ความสุขสงบคงมีมากไปใช่หรือไม่ มากจนกระทั่ง ฟางจิ้งห้าวมีเวลาไตร่ตรองเรื่องการเลื่อนขั้นให้สาวใช้ห้องข้าง หลังคิดไตร่ตรองแล้วในเรือนย่ำแดนเซียนก็มีอี๋เหนียงใหญ่กับอี๋เหนียงรองเพิ่มขึ้นมา ไม่รู้ภายภาคหน้าจะมีอี๋เหนียงสาม อี๋เหนียงสี่ ห้า หก ตามมาเมื่อใด
เห็นนายหญิงกุมบันทึกเลื่อนขั้นของสาวใช้ห้องข้างแล้ว เสี่ยวถิงกับหงหลินก็ได้แต่มองหน้ากัน ไม่รู้ควรกล่าววาจาปลอบโยนเช่นไรดี มิน่าเล่านับตั้งแต่วันนั้น นอกจากส่งคนยกยาต้มมาให้ทุกวัน เรือนชั้นในแห่งนี้กลับไม่เคยมีเงาร่างของคุณชายสามปรากฏเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“นายหญิง” ได้ยินเสียงเรียกเจียงซูเยว่พลันหลับตาลง ปิดซ่อนทุกความรู้สึกและทุกความคิดของตนไว้
กระทั่งรู้สึกใจที่เต้นรัวสงบลงแล้วถึงได้เอ่ยปาก “ดูเหมือนรายชื่อนี้จะไม่ถูกต้องนัก”
หงหลินลอบมองสีหน้าเสี่ยวถิงทีหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าจึงรายงานตามที่ตนสืบได้ความมา “อี๋เหนียงใหญ่ ฝูหรงผู้นี้นับตั้งแต่ปรนนิบัติคุณชายสามมา ได้ยินว่าคุณชายสามมอบของแทนใจให้ รับปากว่าจะเลื่อนขั้นเป็นอี๋เหนียง ดูท่าชื่อนี้น่าจะถูกต้องแล้ว เพียงแต่อี๋เหนียงรองทุกคนล้วนคิดว่าจะเป็นแม่นาง ซูเซียว”
เจียงซูเยว่ไม่ลืมตาขึ้นด้วยซ้ำ
เมื่อไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของนายหญิง หงหลินก็ได้แต่พูดต่อ
“เมื่อค่ำวานก่อนที่คุณชายสามจะไปเรือนของ แม่นางซูเซียว อีกฝ่ายกลับมีผื่นเต็มใบหน้า ท่านหมอหยุนตรวจดูแล้วยังไม่อาจหาสาเหตุที่แท้จริงได้ เพียงแต่ใบหน้านี้อย่างไรก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีจึงจะรักษาหาย คุณชายก็เลยเก็บเรื่องเลื่อนขั้นของนางไว้ แล้วมอบให้กับแม่นางลี่ชิวแทน”
หลับตาฟังอยู่ดีๆ ถึงกับต้องเบิกตาขึ้นกะทันหัน ฟางจิ้งห้าวผู้นี้ไม่รู้ว่าเคยมอบความรักความจริงใจให้กับหญิงงามในอ้อมแขนของตนอย่างแท้จริงบ้างหรือไม่ ฐานะที่ควรมอบให้สตรีผู้หนึ่งกลับโยนให้อีกคนกะทันหัน
“เลื่อนขั้นเพียงแค่สองคนเท่านี้เองหรือ” นึกว่าเขาจะเลื่อนขั้นให้หญิงงามทั้งหมดเสียอีก
“เลื่อนขั้นสอง แต่ส่งออกนอกจวนอีกสองคน” เสียงของหงหลินแผ่วเบาลง
“ส่งออก? มีชีวิตหรือตายไปแล้ว” จู่ๆ ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ชื้นเหงื่อขึ้นมา
บ่าวตาย สาวใช้ห้องข้างตาย ในสกุลใหญ่มีให้เห็นบ่อยยิ่งนัก เพียงแต่เพิ่งมาอยู่ที่นี่จะอย่างไรก็ยังทำใจรับเรื่องร้ายแรงเหล่านี้ไม่ได้
“ยังมีชีวิตอยู่ เห็นว่าจะกลับไปอยู่บ้านเดิม คุณชายสามจึงปล่อยตัวพวกนางพร้อมกับให้เงินไปหลายร้อยตำลึง หนำซ้ำยังบอกว่าถ้าหากที่บ้านไม่มีสิ่งใดทำให้ไปเรียนรู้งานในร้านค้าของสกุลฟางได้ คุณชายกำชับหัวหน้าร้านค้าทั้งหลายเอาไว้แล้ว”
“ผู้ที่ออกไป คือผู้ใด”
“เป็นแม่นางม่อหลัน กับแม่นางลี่ชุน สองคนนี้อายุยี่สิบสามปี ดูเหมือนจะอายุมากที่สุดในบรรดาสาวใช้ห้องข้างทั้งหมด”
อ้อ! หญิงสาวที่ตนเคยกอดเคยทะนุถนอมสูญสิ้นความงามแล้วนี่เอง มิน่าถึงได้ยอมวางมือ เพียงแต่สกุลใหญ่ๆ จะยอมปล่อยสาวใช้ภายในเรือนออกไปง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ เกรงว่ายามอยู่ข้างนอกทุกย่างก้าวของพวกนางจะเดินได้ลำบากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้จะอย่างไรก็ต้องคอยสืบข่าวไว้ ไม่อาจปล่อยให้พลาดสายตาไปแม้แต่เรื่องเดียว
ยังไม่ทันพูดอะไรกันมากกว่านี้ ก็ได้ยินว่าแม่บ้านเหอรออยู่ในห้องโถงชั้นนอกแล้ว เจียงซูเยว่จึงได้แต่ให้เสี่ยวถิงประคองออกไป ดูท่าอีกฝ่ายคงมาเพราะเรื่องเลื่อนขั้นสาวใช้ห้องข้างกระมัง
เข้ามาแล้วพอแม่บ้านเหอกำลังยอบกายลงพลันให้เสี่ยวถิงรั้งอีกฝ่ายไว้ “ท่านป้าเหออย่าได้มากพิธีเลย ท่านป้ามาพบข้ามีเรื่องใดหรือ”
เหอซินประคองบันทึกฉบับหนึ่งในมือมอบให้ “นายหญิงตรวจดูเถิด ว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่”
เจียงซูเยว่หรี่ตามอง “คุณชายสามว่าอย่างไร” เรื่องนี้เกี่ยวพันกับสตรีข้างกายเขา นางไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวนักหรอก หากทำให้หญิงงามข้างหมอนไม่พอใจขึ้นมา ร่างกายที่แย่อยู่แล้วของนางจะไม่แย่ลงไปอีกสิบปีหรอกหรือ
“คุณชายสามบอกว่า ทุกอย่างล้วนให้ฮูหยินตัดสินใจ”
แววตาของเจียงซูเยว่สงบนัก ทั้งๆ ที่ในใจก่นด่าบุรุษมักมากผู้นั้นนับร้อยพันคำ สตรีของเขาเหตุใดไม่จัดการเองเล่า “ถึงอย่างไร อี๋เหนียงใหญ่กับอี๋เหนียงรองก็ดูแลรับใช้อยู่ข้างกายคุณชายมาเกือบห้าปี เพิ่มเบี้ยเลี้ยงรายเดือนให้อีกห้าตำลึง ผ้าแพรเมืองฉางโจวอีกห้าพับ ที่เหลือก็ทำตามที่จดบันทึกเอาไว้” ให้เบี้ยเลี้ยงกับผ้าดีๆ เพิ่มอีกเท่าหนึ่ง เขาคงพอใจแล้วกระมัง
“เรื่องเรือนพำนัก นายหญิงเห็นว่าอี๋เหนียงใหญ่กับอี๋เหนียงรองควรย้ายไปพำนักในเรือนใดหรือ”
เรื่องนี้ฟางจิ้งห้าวก็ให้นางตัดสินใจด้วย? นึกว่าจะย้าย หญิงงามมาอยู่ห้องข้างติดเรือนหลักหลังนี้เสียอีก
ในเมื่อแม่บ้านเหอขอความคิดเห็น เจียงซูเยว่ไม่อาจไม่ขบคิด เพียงแต่นอกจากเรือนพำนักของตนแล้ว เรือนอื่นๆ นางไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง และยิ่งไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีเรือนเล็กอีกกี่หลัง
“มีเรือนเล็กว่างเว้นไม่ได้ใช้อยู่อีกกี่หลังอย่างนั้นหรือ”
“นอกจากเรือนหลักซึ่งเป็นที่พำนักของฮูหยินกับคุณชายสามแล้ว เรือนเล็กทั้งหมดมีสามสิบสามหลัง ใช้เป็นที่พักบ่าวชายกับสาวใช้ไปห้าหลัง ด้านข้างเหลือเรือนปีกตะวันออกเจ็ดหลัง เรือนตะวันตกสิบห้าหลัง ทางใต้อีกหกหลัง ทางเหนือนั้นคุณชายทำเป็นสวนดอกไม้ เพราะเชื่อมต่อกับเรือนของคุณชายใหญ่ บริเวณด้านหลังเป็นเรือนพักสาวใช้กับบ่าวชาย เดิมทีสาวใช้ห้องข้างทั้งหลายก็อาศัยอยู่ที่นั่น หากคุณชายต้องการใช้งานผู้ใดเพียงส่งคนไปเรียกเท่านั้น ใช้งานเสร็จก็ส่งกลับมิได้ให้พวกนางนอนค้างด้วย”
ฟางจิ้งห้าวผู้นี้ใช้ชีวิตสุขสำราญยิ่งกว่าฮ่องเต้ที่มีนางสนมนับหมื่นเสียอีก แน่นอนเรื่องเหล่านี้เจียงซูเยว่เพียงคิดในใจไม่ได้เอ่ยปากออกมา
แม้สมองจะไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก แต่ก็พอรู้ว่าเรือนฝั่งตะวันตกอยู่ไกลจากที่พำนักของตนมาก “ถ้าเช่นนั้นจัดเรือนฝั่งตะวันตกให้พวกนางเถิด”
ตอนนี้มีสิบห้าหลัง ถูกอี๋เหนียงใหญ่กับอี๋เหนียงรองครอบครองไปสองหลัง ที่เหลืออีกสิบสามหลังนั้นเก็บไว้ให้สาวงามที่จะก้าวเข้ามาในวันข้างหน้าก็แล้วกัน เรือนแต่ละหลังไม่ใช่ใหญ่มากหรอกหรือ เรือนหนึ่งอยู่อาศัยกันสามสี่คนคงไม่แออัดจนเกินไปนัก หากไม่พอจริงๆ ค่อยให้เขาสั่งขยับขยายเรือนเอาเองก็แล้วกัน
หญิงงามพวกนั้น อยู่ให้ไกลจากเรือนพำนักของนางย่อมดีที่สุด
ว่าแต่ฟางจิ้งห้าวต้องรับสตรีเพิ่มอีกเท่าใดเรือนฝั่งตะวันตกถึงจะไม่พอใช้งาน
ในหัวของเจียงซูเยว่คิดคำนวณอย่างรวดเร็ว พอคิดได้แล้วก็ถึงกับปิดตาทั้งสองข้างลง ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นจับความรู้สึกที่แท้จริงของตนได้
เห็นว่าตนปรึกษานายหญิงไม่กี่คำ อีกฝ่ายก็ดูเหนื่อยล้า ด้วยข่าวคราวที่พัดกระหน่ำจวนสกุลฟางในยามนี้ทำให้เหอซินรู้สึกเห็นใจสะใภ้สามไม่น้อย ในเมื่อเรื่องเรือนพักอาศัยกับข้าวของที่ใช้ในการเลื่อนขั้นของอี๋เหนียงเรียบร้อยแล้ว แม่บ้านเหอก็ไม่รั้งอยู่อีก เรื่องหลังจากนี้ควรรายงานผู้ใดก็ย่อมต้องรายงานเช่นเดิม
ถ้าหากเจียงซูเยว่เป็นเทพเซียนละก็ ตอนนี้คงเห็นแล้วว่ามิเพียงเรือนของแม่สามีที่มีความเคลื่อนไหว เรือนของฮูหยินรองวั่งหว่านซี ฮูหยินสามหลี่ซูอี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งที่พำนักของคุณชายใหญ่และคุณชายสาม ถึงสองคนนี้จะไม่ได้อยู่ในจวน แต่เรื่องน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนไม่เคยเล็ดลอดสายตาแม้แต่เรื่องเดียว
ในสายตาของฟางจิ้งห้าว การเลื่อนขั้นของสาวใช้ห้องข้างไม่ได้สลักสำคัญแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่กระทำตามแผนการที่วางไว้เท่านั้น ทว่ายามเรื่องนี้ถูกส่งไปถึงมือของสตรีผู้นั้นเขาก็อดอยากรู้ขึ้นมาไม่ได้
เห็นคุณชายสามเหลียวมองไปยังประตูห้องหนังสือ เฉิงไห่พลันเอ่ยปากถาม “พ่อบ้านเผยรออยู่ด้านนอกแล้ว คุณชายจะพบหรือไม่”
“เรียกเข้ามาเถิด”
ครั้งนี้ไม่ยอมปล่อยให้ล่าช้า ดูท่าคุณชายคงอยากทราบความเคลื่อนไหวของผู้นั่งฐานะภรรยาเอกกระมัง ไม่รู้ว่าหลังจากหนังสือเลื่อนขั้นของอี๋เหนียงถูกส่งขึ้นไป ฮูหยินจะเผยสีหน้าท่าทางเช่นไรออกมาบ้าง เรื่องเหล่านี้มิใช่เพียงคุณชายสามที่อยากรู้ บรรดาผู้คุ้มกันนับห้าสิบชีวิตที่แฝงตัวอยู่โดยรอบก็ล้วนอยากรู้เช่นกัน
ตอนนี้แต่ละคนคงใช้ความเชี่ยวชาญของตนกางหูคอยฟังแล้วว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง
เห็นคุณชายสามนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าสงบสุขุม เผยจุนพลันรายงาน
“ฮูหยินเพิ่มเบี้ยเลี้ยงรายเดือนห้าตำลึง มอบผ้าแพรเมืองฉางโจอีกห้าพับ นอกเหนือจากนั้นก็มอบสิ่งของตามที่เหอซินร่างรายการไว้ ส่วนเรือนพำนักเลือกฝั่งตะวันตก”
“ฝั่งตะวันตกมิใช่ห่างไกลจากเรือนหลักมากหรอกหรือ” เฉิงไห่พึมพำขึ้น
เผยจุนลอบมองสีหน้าคุณชายสามทีหนึ่ง “ถึงแม้จะห่างไกล แต่ว่ามีเรือนว่างถึงสิบห้าหลัง บางทีฮูหยินคงคิดว่าอีกไม่นานคุณชายสามต้องพาบรรดาสาวงามเพิ่มเข้ามาในจวนอีก ก็เลยเตรียมสถานที่ไว้ล่วงหน้า”
“ฮูหยินของข้าช่างรอบคอบนัก!” ฟางจิ้งห้าวกัดฟัน แน่นอนว่าพ่อบ้านเผยกับเฉิงไห่พยายามมองข้ามเสียงนี้ไป
พ่อบ้านเผยรายงานเรื่องสำคัญอีกเรื่องแทน “หลังจากเหอซินออกจากเรือนหลัก ที่พำนักของผู้มีอำนาจในสกุลตั้งแต่น้อยจนใหญ่ล้วนพากันเคลื่อนไหว”
เหอซินเป็นคนของมารดา การที่มารดาเคลื่อนไหวย่อมเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ไม่คิดว่าคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะสอดมือเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้
“ให้คนของเราจับตาดูให้ดี”
เผยจุนประสานมือรับคำแล้วถอยออกไปอย่างรีบร้อน ทิ้งให้ห้องหนังสือตกสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
เมื่อตรงหน้าไม่มีผู้อื่นอยู่แล้ว เสียงห้าวทุ้มถึงได้ถามในสิ่งที่ตนอยากได้ยินทุกวัน “วันนี้ ท่าทีของฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง”
“เพราะไม่มีใครรบกวน นายหญิงตื่นยามเฉินหนึ่งเค่อ กินข้าว ดื่มยาตามปกติ หลังจากแม่บ้านเหอกลับไปสีหน้ามีความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ปิดตาพักผ่อนอยู่ในห้องปีกตะวันออก”
“เห็นรายชื่ออี๋เหนียงพวกนั้นแล้ว รู้หรือไม่ว่านางรู้สึกเช่นไร”
เฉิงไห่ขมวดคิ้วขบคิด ในใจของฮูหยินจะรู้สึกเช่นไรนั้นคนที่ส่งไปจับตาดูย่อมไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้รับรายงานมาเช่นไรย่อมต้องพูดไปเช่นนั้น “นอกจากสุขภาพไม่ค่อยดี ดูอ่อนล้าเป็นปกติแล้ว สีหน้าท่าทางก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อวานแม้แต่น้อย”
ที่แท้นางก็ไม่ใส่ใจทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขา...จิตใจของสตรีผู้นี้ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
เมื่อคุณชายสามเอาแต่มองไปยังทิศทางของเรือนหลักชั้นใน เฉิงไห่ก็พลันถามเสียงค่อย “คุณชายจะไปดูอาการฮูหยิน สักหน่อยหรือไม่” ในหัวของเฉิงไห่รู้ดีว่าการที่คุณชายสามเลื่อนขั้นให้สาวใช้ห้องข้าง จะอย่างไรย่อมกระทบจิตใจของนายหญิงไม่น้อย หาไม่แล้วหญิงงามผู้หนึ่งจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจนต้องปิดตาพักผ่อนเชียวหรือ
เดิมทีฟางจิ้งห้าวไม่อยากไปรบกวนนาง เพียงแต่กลับไม่อาจหักห้ามความคิดกับจิตใจพลุ่งพล่านของตนเอาไว้ได้ ตัดสินใจแล้วฝีเท้าที่มุ่งตรงไปยังเรือนพำนักของเจียงซูเยว่นั้นดูรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัด