
"ของกินเต็มเลยพี่ใหญ่ แต่เราไม่มีเงิน"
ในขณะที่ซูเสี้ยงใจ๋แฝดคนพี่กำลังตกใจกับสิ่งที่เห็น แต่น้องสาวกลับตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่ได้เห็น มันมากมายเต็มไปหมด ครู่เดียวเท่านั้นดวงตาสุกสกาวก็หม่นเศร้าอย่างน่าเวทนา เมื่อหนูน้อยซูเสี้ยงจือนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่มีเงิน
"นี่เป็นมิติที่แม่ได้มาจากสวรรค์ หลังจากที่ท่านลงโทษแม่แล้ว ของในนี้เป็นของพวกเราทั้งหมด ยังมีตึกใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามนั่นด้วย แต่มีข้อแม้ว่าพวกเราต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ"
"ความลับเหรอคับ"
"ใช่จ้ะ เมื่อไหร่ที่ลูก ๆ บอกคนอื่น ท่านจะยึดที่นี่คืน แล้วพวกเราก็จะไม่มีอะไรให้กินอีก ใจ๋ใจ๋กับจือจือสัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง"
อันเล่อย่อตัวลงเพื่อพูดคุยกับลูก ๆ ทั้งสอง ดูท่าว่าซูเสี้ยงใจ๋กับซูเสี้ยงจือจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เด็ก ๆ ค่อนข้างเชื่อฟังแม่และกลัวแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่กล้าเอ่ยถามอะไรมากมาย แค่วันนี้แม่พูดกับพวกเขาดีขนาดนี้ก็เกินจะวาดฝันแล้ว
"ผมสัญญาคับ ผมจะไม่บอกใคร"
"จือจือไม่พูด จือจือสัญญา"
"เด็กดี งั้นตามแม่มาทางนี้นะ ตรงนี้มีทั้งโจ๊กหมูใส่ไข่ มีข้าวต้ม มีข้าวผัด ลูกเลือกมาเลยว่าอยากกินอะไร"
พอได้ยินสิ่งที่มารดาพูดและเห็นรูปภาพอาหารหน้าตาน่ากิน ท้องเล็ก ๆ ส่งเสียงร้อง จ๊อก ๆ อย่างน่าเอ็นดู ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย
จ๊อก ๆ
"ฮะ ฮะ จือจือหิวไปหน่อย อย่ามองซี๊พี่ใหญ่"
"พี่ไม่ว่าอะไรซักหน่อย ผมเอาข้าวต้มคับแม่"
อันเล่อมองดูลูกชายวัย 3 ขวบครึ่งของเธอด้วยความเอ็นดู หนุ่มน้อยเพิ่งอายุเท่านี้แท้ ๆ แต่กลับทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัยตัวเอง
"พูดใหม่! ใจ๋ใจ๋เอาข้าวต้มครับแม่ ลูกยังเด็กอยู่ ไม่จำเป็นต้องทำตัวโตเกินวัย เข้าใจไหมครับใจ๋ใจ๋"
"พูดสิพี่ใหญ่ พูดตามจือจือนะ จือจือเอาข้าวต้มนะคะแม่"
"ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่เอาไปอุ่นให้"
"พี่ใหญ่ไม่ต้องอาย ชื่อใจ๋ใจ๋น่ารักมากเลยนะ จิงจิ๊ง"
คนเป็นแม่รอฟัง ส่วนน้องสาวก็ช่างเจรจาเหลือเกิน ตัวเล็กนิดเดียวก็หันไปสอนพี่ชายไม่หยุดปาก
"จะ..ใจ๋ใจ๋เอาข้าวต้มนะคับแม่ อึ๊ยย"
พูดจบหนุ่มน้อยก็รีบหันหลังก่อนที่แม่กับน้องสาวจะเห็นใบหน้าที่เห่อร้อนจนเปลี่ยนสี
"ได้เลยครับลูกชาย"
ฟอดดด ฟอดดด
อันเล่อเดินเข้าไปกอดเด็กชายตัวน้อยจากด้านหลัง พร้อมกับดึงทั้งคู่มาหอมแก้มด้วยความเอ็นดู ต้องขอบคุณผู้คุมวิญญาณเสียแล้วที่มอบลูกน้อยที่น่ารักขนาดนี้ให้เธอ ส่วนสองพี่น้องตอนนี้ยิ้มจนแก้มปริด้วยความดีใจที่แม่แสดงความรักกับพวกเขา
"แม่จะพาไปอุ่นข้าวนะ หลังจากนั้นเราจะเลือกของใช้กับเครื่องมือทำความสะอาดบ้านกันต่อ"
พูดจนทั้งสามคนก็เดินไปหยิบข้าวต้มสำเร็จรูปจากตู้แช่ไปอุ่นด้วยไมโครเวฟ เด็ก ๆ ต่างจ้องมองการกระทำของมารดาที่ดูคล่องแคล่วและใช้เจ้าตู้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ได้อย่างชำนาญ
จากนั้นอันเล่อก็เอารถเข็นมาใส่ของ เริ่มจุดแรกคืออาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยติดเตียง แก้วผสมอาหารเสริม แพมเพิสผู้ใหญ่ แป้ง ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก 2-3 ผืน กะละมัง 3 ใบ นมของเด็ก ๆ ไม้กวาด ไม้ถูพื้น น้ำยาถูพื้นและน้ำยาเช็ดทำความสะอาด น้ำดื่ม กาต้มน้ำร้อน
เธอตั้งใจจะรื้อชุดเครื่องนอนออกไปซักเก็บไว้ แล้วเอาชุดใหม่ออกมาเปลี่ยนเพื่อความสะอาด สภาพที่เห็นในบ้านหลังน้อย หวังอันเล่อคนเก่าไม่เคยหยิบจับทำความสะอาดเลย ไม่ว่าอะไรก็ใช้แต่ลูก ๆ ทั้งสอง ดีแล้วที่หล่อนตายไป ดีแล้วที่เธอได้มาอยู่ที่นี่
"เอาล่ะเด็ก ๆ จับมือแม่แล้วก็จับรถเข็นไว้นะ"
พอได้ของครบแล้วอันเล่อจึงพาเด็ก ๆ ออกจากมิติ ครั้งนี้เธอเอารถเข็นออกไปด้วย เธอไม่กลัวว่าจะมีใครมาเห็น หนึ่งคือวันนี้ฝนตกคงไม่มีใครออกจากบ้าน สองคือเจ้าของร่างนี้เป็นคนเห็นแก่ตัว จึงไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
วืบบบบบ
"นั่งกินข้าวไปก่อนนะลูก กินให้อิ่ม เดี๋ยวแม่จะไปต้มน้ำชงข้าวให้พ่อเค้า"
"คับแม่ ผม...เอ่อ ใจ๋ใจ๋จะดูน้องเอง"
"คนเก่ง กินข้าวเสร็จแล้วสักพักค่อยกินนมคนละกล่องนะ"
"คับ/ค่า"
สองพี่น้องนั่งลงที่พื้นกลางบ้าน จากนั้นก็เริ่มจัดการกับข้าวต้มหมูที่กำลังส่งกลิ่นหอมอยู่ตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนอันเล่อเดินตรงไปที่หลังบ้านพร้อมกับกาต้มน้ำและน้ำดื่มอีก 1 ขวดใหญ่
สภาพครัวไม่ได้ต่างจากส่วนอื่นของตัวบ้าน ตามพื้นเต็มไปด้วยคราบสกปรกจนคนที่มาอยู่ใหม่ต้องเหนื่อยใจ กิ่งไม้เล็กใหญ่วางระเกะระกะเท่าที่กำลังของเด็ก 3 ขวบจะทำได้ มือเรียวหยิบไม้ขีดไฟที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ก้านขึ้นมาจุดไฟ จากนั้นก็ใช้กิ่งไม่เล็ก ๆ ที่มีอยู่วางลงไปเพื่อเป็นเชื้อเพลิง
เมื่อเห็นว่าไฟลุกดีแล้วอันเล่อจึงใช้ไม้ท่อนใหญ่ตามลงไป ก่อนจะนำกาน้ำร้อนใบใหม่ไปล้าง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อไม่มีฟองน้ำและน้ำยาล้างจาน สุดท้ายเธอจึงต้องเอาของเหล่านั้นออกมาจากมิติ พร้อมกับผมซักฟอกออกมาเตรียมไว้ให้พร้อมใช้งาน
หลังจากตั้งกาน้ำร้อนเสร็จแล้ว อันเล่อจึงเดินกลับเข้ามาในห้องที่สามีของร่างนี้นอนอยู่พร้อมกับน้ำหนึ่งกะละมัง สบู่เหลว ยาสระผม แป้งและแพมเพิส เธอเริ่มปลดมุ้ง ผ้าม่าน รวมไปถึงเก็บหมอนกับผ้าห่มของเด็กเข้าไปที่ห้องพักในมิติของเธอก่อนเป็นสิ่งแรก
"อ๊ะ! เกือบหล่นแตกแล้วไหมล่ะ"
ในระหว่างที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ เก็บของ หยกที่เธอเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเกือบหล่นลงพื้น โชคดีที่อันเล่อรับไว้ทัน เมืองหันซ้ายแลขวาไปเจอเชือกขนาดพอดี เธอจึงรีบเอามาร้อยจี้หยกแล้วทำเป็นสร้อยห้อยคอเธอเอาไว้ ก่อนจะลุยงานต่อ