หญิงสาวลุกขึ้นใส่บาตรแต่เช้า สีหน้าหล่อนหมองลงจนสาวใช้อย่างสอางค์มองด้วยความแปลกใจ เมื่อคืนหล่อนนอนแทบไม่หลับเลยเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่โดนเขากระทำ
“คุณญา... เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอคะ?” สอางค์สอบถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ญาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะน้าสอางค์ แค่เหนื่อยนิดหน่อยเองค่ะ” คนถูกถามตอบแล้วฝืนยิ้ม
“พักผ่อนบ้างนะคะ ยังไงยายอิ่มก็ไปสบายแล้ว คนเราเกิดมาก็ต้องตายยังไง คุณญาหักห้ามใจบ้างเถอะค่ะ”
“ค่ะ ญาทราบ ขอบคุณน้าสอางค์มากนะคะที่คอยเป็นห่วงญา”
หญิงสาวเดินเข้ามาภายในบ้าน เข้าครัวไปเก็บอุปกรณ์ใส่บาตรในตอนเช้า เสียงโทรศัพท์ประจำบ้านดังขึ้น หล่อนยืนมองไม่กล้ารับเพราะกลัวว่าจะมีผู้หลักผู้ใหญ่โทรมาติดต่อ เรื่องงานกับธานุภาพหรือติดต่อกับผู้ชายใจร้าย หญิงสาวกวาดตามองรอบๆ แต่ไม่เห็นใครจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานกรอกไปตามสาย
“ญา! นั้น ญาใช่ไหม?” เสียงปลายสายตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น
“ใช่ค่ะ แต่ไม่ทราบว่านั้นใครเหรอคะ?”
“ญา... เรากัลเองนะ!”
“กัลเหรอ! โทรมาได้ยังไงเนี่ย!” ถามเพื่อนด้วยความตื่นเต้นระคนแปลกใจ
“ญา... เราเป็นห่วงแทบแย่ วันงานศพของยายอิ่มเราเห็นญา อยากเข้าไปคุยด้วยแต่พอเดินไปเห็นคนใส่ชุดสีดำๆ ยืนล้อมหน้าล้อมหลังญาเราเลยไม่กล้า!” ปลายสายบอกน้ำเสียงเครียด
ศศริญารู้สึกผิด เพราะมัวยุ่งในหลายเรื่องเลยขาดการติดต่อกับเพื่อนรักไป ขนาดมาอาศัยอยู่ที่นี่ กัลญณัฐยังพยายามติดต่อ
“จริงเหรอ ขอโทษนะกัลเรามัวแต่ยุ่งเรื่องงานของยายเลยไม่ได้ติดต่อกัลเลย” หญิงสาวบอกเสียงเบา
“ไม่เป็นไรหรอกญา เราแค่เป็นห่วงเท่านั้น เพราะญามียายอิ่มเป็นญาติเพียงคนเดียว แต่เราเห็นญาสบายดีมีคนดูแลเราก็สบายใจแล้ว”
“ขอบใจนะที่เป็นห่วงเรา”
“ก็เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานานนี่นา....”
“ใช่ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน” เผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ญาสบายดีนะ"
“อืมเราสบายดีไม่ต้องเป็นห่วงหรอก... แล้วกัลรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่” ถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“อ๋อ วันงานเราเห็นคุณธานุภาพ เราจำหน้าเค้าได้เค้าเป็นนักธุรกิจชื่อดังมากเลย เราก็เลยเดาว่าน่าจะอยู่ที่นี่” กัลญณัฐไขข้อข้องใจเพื่อนสาว
“ขอบคุณนะกัล ที่ตามหาญาจนได้”
ปลายสายสงสัย เหตุใดศศิรญาถึงไปอาศัยอยู่ในบ้านเศรษฐีได้
“แล้วญา ไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ยังไง”
ศศิรญาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะเล่าก็คงยาว ต้องหาเวลาเหมาะๆ ติดต่อกันอีกที
“เรื่องมันยาวน่ะกัล เอาไว้เราเล่าให้ฟังทีหลังนะ”
“ก็ได้ ญา... เราจะเข้าไปเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ จะเรียนต่อโทพอดี เราได้ทุน เอาไว้เราลงไปกรุงเทพเมื่อไหร่เราจะแวะไปหานะ”
หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อทราบข่าวดีของเพื่อน “ได้สิ ดีใจด้วยนะกัล”
“งั้นกัลไม่กวนแล้วนะญา บายจ้ะ”
“บายจ้า”
ศศิรญาวางโทรศัพท์จากเพื่อน รู้สึกดีใจกับเพื่อนที่สามารถสอบชิงทุนและเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เมื่อนึกถึงตัวเองแล้วศศิรญารู้สึกเศร้าใจอยู่ลึกๆ เมื่อตัวเองไม่ได้เรียนต่อดั่งใจหวัง บางครั้งศศิรญานึกน้อยใจในโชคชะตา มันช่วยไม่ได้ คนเราเกิดมามักมีอะไรไม่เท่ากันอยู่แล้ว
“หนูญา” ศศิรญาหันไปตามเสียงเรียก
“ค่ะ” หล่อนขานรับเมื่อจำได้ว่านี้คือเสียงของธานุภาพ
“ใครโทรมาเหรอเมื่อกี้พ่อเห็นคุยโทรศัพท์ตั้งนานสองนาน....”
หญิงสาวอึกอักกับคำถาม เกรงใจคุณท่าน เพื่อนดันโทรเข้ามาในบ้านเสียด้วย
“เออ… เพื่อนค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ที่ญาไม่ได้ขออนุญาตก่อนน่ะค่ะ เพราะญาเองก็ไม่ทราบว่าเพื่อนจะโทรเข้ามาที่บ้าน” หลุบตามองพื้นด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรๆ” ธานุภาพร้องออกมาพร้อมโบกมือ“ พ่อเห็นญาหงอยๆ มีเพื่อนคุยน่ะดีแล้วลูก” ธานุภาพมองหน้าหญิงสาวยิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน “หนูญาพ่อมีเรื่องอยากจะคุยกับหนูสักหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ?” หญิงสาวรู้สึกสงสัย
“พ่อขอถามก่อนแล้วกันว่าญาอยากทำงานไหม?”
“อยากค่ะ” คนถูกถามตอบกลับน้ำเสียงตื่นเต้น
“งั้น พ่อจะให้ญาไปทำงานที่บริษัทพ่อดีไหม”
“ทำได้หรือคะ” หล่อนหวาดหวั่นใจ เกรงว่าเขาจะหาเรื่องอีก
“ได้สิ พ่อจะให้ญาเป็นเลขาของเจ้าธานต์”
ศศิรญาหุบยิ้มของตนเองลงทันที แม้อยากทำงานก็จริง แต่ถ้าต้องทำงานกับเขาผู้ชายที่ดูถูกกันได้ทุกเวลา มองเห็นหญิงสาวราวกับหนอนก็ไม่ปาน จาบจ้วง ฉวยโอกาส โอ้ย! สารพัดจะบรรยายความร้ายกาจ เรียกง่ายๆ ว่าเทพบุตรในคราบซาตานเลยก็ว่าได้
“เออ… ญาว่าไม่ดีมั้งค่ะ”
“ทำไมไม่ดีล่ะ ยังไงหนูญาก็จะต้องแต่งงานกับเจ้าธานต์อยู่แล้ว ถ้าหนูญาไปเป็นเลขาเจ้าธานต์ จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นไงลูก...” ธานุภาพพยายามอธิบาย
“มันไม่ใช่ทำความรู้จักนะสิคะ มันจะเป็นกัดกันมากขึ้นเสียมากกว่านะสิ!” ศศิรญาคิดในใจ
“คือว่า คุณธานต์เค้าไม่ค่อยชอบญาสักเท่าไหร่หรอกนะคะ ถ้าญาไปทำงานกับเข าบางทีเขาอาจจะทำงานไม่ได้เลยก็ได้นะคะ” ศศิรญาพยายามหาขอแก้ตัว ให้ตนเองไม่ต้องทำงานกับผู้ชายที่เกลียดหล่อน
“นั่นแหละ! ยิ่งทำให้หนูญาต้องไปทำงานกับเจ้าธานต์มัน” ชายชรายังคงยืนยันความคิดตนเอง
หล่อนอยากจะปฏิเสธ แต่เห็นสีหน้าของธานุภาพแล้วทำไม่ลง
“ก็ได้ค่ะ”
“โอเค ตกลงตามนี้นะหนูญา เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับเจ้าธานต์มันให้นะ” เขาบอกแล้วเลื่อนรถเข็นออกนอกห้อง
ในอกหญิงสาวสั่นสะท้านขึ้นมา ดูเหมือนคุณท่านไม่รู้อะไรเลย ลูกชายท่านทำอะไรไว้ ปากเขายิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก หล่อนกลัวต้องเจอความวุ่นวาย การกระทำร้ายๆ มันอาจหนักข้อกว่าที่เจอเมื่อคืน ไม่รู้จะทนแบกรับได้ขนาดไหน จนถึงตอนนี้หล่อนต้องภาวนาคำว่าอดทนตลอดเวลา ผู้ชายคนนั้นทำให้หล่อนกลัวมากจริงๆ