บทที่ 4
เมื่อวันเดินทางมาถึง เฉิงเหยาเตรียมตัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
นางก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไปด้วยใจที่ยินยอม ครานี้นางคิดว่าชีวิตคงจะดีกว่าชะตากรรมเดิม หากแม้นโหวอู่ก็ไม่อาจเลวร้ายถึงขั้นจางหมิ่นได้...
นางอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ไม่ยอมให้มีช่องว่างใดที่ใครจะสามารถลงมือกับนางได้ เกี้ยวเจ้าสาวถูกหามไปตามเส้นทางที่ทอดยาวสู่เมืองจางเจียเจี้ย ผู้คนมากมายต่างมองดูขบวนด้วยความชื่นชมและอิจฉา แต่ในใจของเฉิงเหยาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
ระหว่างทาง นางได้ยินเสียงกระซิบกระซาบและเสียงหัวเราะเบา ๆ จากข้างนอก แม้จะฟังไม่ชัดเจน แต่ก็พอเดาได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของนาง ทุกคนคงจะพูดถึงความงามและความโชคดีของนาง ที่ได้แต่งงานกับโหวแห่งจางเจียเจี้ย แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า ในใจของนางนั้นหนักอึ้งเพียงใด
จู่ ๆ เกี้ยวเจ้าสาวก็หยุดชะงัก นางรับรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง สัญชาตญาณเตือนให้นางระวังตัว นางกำแน่นที่ขอบเกี้ยว สายตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดเลย นอกจากแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างเยือกเย็น
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ ๆ เกี้ยว เสียงสนทนาที่ได้ยินทำให้นางใจหายวาบ เป็นเสียงของชิงชิงที่พูดคุยกับคนอื่น ๆ อย่างเงียบเชียบ นางจำได้ทันทีว่าเป็นสาวใช้ที่เคยลงมือกับนางในชาติภพที่แล้ว เฉิงเหยารู้สึกถึงความกลัวที่คืบคลานเข้ามา แต่ก็พยายามรักษาความสงบภายในใจไว้
ชิงชิงเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นจนเสียงของนางชัดเจน เฉิงเหยารู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่ชิงชิงจะลงมือ นางจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก เฉิงเหยาจับมีดสั้นที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อแน่น นางรู้ดีว่าต้องป้องกันตัวเองอย่างไร
เสียงของชิงชิงหยุดลงหน้าประตูเกี้ยวเจ้าสาว เฉิงเหยาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เสียงก้าวเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ในใจของนาง มีเพียงคำเดียวที่ดังก้อง
ชิงชิงเดินมาถึงหน้าเกี้ยวเจ้าสาว นางหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะเบา ๆ ที่ประตู เสียงเคาะที่ฟังดูเหมือนเป็นการเรียกปลุกให้เฉิงเหยาลืมตาตื่นจากความคิดของตนเอง
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ" ชิงชิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสุภาพ "ท่านโหวแห่งเมืองจางเจียเจี้ยส่งคนมารับท่านเพื่อลงไปพักผ่อนในศาลาริมน้ำก่อนเข้าเมืองเจ้าค่ะ ข้าขอเชิญท่านลงมาเพื่อพักผ่อนชั่วครู่เจ้าค่ะ"
เฉิงเหยาภายในเกี้ยวเจ้าสาวยังคงนิ่งเงียบ ความระแวงในใจยิ่งเพิ่มขึ้น นางรู้ดีว่าการลงจากเกี้ยวในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่เสียงของชิงชิงยังคงดังมาอย่างนุ่มนวล พยายามเกลี้ยกล่อมต่อ
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านเดินทางมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว ศาลาริมน้ำนี้จัดเตรียมไว้อย่างดี ท่านโหวให้ความสำคัญกับการต้อนรับท่านเป็นอย่างมาก ข้าเกรงว่าหากท่านปฏิเสธ ท่านโหวอาจจะไม่พอใจเอาได้นะเจ้าคะ"
เฉิงเหยากัดฟันแน่น นางรู้ดีว่าคำพูดของชิงชิงเป็นเพียงการหลอกล่อ ให้ตนเองออกไปจากความปลอดภัยของเกี้ยว นางไม่ลืมความทรยศที่เคยเกิดขึ้นในชาติภพก่อน ความหวาดกลัวค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ แต่นางก็ยังคงสงบนิ่ง
"ข้าไม่เหนื่อยหรอกชิงชิง ขอบใจที่เจ้าห่วงใย แต่ข้าคงจะพักในเกี้ยวนี่จนกว่าจะถึงจวนอ๋อง" เฉิงเหยาตอบด้วยน้ำเสียงราวกับมิมีสิ่งใดกวนใจ ไม่แสดงถึงความรู้สึกใด ๆ ที่กำลังปั่นป่วนภายในให้ชิงชิงรู้ว่า นางรู้ว่ากำลังจะเกิดอันตรายกับตนเอง เฉิงเหยารู้เพียงว่าทันทีที่นางก้าวเข้าสู่จวนอ๋อง นางจะปลอดภัย
ชิงชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มมีความเครียดแฝงอยู่
"คุณหนูเจ้าคะ ข้าเกรงว่าท่านโหวอาจจะตำหนิข้า หากท่านไม่ลงไปพักผ่อนตามที่ท่านโหวสั่ง ข้าเองก็แค่ทำตามหน้าที่ ข้าขอร้องท่านเถิดเจ้าค่ะ"
เฉิงเหยาพยายามคิดหาทางที่จะตอบโต้โดยไม่ให้ชิงชิงรู้ถึงความหวาดกลัวในใจของนาง นางรู้ดีว่าหากยอมลงจากเกี้ยว อาจจะไม่มีโอกาสได้กลับขึ้นมาอีกแล้ว
"ข้าเข้าใจความลำบากใจของเจ้า แต่ท่านอ๋องเองก็คงไม่อยากให้ข้าเหนื่อยล้าจนเสียมารยาทในวันแต่งงานหรอก ข้าเชื่อว่าเขาจะเข้าใจ" นางตอบอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่นกว่าครั้งแรก
ชิงชิงเงียบไปอีกครั้ง คราวนี้นางรู้สึกได้ว่าการเกลี้ยกล่อมของตนเองล้มเหลว ใบหน้าของชิงชิงเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด นางรู้ดีว่าถ้าไม่สามารถทำให้คุณหนูใหญ่ลงจากเกี้ยวได้ อาจจะไม่ได้รับความไว้วางใจจากคนที่อยู่เบื้องหลังอีก และชีวิตของมารดาของนางก็กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
แต่เฉิงเหยาในตอนนี้คือคนที่ผ่านการเรียนรู้จากอดีต นางจะไม่ยอมให้ความผิดพลาดเดิมซ้ำรอยอีก
"ข้าขอพักผ่อนในนี้ เจ้าอย่ากังวลไปเลย ชิงชิง"
เมื่อเห็นว่าการโน้มน้าวใจไม่เป็นผล ชิงชิงจึงจำต้องยอมถอยกลับไป เฉิงเหยาภายในเกี้ยวถอนหายใจเบา ๆ นางรู้ดีว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของการต่อสู้ที่ยังอีกยาวไกล
เสียงฝีเท้าห่างออกไปไกล เฉิงเหยาเปิดม่านเกี้ยวเพียงเล็กน้อย นางก็ได้เห็นภาพที่ทำให้นางต้องหยุดคิด ทหารในเครื่องแบบจำนวนมากล้อมรอบเกี้ยวของนางอย่างแน่นหนา เสียงกีบเท้าของม้ากระทบพื้นดังก้องเป็นระยะ ความเคร่งขรึมในอากาศทำให้นางรู้สึกถึงความไม่ปกติ
หัวคิ้วบางของเฉิงเหยาขมวดแน่น ความสงสัยเกิดขึ้นในใจ หากทหารเหล่านี้มาจากท่านอ๋องจริง เหตุใดจึงมีท่าทีเคร่งเครียดเช่นนี้ หรืออ๋องหนุ่มผู้นั้นจะส่งคนมาต้อนรับนางอย่างที่ชิงชิงกล่าวจริง ๆ แต่เหตุใดชิงชิงถึงได้พยายามโน้มน้าวให้นางลงจากเกี้ยวอย่างเร่งรีบนัก
สถานการณ์ต่างจากครั้งก่อน คราวก่อนมีแค่คนของสกุลปิง
ความคิดเริ่มตีกันวุ่นวายในหัว นางพยายามหาคำตอบให้กับความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้ ขณะที่ดวงตาของนางจับจ้องไปยังทหารที่เดินตรวจตราอยู่รอบ ๆ นางไม่สามารถอ่านสีหน้าของพวกเขาได้เลย ทุกคนดูนิ่งและไร้อารมณ์ แม้แต่ชิงชิงที่เมื่อครู่พยายามพูดจาโน้มน้าวก็ดูเปลี่ยนไป นางเดินไปพูดคุยกับนายทหารนายหนึ่ง ซึ่งก็ดูเหมือนจะมีอำนาจสั่งการสูงสุดในกลุ่มทหารเหล่านั้น
เฉิงเหยาเริ่มหวาดระแวง สัญชาตญาณบอกนางว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล บางทีชิงชิงอาจจะพานางไปที่อื่น ไม่ใช่เพื่อไปพักผ่อนในศาลาริมน้ำอย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นสถานที่ที่อันตรายและหลีกเลี่ยงไม่ได้
“หรือพวกเขาจะพยายามพรากข้าไปจากที่นี่...” นางคิดในใจ นี่อาจจะเป็นการลอบสังหาร หรือการส่งตัวนางไปในที่ที่ไม่สามารถกลับออกมาได้โดยง่าย หากเป็นเช่นนั้นจริง เฉิงเหยาต้องรีบหาทางเอาตัวรอดให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
นางปิดม่านเกี้ยวกลับอย่างรวดเร็ว
ข้าจะไม่ยอมตายง่าย ๆ อีกครั้ง ไม่ว่าจะจากฝีมือผู้ใดก็ตาม