“ขอยืมสักตัวนะคะ ยืมแล้วไม่คืนด้วย” พูดกับตัวเองแล้วดึงเชิ้ตขาวออกมาหนึ่งตัว เธอทำอย่างรีบเร่ง พอเสร็จก็ก้าวมายืนที่หน้าเตียง แลเห็นบางอย่างกองอยู่บนพื้น เสื้อสูทสินะ นั่นคือเสื้อสูท มีอะไรโผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วย คุณพระ! นั่นแว่นของเธอ
“โอย...รอดตายแล้วนังพริ้ม”
พริ้มเพรายินดียิ่งกว่าถูกหวย แว่นสายตามาประดับอยู่บนหน้าเธอแล้ว ว่าจะรีบเผ่นแต่อดใจไม่ไหว ขอดูหน้าผู้ชายบนเตียงหน่อยเถอะ ปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้นะ ถึงจะเมาแค่ไหนก็จำได้ว่าเมื่อคืนไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง แต่พอเป็นไวน์แพงๆ ต้องไวน์เท่านั้น จิบไวน์ปุ๊บ ภาพตัดปั๊บ อย่าหวังว่าเธอจะจำได้เลย
นิ้วเรียวค่อยๆ คีบชายผ้านวม ดึงมันลงมาเพื่อเผยใบหน้าคนที่ยังหลับอยู่ แล้วหัวใจก็ได้เต้นแรง ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นอะไร แต่มันโล่งใจมากกว่า
“เฮ้อ...ขวัญเอ๊ยขวัญมานะพริ้มเพรา คนเดิมว่ะคนเดิม” มือน้อยตบอกเบาๆ ถอยหลังไปครึ่งก้าวแล้วเท้าเปล่าเปลือยก็เหยียบกรอบรูปเข้าให้ เธอก้มลงไปดู หยิบกรอบรูปขึ้นมา “อ๊ะ!”
เคล้ง!
กรอบรูปหล่นลงอีกรอบ พริ้มเพราสะบัดมือแรงๆ และเสียงของแตกก็ทำให้คนหลับฟื้นตื่น หัวหูเขายุ่งเหยิง มองมาที่พริ้มเพราเหมือนจะยิ้มน้อยๆ ทว่าพอมองเห็นกรอบรูปบนพื้นที่แตกเป็นเสี่ยง รอยยิ้มนั้น...ก็หายไป
พริ้มเพราใจคอไม่ดี ก้มมองรูปแล้วใจหาย สตรีนางหนึ่งในรูปกำลังส่งยิ้มละไมให้เธอ เจ้าหล่อนสวยมาก สวยพอๆ กับสตรีอีกคนที่อยู่ในรูปบนโต๊ะ พวกหล่อนเป็นใคร สำคัญกับมาร์คินแค่ไหน เขาจึงได้ตั้งรูปของทั้งสองไว้ข้างเตียงเช่นนี้
“ออกไป”
“คะ?”
“ออกไปก่อนพริ้มเพรา” เขาสั่งเสียงเรียบเย็นอย่างที่พริ้มเพราไม่คุ้นเคย ลุกมาเก็บเอากรอบรูปที่แตกในชุดที่มีผ้านวมพันครึ่งร่างไว้ หน้าตาเขาไม่ได้บึ้งตึงแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม พริ้มเพราดูออกว่าเขากำลังไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้ทำแตกนะ มันแตกตั้งแต่แรก”
เธอร้องขอความบริสุทธิ์ มาร์คินคงเข้าใจไปแล้วว่าเธอทำแตก
“หยุดพูดแล้วช่วยออกไปทีเถอะ ขอร้องล่ะ!”
น้ำเสียงไร้เยื่อใยยิ่งทำให้พริ้มเพราใจเสีย เขาไม่ได้ตะคอกตวาดแต่เธอกลับเข้าใจทุกอย่างอย่างชัดเจน
“นี่โกรธจริงๆ ใช่ไหม!”
“ไม่ได้โกรธ” เขาเถียงแต่ไม่ยอมสบตา ไม่ยอมมองหน้า
พริ้มเพราเข้าใจดี เข้าใจว่าระหว่างเธอกับคนในรูป คงไม่ใช่เธอที่สำคัญกับเขา และมันน่าน้อยใจชะมัด
“จะโกรธอะไรนักหนา แค่กรอบรูปแตก แตกก็ซื้อใหม่สิ ทำไมต้องมึนตึงแบบนี้ด้วย ตาบ้าเอ๊ย!” คนสวยหน้าบึ้งหน้าบูด ด่าเขาว่าตาบ้าให้หนำใจ ช่างสิ วันนี้วันหยุด เขาไม่ใช่เจ้านายเธอสักหน่อย สำนึกดีๆ มีไหมล่ะ นี่คือสิ่งตอบแทนหลังจากที่ตักตวงจากเธอจนอิ่มเปรมหรือ ถ้าร่างกายปวดเมื่อยขนาดนี้เธอคงรับศึกหนักไปหลายยกแน่ๆ ไอ้คนเฮงซวย ไปตายซะ!
พริ้มเพราแลหากระเป๋าถือ พอเจอก็รีบเผ่น เธอหันซ้ายแลขวาเมื่อออกมาจากห้องเขา ให้ตายเถอะ มีใครอยู่ที่นี่บ้าง จะมีใครเห็นเธอในสภาพนี้หรือเปล่า ดูสิ ไม่บอกก็รู้ว่าเมื่อคืนเธอไปทำอะไรมา
“บันได บันไดอยู่ไหนวะ!” ถามตัวเองแล้วย่องไปตามทาง มีบันไดขนาดใหญ่ทอดลงสู่เบื้องล่าง แว่วเสียงคนคุยกันยิ่งทำให้พริ้มเพราต้องรีบวิ่งลงไป วิ่งลงบันไดเร็วๆ แต่ฝีเท้าเบายิ่งกว่าแมวขโมย “รองเท้า รองเท้าอยู่ไหน!” ถามหารองเท้าที่น่าจะถอดไว้ที่ไหนสักแห่ง บนห้องไม่มี แสดงว่ามันต้องอยู่ข้างล่างนี่ล่ะ
“รองเท้าๆ รองเท้าอยู่ไหนมาหาแม่มาลูก” เรียกหารองเท้าส้นสูงราวกับมันเป็นสัตว์เลี้ยง เธอได้รองเท้าข้างขวาที่ข้างบันได ส่วนอีกข้างนั้น...
“อะแฮ่ม! หานี่อยู่หรือ”
พริ้มเพราใจหายวาบ ใครถามเธออยู่ข้างหลัง แล้วทำไมเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน
“แม่ครับ? นั่นใคร”
“เอ่อ...เพื่อนพี่เขาน่ะลูก”
พริ้มเพราอยากจะร้องไห้ ชัดเลย นั่นมณีนุช มณีนุชกับลูกชายอยู่ที่นี่ด้วยหรือ
“เธอๆ ฉันถามได้ยินไหม”
พริ้มเพราก้มหน้างุด หันไปหาคนถาม กลิ่นกาแฟโชยเข้าจมูกชวนให้เธอตื่นเต็มตา พยายามเอาผมยาวๆ ปิดบังใบหน้า มือข้างหนึ่งยังกำแน่น มีความปวดตุบๆ เกิดขึ้นที่ปลายนิ้วชี้บ้างแล้ว
“ได้เงินแล้วใช่ไหม”
“คะ?” เธอขานตอบแบบงงๆ เงินหรือ เงินอะไรล่ะ
“ค่าตัวไงหนู แปลกจริง ปกติมาร์ไม่พาผู้หญิงมาที่บ้าน แต่ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเขาต้องจ่าย ได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้ ฉันจะ...”
“ไม่ค่ะ! ไม่เอา ฉันไม่ใช่...”
พริ้มเพราเงยหน้าขึ้นมาชี้แจง ผมเผ้าอันกระเซิงถูกรวบไว้ด้วยมือข้างซ้าย
มณีนุชแทบสำลักกาแฟที่กำลังจิบ “ไม่จริงใช่ไหม นั่นเธอเหรอ?”
พริ้มเพราอยากจะร้องไห้ แลเห็นมณีนุชมองมาหน้าตื่น ข้างกันมีร่างกลมป้อมของเด็กชายวัยไม่เกินห้าขวบ น่าจะเป็นลูกชายของหล่อนกระมัง เด็กนั่นมีรองเท้าส้นสูงของเธออยู่ในมือ และกำลังแกว่งเล่นอย่างสนุก
“ขอรองเท้าได้ไหมจ๊ะ” เธอร้องขอ เด็กน้อยเงยหน้ามองมารดา พอมารดาพยักหน้าก็เดินเอารองเท้ามาส่งให้ “ขอบคุณครับสุดหล่อ” เธอยิ้มให้เด็กน้อย เขาหน้าตาน่ารัก มองเผินๆ ก็คล้ายมาร์คินมากอยู่