พริ้มเพราหน้าเปลี่ยนสี มองกำไลตัวเองแล้วอยากดึงไปปาหัวหมาเล่น “อ้อ...ค่ะ คงงั้นมั้งคะ” ตอบพลางฝืนยิ้มขำๆ แม้ว่าในใจกำลังเดือดพล่าน เฌอริณเช็คความเรียบร้อยกับกระจกเงาจนพอใจ แล้วหันมาหาพริ้มเพราอีกรอบ ริมฝีปากคู่งามบิดเบ้นิดๆ ราวกับรังเกียจสิ่งที่เห็น “ชุดเปื้อนอย่างนี้แย่จริงๆ ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะคะ ไว้มีโอกาสริณจะตอบแทนคุณพริ้มแน่นอน ขอบคุณจริงๆ” เอ่ยราวกับนางเอกผู้จิตใจดีมีเมตตา ทั้งที่สะใจยามเห็นอีกฝ่ายมีสภาพอย่างนั้น “ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าบอสอยู่ที่นี่ก็คงสั่งให้ฉันทำเหมือนกัน คุณริณเป็นเหมือนหน้าตาของบริษัท คุณช่วยเราฟรีๆ ไม่เอาค่าตัวสักบาท แล้วฉันจะถือเป็นบุญคุณได้ยังไงละคะ” เหน็บเบาๆ แล้วยิ้มใสซื่อ ทำไมเฌอริณต้องทำเหมือนข่มกันด้วยล่ะ รู้ทันนะยะแม่นางเอก เฌอริณคอแข็งขึ้นมา “ก็มาร์เป็นเพื่อนนี่คะ” “อืม...จริงด้วย เป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสินะ น่าดีใจแทนบอสจริงๆ ที่มี เพื่อนดีๆ อย่างค