บทที่ 8 บุคคลอันตราย

1139 คำ
ร่างบางรีบควานหาสร้อย ต้องเจอให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาต้องหาว่าเป็นขโมยแน่ ยิ่งหายิ่งไม่พบทำอย่างไรดี หล่อนรู้สึกร้อนๆหนาวๆ ชอบกล เพราะมีสายตาเขาจ้องมองอยู่ เกร็งไปหมดแล้ว ระแวงด้วย ทำไมเขาจะต้องมาเอาเวลานี้ หล่อนน่าจะรีบลงมาหาตั้งแต่แรก “เจอหรือเปล่า?” เขาถามเสียงเข้ม “ยังไม่เจอเลยค่ะ...” ศศิรญาหันไปตอบ ชายหนุ่มยิ้มเยาะ “งั้นแสดงว่าเธอโกหกนะสินะ” “เปล่านะค่ะ ญาไม่ได้โกหก!” หญิงสาวรีบปฏิเสธ “แน่ใจเหรอว่าสร้อยหาย ไม่ใช่ลงมาสำรวจว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง” เขากระตุกยิ้มมุมปาก เหมือนต้องการหาเรื่องให้อีกฝ่ายจำนน มือบางกำแน่นเพื่อข่มอารมณ์ “สร้อยญาหายไปจริงๆ ค่ะ” เขายักไหล่แสดงท่าทีไม่สนใจต่อคำพูด “ฉันเดินเข้ามาในนี้ฉันยังไม่เห็นเลยว่ามีสร้อยตกอยู่ที่นี่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงได้เอาเธอมาชุบเลี้ยงแบบนี้ ไม่กลัวบ้างหรือไงว่าเธอจะขโมยของในบ้าน มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นของแพงๆ บางทีอาจจะอยากได้ก็ได้!” เขาสบประหม่า แล้วยิ้มเหยียดแล้วมอง หญิงสาวกัดฟันแน่น ทำไมถึงได้พูดจาแบบนี้ออกมา หล่อนไม่เคยคิดทำอะไรแบบนั้นเลยสักนิด ทั้งๆ ที่หล่อนมาอยู่ที่นี่เพราะบิดาเขายินดีต้อนรับ ไม่เคยมีความตั้งใจมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก ของสักชิ้นในบ้านไม่เคยหยิบเลย แถมเขาก็ไม่ได้เห็นหล่อนกำลังขโมยของสักหน่อย กล้าดียังไงมาพูดจาดูถูกคนอื่นแบบนี้ ต่อให้ถูกบังคับให้แต่งงานกัน แล้วเขาโกรธ แต่ก็ไม่ควรมาพูดจาทุเรศแบบนี้ ดวงตาเรียวตวัดเผลอตวัดขึ้นมองด้วยความไม่พอใจ “มองทำไมมิทราบ!” เขาถามเสียงลั่น “เปล่าค่ะ” ตอบเลี่ยง หล่อนจำต้องเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองภายในเอาไว้ ไม่อยากมีปัญหาให้คุณท่านไม่สบายใจ “ฉันขอเตือนศศิรญา อย่าได้หวังอะไรจากฉัน ที่ฉันยอมแต่งงานกับเธอเพราะพ่อบังคับ แล้วฉันจะบอกอะไรให้อีกอย่างคนอย่างฉันแต่งได้ก็หย่าได้!” มือกำแน่นพยายามระงับความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่าน หล่อนไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ไม่อยากทนแม้แต่วินาทีเดียว ยังไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เขากลับเอาแต่ต่อว่าถากถางดูถูกต่างๆ นานา แล้วทำไมต้องมานั่งทนกับสถานการณ์ที่หล่อนไม่ได้เป็นคนเริ่มมันขึ้นมาด้วยเล่า โทสะเข้าครอบงำตวัดสายตามอง “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกันค่ะ ที่คุณมีทุกอย่างจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะพ่อของคุณ แต่แทนที่คุณจะทำให้ท่านสบายใจกลับเที่ยวไปควงผู้หญิงที่ทำให้ท่านต้องปวดหัว ความจริงการศึกษาคุณก็สูง แต่ทำไมรสนิยมคุณต่ำจังคะ!” หญิงสาวตอกกลับเขาอย่างเจ็บแสบ “เธอ!” เขาตวาดกร้าว คนโดนต่อว่าโมโหจนระงับตัวเองไม่อยู่ หล่อนช่างกล้านัก! แค่มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันกล้าต่อปากต่อคำกับเขา ไม่มีสำนึกเลยหรือไงว่าอยู่ในบ้านของใคร เป็นแค่ผู้อาศัยทำปากเก่งดีนัก เห็นทีต้องสั่งสอนให้สำนึกแล้ว ศศิรญามองดูสีหน้าเขาด้วยความหวาดกลัว หล่อนพลาดไปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจมันเป็นเพราะความโกรธแค่นั้น ร่างบางรีบลุกขึ้นพยายามเดินหนี แต่มือหนากลับคว้าเอวบางไว้ก่อนเหวี่ยงลงไปบนโซฟา “ว้าย!” หล่อนกรีดร้องพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น “ปากดีนัก! ปากเก่งให้ตลอดก็แล้วกัน มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันกล้ามาสั่งสอนคนอย่างฉัน เธอคิดว่าคนอย่างฉัน ไม่กล้าทำอะไรเธอหรือไงฮะ!”เ ขาตวาดกดตรึงร่างบางไว้บนโซฟา กายสั่นเทาด้วยความกลัว แต่ก็แสร้งเชิดหน้าเพื่อไม่ให้เขารังแกได้อยู่ฝ่ายเดียว “คุณมันก็ดีแต่รังแกผู้หญิง!” “นี่ยังไม่เรียกว่ารังแกหรอก ถ้ารังแกมันต้องแบบนี้!” ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างบางผลักไสดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่เขากลับรวบมือไว้  ใช้อีกมือที่ยังคงว่างอยู่บีบปลายคางเพื่อควานหาความหวานจากริมฝีปาก  “อื้อ!” หญิงสาวยังคงไม่ยอมเปิดปากออก ชายหนุ่มเพิ่มแรงบีบจนอีกฝ่ายจำต้องตอบสนอง ธานต์เมธาได้จังหวะสำรวจความหวานจนพอใจ ไม่นานเขาถอนริมฝีปากออกมา ก้มลงมองหน้าหญิงสาว แล้วยิ้มเยาะออกมาด้วยความสะใจ “ทีหลังอย่าได้มาปากดีกับฉันอีก! หัดสำนึกซะบ้างว่าตัวเองเป็นใครมีสิทธิ์อะไรในบ้านหลังนี้ ความจริงฉันไม่เคยคิดจะแตะเธอเลยด้วยช้ำ แต่วันนี้ฉันได้ลองแล้วก็รู้สึกว่าเธอก็พอใช้ได้นะ เอาไว้เราแต่งงานกัน ฉันจะให้เธอเป็นเมียฉันไปพลางๆ แล้วเราค่อยหย่ากันดีไหม” ผละห่างแล้วหัวเราะลั่นกับการกระทำของตนเอง ก่อนเดินออกจากให้หลังจากทำโทษคนตัวเล็กเรียบร้อย ศศิรญาสะอื้น ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายแบบนี้ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนต่อว่ากันก่อนชัดๆ กลับเอาแต่โทษว่าหล่อนเป็นคนผิด แล้วต้องยอมหรือไง ยอมให้ด่าทอต่อว่าต่อขานเพียงฝ่ายเดียวอย่างนั้นหรือ? ช่างเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจ จาบจ้วงหยาบคายเสียจริง หล่อนไม่อยากทนเลย  “ฉันจะทำให้เธออยู่ที่นี่แทนไม่เป็นสุขเลยศศิรญา!” ธานต์เมธาเข่นเขี้ยว ยกมือปาดน้ำตาลุกขึ้นจากโซฟา ยังหาไม่พบไม่เป็นไร พรุ่งนี้มีแสงสว่างค่อยมาอีกครั้งดีกว่าอยู่ตรงนี้แล้วถูกรังแก กลับขึ้นห้องนอน ทิ้งกายลงบนเตียง โชคชะตาของหล่อนช่างน่าตลกเหลือเกิน ไม่รู้วันหน้าจะร้ายหรือดี แต่ตอนนี้.... หล่อนเริ่มรู้สึกหวั่นใจ พลิกกายหลายครั้ง ความกังวลถาโถม ความกลัวเข้าแทรก หล่อนกลัวว่าเขาจะแผลงฤทธิ์ แล้วถ้าหากนานไปมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เวลานี้หล่อนเองก็รู้สึกโดดเดียวเหมือนตัวคนเดียวอยู่แล้ว หากเวลานี้ได้นอนอยู่ที่บ้านตนเองโดยที่มียายอยู่ด้วยมันคงจะดีไม่น้อยเลย ยิ่งคิดน้ำตาพาลไหล กัดริมฝีปากเพื่อกล้ำกลืน ไม่อยากร้องไห้เสียใจ เพราะนี่คือการตัดสินใจของยาย ที่ฝากฝังหล่อนไว้กับคุณท่าน ถ้าหากหล่อนเสียใจกับการได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ เท่ากับว่าตนเองกำลังตำหนิยายอยู่ เตือนตนเองอย่ากังวล อย่างน้อยคุณท่านก็ยังอยู่ หากมีอะไรคงพอช่วยเหลือได้ทันการณ์ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม