สกุลฟางแห่งนี้มีบุตรชายสายตรงสองคน นั่นคือคุณชายใหญ่ฟางเหวินหลงกับคุณชายสามฟางจิ้งห้าว ส่วนคุณชายรอง ฟางซู่หมินนั้นเกิดจากท้องฮูหยินสาม ฮูหยินรองวั่งหว่านซีไร้บุตรธิดา อาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้อย่างไร้หน้าไร้ตาที่สุด แต่ว่าในอดีตเคยเป็นคนที่ฟางเฉิงเคอรักใคร่ก่อนตายจึงสั่งไว้ว่าห้ามผู้ใดรังแก ฮูหยินรองเด็ดขาด ผ่านมาหลายปีฮูหยินรองก็อยู่สกุลฟางอย่างสุขสงบดี
บัดนี้คุณชายใหญ่พาครอบครัวย้ายไปอยู่ทางเหนือ ควบคุมกิจการการค้าที่นั่น ปีหนึ่งถึงจะหวนคืนสู่เหยียนโจวสักครั้ง
ส่วนคุณชายรองพาสะใภ้รองไปสร้างกิจการร้านค้าทางใต้ ตอนนี้ร่ำรวยมั่งคั่ง
ฮูหยินใหญ่ หลินซือหรูเป็นผู้กุมบังเ**ยนทุกการค้าในเมืองเหยียนโจว เมืองหลวง และเมืองใกล้เคียง ผู้ที่ต้องรับมอบอำนาจต่อย่อมเป็นคุณชายสามฟางจิ้งห้าว
ต่อให้คุณชายสามผู้นี้ไม่รักใคร่ไม่โปรดปรานเจียงซูเยว่ แต่ด้วยหน้าตาและฐานะของสกุลฟางแล้วนั้น ย่อมไม่มีทางใจดำอำมหิตกับสตรีที่แต่งเข้ามาในฐานะภรรยาเอกเป็นแน่
ในหัวของหงหลินกระจ่างชัดแล้วจึงรีบคุกเข่าลง โขกศีรษะยอมรับเจียงซูเยว่เป็นนาย ปากกล่าวคำสาบานว่าจะซื่อสัตย์ภักดีตลอดชีวิต หาไม่แล้วขอให้ตายไร้ที่ฝัง
ริมฝีปากของคนเพิ่งจิบชาไปคำหนึ่งโค้งสูง เดิมทีนางไม่คิดจะเก็บหงหลินไว้ แต่เด็กคนนี้อายุแค่สิบหกสิบเจ็ดกลับเข้าใจอะไรๆ ได้อย่างถ่องแท้ หยิบจับงานใดก็ว่องไวและฉลาดยิ่ง แน่นอนว่าเจียงซูเยว่ไม่เชื่อคำสาบาน ถ้าหากวันใดหงหลินทำผิดต่อนางขึ้นมาไม่ต้องรอให้ตายไร้ที่ฝังหรอก เพราะนางจะหาที่ฝังดีๆ ให้
จะหาว่าเป็นคนใจดำอำมหิตก็ช่าง เกิดเป็นสตรีที่อยู่ใต้อำนาจผู้อื่น หากไม่รู้จักปกป้องตัวเองไว้บ้างนั่นไม่ใช่เป็นการทำให้ตนตายไวขึ้นหรอกหรือ
ไหนๆ ก็ต้องอยู่สกุลฟางไปตลอดชีวิต มีคนที่มาจากบ้านเดิมให้ใช้งานเพิ่มอีกหนึ่งย่อมเป็นเรื่องดี
ในเมื่อคุณหนูสิบเอ็ดตัดสินใจเช่นนี้ เสี่ยวถิงย่อมไม่มีอะไรคัดค้าน ได้แต่ยิ้มให้กับคนที่ต้องเดินร่วมเส้นทาง ส่วนในใจจะคิดอะไรอยู่นั้นคงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ดีที่สุด
เจียงซูเยว่ไม่คิดจะย้ำเตือนสาวใช้คนสนิท คนข้างกายนางหัดระมัดระวังไว้บ้างนั่นถึงจะดี ถ้าหากอ่อนแอหลงเชื่อใจผู้อื่นง่ายๆ ละก็ สักวันหนึ่งต้องพบจุดจบที่ไม่ดีเป็นแน่
เมื่อเรื่องของหงหลินจบลง ก็หันมาใช้ความคิดกับผู้คนในสกุลเจียง เบื้องบนตอนนี้ไร้ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านสกุลฟางก็จากไปนานแล้ว
สถานที่โอ่อ่าแห่งนี้มีแม่สามีสายตรงคือ ฮูหยินใหญ่ หลินซือหรู ฮูหยินรองวั่งหว่านซี ฮูหยินสามหลี่ซูอี้ คุณชายใหญ่ คุณชายรองกับครอบครัวทั้งสองนั้นคงไม่ได้พบกันเร็วๆ นี้
เช่นนั้นคนที่นางต้องรับมืออย่างแท้จริง คงมีเพียงสามีมากภรรยากับเหล่าบรรดาสตรีของเขา
สาวใช้ห้องข้างแปดคน ไม่รู้ภายภาคหน้าจะมีฮูหยินรอง ฮูหยินสาม อนุภรรยาอีกสักกี่คน
แค่คิดปลายนิ้วเล็กเรียวก็ถึงลอบนวดขมับทีหนึ่ง แต่ชั่วกะพริบตาสีหน้าแววตาพลันคืนสู่ความสุขุม เหตุใดต้องปวดหัวหรือกลัวสตรีมากมายมาวุ่นวายกับตนด้วย นางเพียงแค่นั่งอยู่ในฐานะภรรยาเอกของตนให้ดี เฝ้ามองหญิงงามทั้งหลายแก่งแย่งความรักความใคร่จากผู้เป็นสามีอยู่ห่างๆ ไม่ดีกว่าหรือ
คิดซะว่า...ดูละครปาหี่เรื่องหนึ่งก็แล้วกัน แน่นอนว่าตัวละครเอกนั้นย่อมเป็นสามีผู้ยังไม่เคยพบหน้ากับบรรดาหญิงงามทั้งหลาย
เมื่อตั้งใจจะใช้ชีวิตเช่นนี้แล้ว ถึงเวลาพักผ่อนย่อมต้องพักผ่อนให้ดี เปิดปากหาวทีหนึ่ง เอ่ยปากว่าล้าแล้ว เสี่ยวถิงกับ หงหลินก็ส่งขึ้นเตียงนอน รั้งม่านมุก ดับเชิงเทียนแล้วเสร็จถึงได้ถอยออกไปเงียบๆ
คืนแรกที่ก้าวมาอยู่สกุลฟางสุขสงบเช่นนี้ หวังว่าคืนต่อๆ ไปจะยังคงเป็นเช่นเดิม
เสี่ยวถิงกับหงหลินสบตากันเล็กน้อย กำชับสาวใช้ผู้ทำหน้าที่เฝ้าตูสองสามคำก็พากันมุ่งฝีเท้าไปยังเรือนเล็กด้านหลัง ตอนนี้มิเพียงปล่อยให้คุณหนูสิบเอ็ดพักผ่อนให้ดี พวกนางทั้งสองก็ต้องนอนเอาแรงไว้มากๆ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาต้องพบเจอกับเรื่องใหญ่น้อยเพียงใด
ไหนบอกว่าไม่มีกฎข้อบังคับเวลากินเวลานอนไง เพิ่งจะยามเฉินสองเค่อด้านนอกพลันมีความเคลื่อนไหว คนที่ฝืนข่มตาหลับตั้งแต่หัวค่ำกลับไม่อาจหลับสนิทต้องลืมตาขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทว่าหลังจากสูดหายใจทีหนึ่ง ดึงรั้งสีหน้าแววตาราบเรียบให้สงบดังเดิมถึงได้ส่งเสียงเรียกคน ไม่นานเสี่ยวถิงก็พาสาวใช้ห้าหกคนเดินเข้ามา
สาวใช้กลุ่มนี้มีหน้าที่รับผิดชอบเสื้อผ้าหน้าผมของ เจียงซูเยว่ ส่งน้ำล้างหน้าบ้วนปากแล้วเสี่ยงถิงจึงเอ่ยเสียงเบา
“ยามนี้สาวงามทั้งแปดมารออยู่ด้านนอกแล้ว”
“สาวงามทั้งแปด?”
ต่อให้ยังง่วงนอนอยู่ก็ต้องตื่นเต็มตา “คุณชายสามยังไม่กลับมาจากหอคณิกาไม่ใช่หรือ พวกนางมาทำไม”
เสี่ยงถิงส่ายหน้า หางตาเหลือบมองไปยังบรรดาถาดเงินที่สาวใช้ทั้งหลายประคองไว้
เห็นสีหน้าของสาวใช้คนสนิท เจียงซูเยว่พลันยิ้มเย็นในใจ หลังจากนั้นจึงชี้ไปยังชุดสีเหลืองนวลราวกับแสงจันทร์ที่ราบเรียบตัวนั้น ปิ่นประดับผมเป็นปิ่นหยกสีขาว ปลายปิ่นแกะสลักรูปพระจันทร์เสี้ยว ใบหน้าไร้การแต่งแต้มสีสัน ชาดแดงทาปากก็ไม่ใช้ “เรียบง่ายแบบนี้แหละ”
เมื่อนายหญิงแต่งกายเช่นนี้ บรรดาสาวใช้ทั้งหลายต่างคิดกันได้แล้วว่านายหญิงสกุลเจียงผู้นี้หาได้ไร้สมองไม่ เห็นพี่เสี่ยวถิง มองมายังบรรดาชุดเรียงรายเบื้องหน้าย่อมคิดได้แล้วว่าเหล่าสาวใช้ห้องข้างทั้งแปดแต่งกายเฉิดฉันเพียงใด
นายหญิงเลือกชุดสีแสงจันทร์ไร้การประโคมเครื่องประดับหนำซ้ำยังไม่ใช้เครื่องประทินโฉม มิเท่ากับว่ากำลังออกไปชมเหล่าดอกไม้งามที่เห็นอยู่ดาษดื่นหรอกหรือ
นางเป็นถึงภรรยาเอกของคุณชายสาม ฐานะนับว่าสูงส่งที่สุด เหตุใดต้องไปเกลือกกลั้วชิงดีชิงเด่นกับสตรีเหล่านั้นให้เสียศักดิ์ฐานะของตนด้วยเล่า
ไม่รู้ว่าสาวงามทั้งแปดยามได้พบหน้านายหญิงแล้วยังจะเหลือเรี่ยวแรงประชันขันแข่งกันอีกหรือไม่
แต่ในใจของบรรดาสาวใช้ที่รายล้อมรู้แล้วว่าภายภาคหน้าพวกตนควรปฏิบัติตัวเช่นไร สตรีอย่างเจียงซูเยว่นี้มิใช่เหมือนคนผู้นั้นมากหรอกหรือ
ฮูหยินใหญ่ หลินซือหรูช่างเลือกลูกสะใภ้ได้ดียิ่งนัก