เพราะนายหญิงนอนหลับ บรรดาสาวใช้ในเรือนไม่ว่าจะกระทำสิ่งใดก็พากันเบามือเบาเท้ายิ่ง ไม่กล้าส่งเสียงดังรบกวนคนร่างกายอ่อนแอแม้แต่น้อย ในเมื่อไม่กล้าส่งเสียงเวลาคุณชายสามปรากฏตัวตรงหน้า พวกนางทำเพียงคำนับไร้เสียง บางคนอ้าปากแล้วหุบลง ปล่อยให้คุณชายสามมุ่งหน้าไปยังปีกตะวันออกอย่างราบรื่น
จู่ๆ เห็นประมุขของเรือนยืนอยู่ตรงหน้า หงหลินเบิกตาอ้าปากค้าง จะส่งเสียงเรียกนายหญิงก็พลันหวาดกลัวกับสีหน้าแววตาเอาเรื่องของคุณชายสาม ดังนั้นสิ่งที่ทำได้มีเพียงยอบกายแล้วพาตัวเองหายไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว ท่าทีของบรรดาสาวใช้แม้จะดูขัดตาอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรคนพวกนี้ก็เป็นผู้ติดตามของเจียงซูเยว่เขาย่อมไม่สร้างความลำบากให้
เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องปีกข้างเปลี่ยนไป เสี่ยวถิงพลันหันไปมองทันที คราวนี้เสี่ยวถิงตกใจแล้วจริงๆ
“คุณชาย...” เรียกได้เพียงเท่านั้นกลับต้องหุบปาก เบิกตาจับจ้องคนที่ขยับมาประชิดตัว
มองมือข้างหนึ่งของตนที่ถูกคนข้างกายของคุณชายลากออกมาด้านนอกแล้ว เสี่ยวถิงอยากโวยวาย เพียงแต่หวาดกลัวอำนาจของอีกฝ่ายจึงทำเพียงชะเง้อคอมองไปด้านในเท่านั้น ทุกย่างก้าวที่ย่ำเดินอยู่เอาแต่โทษตัวเองว่าก่อนจะถูกพาตัวออกมาเหตุใดไม่ส่งเสียงปลุกนายหญิง ปล่อยให้นายหญิงนอนหลับในสภาพเช่นนั้นได้อย่างไรกัน นี่มิใช่เป็นการทุ่มเทอย่างเสียเปล่าหรอกหรือ
การประโคมเครื่องประทินผิว อาบเครื่องหอมกลิ่นเหม็นฉุน สวมใส่ชุดสีสันแสบตา ทุกสิ่งที่เคยกระทำลงไปช่างเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก
แน่นอนว่าท่าทีร้อนอกร้อนใจของสาวใช้ข้างกายฮูหยิน ไม่ได้ทำให้สีหน้าแววตาของเฉิงไห่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงแต่ลึกๆ ในใจก็อยากรู้ยิ่งนักว่า ยามที่คุณชายสามเห็นสะใภ้สามในสภาพปกติจะรู้สึกเช่นไรบ้าง
สตรีงดงามคุณชายของเขาเห็นมาหมื่นพันคน แต่ในหมื่นพันคนนี้กลับไม่มีหญิงงามคนใดมีความสามารถถึงขั้นสั่นคลอนหัวใจของคุณชายได้แม้แต่คนเดียว
เดิมทีฟางจิ้งห้าวคิดว่าสาวใช้พวกนี้คงไม่ค่อยได้พบตนจึงดูตกใจมากไปหน่อยเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่ทำให้พวกนางตกใจจะเป็นการที่เขาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน สาเหตุคงมาจากตอนนี้นายหญิงของเรือนกำลังหลับสนิท หนำซ้ำสภาพของนางหาได้มีเครื่องประทินโฉมหรือเครื่องหอมกลิ่นเหม็นฉุนรายล้อมแม้แต่น้อย สตรีที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนตั่งตัวยาวไม่ว่าจะมองกี่ครั้งกี่หนก็ดูบอบบางอ่อนเยาว์ชวนให้ผู้คนอยากทะนุถนอมไว้กลางฝ่ามือ
เจียงซูเยว่ในสภาพไร้การแต่งแต้มสีสัน ดูงดงามเย้ายวนจนเขาต้องลอบสูดหายใจ
ใบหน้าขาวกระจ่าง ริมฝีปากอ่อนนุ่มสีชมพูอ่อนราวกลีบดอกท้อ สองแก้มไร้แป้งหนาเตอะ เผยผิวเนียนใสให้เห็น กลิ่นกายที่พัดโชยมาแตะจมูกนั้นหอมสดชื่นยิ่ง ช่วงต้นฤดูร้อนนี้เหล่าสาวงามที่เคียงข้างเขาล้วนประโคมเครื่องหอมจนแยกแยะไม่ออกว่าเป็นกลิ่นชนิดใดกันแน่ รู้แค่เพียงยามเผชิญหน้ากับสตรีเหล่านั้นเขาถึงกับอยากหาอะไรมาอุดจมูก จะได้ไม่ต้องทนสูดกลิ่นเหม็นพวกนั้น
แต่กับนาง อดโน้มใบหน้าใกล้ชิดอีกหน่อยไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่ทันที่ปลายจมูกจะแตะโดนแก้มขาว ฟางจิ้งห้าวส่ายหน้าให้กับความรู้สึกว้าวุ่นของตน จากนั้นทำเพียงทิ้งตัวนั่งบนพื้นที่ว่างข้างตั่งตัวยาว หยิบตำราที่วางอยู่ด้านข้างมาเปิดดู เห็นว่าเป็นตำราพื้นบ้านที่เจียงซูเยว่หอบมาจากเมืองหลวงจึงให้ความสนใจไม่น้อย
ความเงียบสงบปกคลุมอยู่นับชั่วยาม แน่นอนว่าหนึ่ง ชั่วยามมานี้เสี่ยวถิงกับหงหลินล้วนนั่งไม่ติด
แต่คนมาเยือนกะทันหันอ่านตำราจบไปสามเล่มแล้ว กำลังจะหยิบเล่มที่สี่มาอ่านอีก หางตาพลันเหลือบเห็นคนนอนอยู่ขยับตัว แขนทั้งสองข้างเหยียดออก บิดตัวอย่างเกียจคร้าน หลังเปิดปากหาวครางพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง ถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า
แน่นอนว่าสีหน้าท่าทางยามเห็นเขานั่งอยู่ข้างกายดูตื่นตะลึงยิ่งนัก แต่ชั่วอึดใจกลับสามารถเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉย ลุกจากตั่งอย่างรีบร้อนได้ก็ยอบกายลง “ข้าภรรยาคำนับท่านพี่” ทำความเคารพแล้วก็มองตาปริบๆ “เหตุใดท่านพี่ถึงไม่ให้คนปลุกข้าภรรยาเล่า ปล่อยให้ข้าภรรยานอนหลับกลางวันเช่นนี้ไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย”
สามีมาถึงเรือนย่อมต้องรีบร้อนปรนนิบัติรับใช้ ปล่อยให้เขามานั่งมองตนนอนหลับนับว่าใช้ไม่ได้ หากเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูของผู้อื่นต้องถูกนินทาว่าร้ายเป็นแน่
กำลังจะเรียกคน แต่พอเหลือบเห็นสีหน้าของเขาแล้วนางก็ไม่อยากทำให้ผู้อื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ถึงอย่างไรก็ถูกเขาจับได้แล้วว่าแท้จริงนั้นสภาพเนื้อตัวของตนเป็นเช่นไร สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงแสร้งลืมเลือนสิ่งที่ตนเคยกระทำไว้ เมื่อถึงเวลาต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ต่อให้อยากหลีกเลี่ยงเพียงใดก็ไม่อาจทำได้ง่ายๆ
ด้วยสภาพของนางเกรงว่าคงแก้ไขปรับเปลี่ยนไม่ทันแล้ว เชิดหน้ายอมรับให้มันจบๆ ไปก็ดีเหมือนกัน วันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงลุกขึ้นมาอาบเครื่องหอมกลิ่นฉุนจมูกพวกนั้นอีก
ไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบคำ จึงเบิกตาถาม “ท่านพี่มาหาข้าภรรยามีเรื่องใดต้องการกำชับหรือ”
เจียงซูเยว่นึกว่าเขาต้องการสั่งการเพิ่มเติมเกี่ยวกับหญิงงามที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นอี๋เหนียง เมื่อเช้านี้ไม่รู้ว่าตนกระทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่ ยังไม่ทันข้ามวันเขาถึงได้โผล่หน้ามาที่นี่ “ถ้าหากเป็นเรื่องของอี๋เหนียงใหญ่กับอี๋เหนียงรอง ข้าภรรยาสั่งการไปแล้วว่าให้ทุกคนในเรือนปฏิบัติกับอี๋เหนียงทั้งสองอย่างดี ห้ามทำให้พวกนางลำบากใจเด็ดขาด หาไม่ข้าภรรยาจะลงโทษอย่างหนัก”
เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และยิ่งไม่สนใจว่าอี๋เหนียงที่ตนเลื่อนขั้นให้จะใช้ชีวิตเช่นใด เพียงแต่ได้ยินว่าเหน็ดเหนื่อยจึงมาดูเท่านั้น ไม่คิดว่านางจะพูดเรื่องพวกนี้กับตน
“เรื่องของอี๋เหนียงเหล่านั้นเจ้าไม่ต้องใส่ใจแม้แต่น้อย ปล่อยใช้ชีวิตไปเถิด”
อ้อ! หมายความว่าห้ามยื่นมือไปข้องเกี่ยวกับคนของเขา เจียงซูเยว่รับคำ “ข้าภรรยาเข้าใจแล้ว”
ได้ยินคำตอบ หัวคิ้วของฟางจิ้งห้าวพลันขยับเข้าหากันอย่างไม่รู้ว่าควรจะบอกกล่าวเรื่องอี๋เหนียงทั้งสองกับนางด้วยตัวเองดีหรือไม่ “ถึงอย่างไร พวกนางล้วนเป็นคนที่อยู่ข้างกายข้ามาหลายปี เลื่อนฐานะให้พวกนางฮูหยินคงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่”
เจียงซูเยว่ไม่คิดว่าคุณชายสามจะพูดเรื่องนี้กับตน เขาจะแต่งตั้งมอบฐานะให้สตรีคนใดล้วนได้ทั้งนั้น ดีหน่อยที่มีกฎสกุลฟางข้อหนึ่งบัญญัติไว้ว่าห้ามรับหญิงคณิกาเข้าจวน หาไม่แล้วในบรรดาอี๋เหนียงที่จะเพิ่มเข้ามาในภายภาคหน้าอาจมียอดหญิงงามแห่งหอลืมเลือนก็เป็นได้
ใบหน้าของเจียงซูเยว่ยังมีรอยยิ้มบางเบาปรากฏเช่นเดิม “พวกนางเป็นสตรีของท่านพี่ ท่านพี่รักทะนุถนอมพวกนางนับว่าถูกต้อง” ขอเพียงเขารู้จักหักห้ามหญิงงามเหล่านั้นไม่ให้มาวุ่นวายกับตน ต่อให้รับเข้ามาอีกร้อยชีวิตก็ย่อมไม่เป็นไร
ไม่รู้ว่าเหตุใดพอพูดเรื่องหญิงอื่นกับเขาในใจถึงรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง สงบใจแล้วจึงหาทางไล่ไปที่อื่น “ป่านนี้อี๋เหนียงใหญ่กับ อี๋เหนียงรองคงย้ายเข้าไปพำนักในเรือนที่ตระเตรียมไว้แล้ว ท่านพี่จะไปดูหรือไม่” ถามอย่างใส่ใจ จะอย่างไรวันนี้พรุ่งนี้คุณชายสามต้องไปนอนค้างคืนกับอี๋เหนียงพวกนั้น ให้เขาไปดูสถานที่พำนักเสียหน่อย จะได้ดูว่ามีสิ่งใดถูกใจไม่ถูกใจ ถึงเวลาเชยชมคนงามจะได้มีความสุขสำราญอย่างที่ปรารถนา
เห็นนางเอ่ยถึงเรือนของอี๋เหนียงทั้งสอง เดิมทีเขาไม่ใส่ใจแต่กลับรับคำ “ไปดูหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
เจียงซูเยว่ยิ้มในใจ พลางรีบร้อนยอบกายลงด้วยท่าทีอ่อนหวาน “เชิญท่านพี่เถิด ข้าภรรยายังมีงานอีกมาก” กล่าวแค่นั้นก็ส่งเสียงเรียกคน เพียงชั่วอึดใจหงหลินก็หอบบัญชีปึกใหญ่เข้ามา แน่นอนว่าทุกย่างก้าวนั้นไม่กล้าเหลือบสายตามองสีหน้าดุดันของผู้นั่งอยู่บนตั่งแม้แต่น้อย จนกระทั่งคุณชายสามจากไปหงหลินถึงได้ทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
“นึกว่าจะขาดใจตายเสียแล้ว”
เสี่ยวถิงรีบยกน้ำชาตามเข้ามาอย่างรีบร้อน มองสมุดบัญชีกองหนึ่งที่ถูกทิ้งบนพื้นแล้วพลันมุ่นหัวคิ้ว
“พวกนี้คือ...”
“บัญชีสินเดิมของคุณหนู และก็บันทึกค่าใช้จ่ายตั้งแต่เมืองหลวงมาถึงเหยียนโจว ข้ากลัวเหลือเกินว่าคุณชายสามจะหยิบไปดู”
“วางใจเถอะ เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องของข้าและยิ่งไม่สนใจว่าข้าจะกระทำสิ่งใด ขอเพียงไม่สร้างเรื่องราวใหญ่โต เขาย่อมไม่ทำให้พวกเราลำบาก”
“พวกเราขออภัยนายหญิง” เสี่ยวถิงยอบกายลง “คุณชายสามมากะทันหัน ก็เลย...”
“ช่างเถิด ให้เขาเห็นสภาพแท้จริงก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับการเตรียมตัว พวกเจ้าก็รู้กลิ่นเครื่องหอมพวกนั้นไม่น่าสูดดมเลยจริงๆ” ว่าพลางยกน้ำชาขึ้นเทลงคอไปเสียครึ่งหนึ่ง จะว่าไปแล้วการสนทนากับคุณชายสามในครั้งนี้เปลืองแรงไม่น้อย
สามนายบ่าวเพิ่งสงบใจได้เพียงสองชั่วยามก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามา เจียงซูเยว่เหลือบตามองเล็กน้อยหงหลินพลันออกไปดู กลับเข้ามาอีกครั้งสีหน้าที่เดิมทีมีรอยยิ้มกลับเย็นชาขึ้นหลายส่วน ผู้เป็นนายมองแล้วก็ได้แต่เอ่ยปากถาม “เกิดเรื่องใดขึ้นอีกเล่า เหตุใดหงหลินของข้าถึงได้ดูโกรธเคืองเช่นนั้น”
หงหลินเม้มปาก ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ควรบอกกล่าวนายหญิงของตนหรือไม่
“มีเรื่องใดรีบพูดเร็วเข้า” เสี่ยวถิงเร่งอีกฝ่าย “ทำอ้ำๆ อึ้งๆ เช่นนี้ใช้ได้เสียที่ไหน”
คนอายุน้อยกว่าถอนหายใจ “พอกลับไป คุณชายสามก็ไปเรือนอี๋เหนียงใหญ่ เดินหมากสนทนาอยู่หนึ่งชั่วยามถึงได้ตรงไปยังเรือนพักของอี๋เหนียงรอง ป่านนี้ยังไม่ออกมาเลย ได้ยินคนของพ่อบ้านเผยบอกว่า คืนนี้คุณชายสามจะค้างที่เรือนอี๋เหนียงรอง แม่นางลี่ชิวผู้นั้นมีความสุขยิ่งนัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นางจะได้อยู่กับคุณชายสามทั้งคืน” โพล่งออกมาแล้วก็ลอบมองสีหน้าของนายหญิง เมื่อไม่เห็นสิ่งผิดปกติความหวาดหวั่นที่แขวนค้างถึงได้ผ่อนคลายลง
“นายหญิง”
เสี่ยวถิงเรียก นับตั้งแต่นายหญิงเข้าจวนมา ยังไม่เคยได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับคุณชายสามเลยสักครั้ง แม้กระทั่งชุดเจ้าสาวที่ฮูหยินใหญ่ให้ช่างในเมืองหลวงตัดเย็บมาอย่างดีคุณชายสามก็ยังไม่เคยเห็น ทั้งๆ ที่นายหญิงสวมชุดนั้นมาตั้งสามวัน ความงามในชุดเจ้าสาวไม่ได้เชยชมก็แล้วไปเถิด แม้กระทั่งพบหน้ากันพิธีการร่วมหอก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น
ช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนขลุกอยู่ในหอคณิกา กลับเข้าจวนมาไม่ค้างคืนกับฮูหยินเอกของตน เหตุใดต้องไปนอนค้างกับอี๋เหนียงรองด้วย คุณชายสามทำเช่นนี้ มิใช่เป็นการตบหน้านายหญิงหรอกหรือ
ในใจของเจียงซูเยว่ไม่ได้คิดเช่นเสี่ยวถิง นางปรารถนาให้ฟางจิ้งห้าวผู้นั้นใช้ทุกค่ำคืนกับบรรดาอี๋เหนียงและสาวใช้ห้องข้างทั้งหลาย อย่าได้มาข้องแวะกับตนเลย เพราะไม่ว่ายังไงก็ทำใจปรนนิบัติเขาไม่ได้จริงๆ
แค่คิดว่าร่างกายของเขาแนบสนิทสาวงามไม่ซ้ำหน้า อาการคลื่นเ**ยนมวนท้องพลันเกิดขึ้นกะทันหัน จนกระทั่งโก่งคออาเจียนเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในท้องออกมาจนหมดนั่นแหละ จึงรู้สึกไม่เป็นไรอย่างแท้จริง