เช้าตรู่วันต่อมาคุุณชายเหอก็ต้องตื่นแต่เช้าด้วยเสียงคนตัวเล็กที่ตื่นมาอาเจียนเช่นทุกที แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วอาการของเขาก็ยังไม่ทุเลาลงไปแม้แต่น้อย ยาที่ได้รับจากหมอประจำตระกูลไปก่อนแต่งงานนั้นก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย ที่สุดแล้วเขาก็ยังคงมีอาการเช่นนี้อยู่ดี แม้ว่าหยางจิวเมิ่งจะเริ่มชินชากับอาการที่เป็นอยู่ แต่คนที่เพิ่งได้เห็นอาการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเป็นครั้งแรกเช่นคุณชายเหอกลับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
"ลำบากเจ้าแล้ว"
เหอจิ้นเค่อกล่าวอย่างรู้สึกผิดกับคนตัวเล็กตรงหน้านั่งลงพักอย่างอ่อนแรงหลังจากอาเจียนเสร็จ นึกโทษตัวเองที่ทำให้อีกคนต้องลำบากมากเช่นนี้ เวลานี้ที่เขาทำได้เพียงแค่ช่วยตามหมอประจำตระกูลมาตรวจดูอาการให้ร่างบางเท่านั้น
"ท่านหมอเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมเขาจึงแพ้ท้องหนักนัก"
"อาจเป็นเพราะฮูหยินน้อยมีความเครียดและความกดดันมากไปน่ะขอรับคุณชาย เอ่อฮูหยินน้อยท่านต้องผ่อนคลายความกังวลลงหน่อยนะขอรับ อาการแพ้ท้องจะได้เบาบางลงบ้าง ที่สำคัญคือต้องพยายามทานอาหารให้มากขึ้น ร่างกายท่านตอนนี้อ่อนแออย่างมากหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจเป็นอันตรายกับเด็กในครรภ์ได้"
"แต่เขาทานอะไรไม่ค่อยได้เลย ทานได้ไม่เท่าไหร่ก็อาเจียนออกหมด" เหอจิ้นเค่อกล่าวอย่างรู้สึกกังวลไม่แพ้กัน นับตั้งแต่เขาสังเกตอาการของหยางจิวเมิ่งมาไม่ว่าทานของอะไรเข้าไปสุดท้ายล้วนอาเจียนออกแทบหมด วัน ๆ หนึ่งร่างบางทานได้ไม่กี่อย่างและแต่ละอย่างก็ทานได้น้อยมากดูไม่เจริญอาหารเลยสักนิด
"ลองหาผลไม้รสเปรี้ยวมาช่วยดูน่าจะแก้อาการคลื่นเ**ยนได้บ้างนะขอรับ หรือจะเป็นน้ำขิงร้อน ๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการได้ดี ส่วนอาหารท่านต้องลองให้ฮูหยินน้อยทานให้หลากหลาย ค่อย ๆ หาดูอาหารที่มีประโยชน์และคนท้องสามารถรับประทานได้ อาจได้พบอาหารที่ทานได้ถูกใจโดยไม่อาเจียน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพยายามฝืนทานเข้าไปให้มากกว่านี้หน่อยนะขอรับ"
"เดี๋ยวข้าจะจัดยาบำรุงครรภ์ให้ ยานี้ทานแล้วท่านอาจจะง่วงรู้สึกอยากนอนบ่อยกว่ายาชุดเก่า แต่มันจะช่วยให้ท่านได้พักผ่อนและช่วยลดอาการแพ้ท้องลงได้มากกว่าเดิม" ท่านหมอหันมากล่าวกับร่างบางที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงเพื่อแจ้งเกี่ยวกับยาที่ต้องดื่มหลังจากนี้
"ขอบคุณท่านหมอขอรับ" ใบหน้าหวานอ่อนแรงกล่าวขอบคุณอย่างนึกเกรงใจ ด้วยท่านหมอนั้นต้องมาดูอาการเขาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเช่นนี้ หากเป็นเขายามเมื่ออยู่บ้านเดิมเช่นเมื่อก่อน คงไม่มีปัญญาตามหมอมาดูอาการถึงในบ้านได้ทุกเวลาที่ต้องการเช่นคนตระกูลเหอทำเป็นแน่
"เช่นนั้นรบกวนท่านหมอแล้ว" คุณชายเหอกล่าวกับหมอประจำตระกูลอย่างนอบน้อม ท่านหมอค้อมลงคารวะและถอยกลับออกไปจากห้องโดยส่งใบสั่งยาให้กับคนของคุณชายเหอรับไปจัดการต่อ
หลังท่านหมอกลับไปสักครู่ บ่าวรับใช้ประจำจวนก็เข้ามาให้คอยช่วยหยางจิวเมิ่งแต่งตัว เสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับฮูหยินน้อยตระกูลเหอตัดเย็บด้วยผ้าไหมชั้นดีปักลายด้วยดิ้นทองคำ ด้านในเป็นผ้าไหมเนื้อบางพิเศษที่นุ่มลื่นโปร่งสบาย แน่นอนว่าถูกสั่งตัดให้อยู่ในโทนสีฟ้าตามที่หยางจิวเมิ่งชอบ เพราะก่อนหน้านี้คุณชายเหอสังเกตมาตลอดว่าหยางจิวเมิ่งนั้นมีแต่เสื้อผ้าสีฟ้าเป็นส่วนมากเขาจึงสั่งตัดเสื้อผ้าโทนสีนี้มาให้ร่างบางมากมาย
หลังจากจัดการเรื่องในเรือนเสร็จก็ได้เวลาพาสะใภ้ใหญ่ของตระกูลไปคารวะพ่อแม่สามีในการเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านวันแรก เหอจิ้นเค่อพาหยางจิวเมิ่งออกมาห้องโถงใหญ่ของบ้านตระกูลเหอ ทุกวันคนในตระกูลเหอจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้อย่างพร้อมเพรียง
เมื่อสะใภ้คนใหม่ก้าวมาถึงในฐานะสมาชิกใหม่หยางจิวเมิ่งต้องมาคารวะผู้ใหญ่ในบ้านเพื่อฝากเนื้อฝากตัวและแสดงความกตัญญูยกน้ำคารวะพ่อแม่สามี ซึ่งท่านย่า ท่านเจ้าเมือง ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ต่างนั่งอยู่กันพร้อมหน้า เพื่อรอสะใภ้ใหญ่ยกน้ำชาให้ตามธรรมเนียม หลังจากคารวะผู้ใหญ่เสร็จฮูหยินน้อยคนใหม่ก็ได้ทำความรู้จักกับน้องๆ ของเหอจิ้นเค่อในฐานะพี่สะใภ้ เพราะพิธีแต่งงานเมื่อวานวุ่นวายนักด้วยต้องคอยรับแขกที่มากันมากมาย พวกเขาจึงยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว หลังจากการคารวะผู้ใหญ่ในบ้านเสร็จสิ้นและทำความรู้จักกับน้องๆ ทุกคนของคุณชายเหอ ก็ได้เวลารับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน
"มาๆ เมิ่งเอ๋อร์เจ้ามานั่งข้างๆ ย่านี่" หญิงชรารีบเรียกหลานสะใภ้มานั่งข้างๆ นางทันที เพื่อปกป้องจากสายตาที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรนักของลูกชายและลูกสะใภ้ของนาง แม้ว่าจะยอมให้มีงานแต่งเกิดขึ้น แต่บิดามารดาของคุณชายเหอก็ยังไม่ยอมรับสะใภ้คนนี้อยู่ดี
แม้แต่อนุภรรยาของนายท่านเหอก็ดูท่าทางจะตั้งแง่รังเกียจหยางจิวเมิ่งผู้เป็นหลานสะใภ้ของนางเช่นกัน ฮูหยินเฒ่ากางปีกป้องกันหลานสะใภ้คนโปรดอย่างเต็มที่จนบรรดาพ่อแม่ของเหอจิ้นเค่อต่างต้องกลืนคำพูดไม่ดีลงท้องไป ไม่กล้าพูดอันใดออกมาแม้ว่าจะยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก
ในครอบครัวตระกูลเหอนี้มีท่านย่าเป็นใหญ่ที่สุด ทุกคนในบ้านล้วนให้ความเคารพยำเกรง แม้อำนาจในการบริหารจัดการตระกูลจะเป็นของนายท่านเหอหรือบิดาของเหอจิ้นเค่อผู้เป็นเจ้าเมือง แต่ลูกชายมีหรือจะไม่เกรงใจมารดา นับว่าในตระกูลเหอนี้หยางจิวเมิ่งได้ผู้หนุนหลังที่ดีทีเดียว
นอกจากบิดามารดาของเหอจิ้นเค่อแล้ว ก็ยังมีแม่รองหรือฮูหยินรองผู้เป็นอนุภรรยาของนายท่านเหออีกคนที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้าน แม้ว่านางจะไม่มีบทบาทและไม่สามารถออกความเห็นใดได้ แต่ฮูหยินรองก็เป็นคนที่ไม่ควรประมาทแม้แต่น้อย ด้วยนางนั้นเป็นที่โปรดปรานไม่น้อยของนายท่านเหอ จนฮูหยินใหญ่ต้องยอมให้นางเข้ามาเป็นอนุภรรยาอย่างถูกต้อง เป็นหนึ่งในภรรยาของท่านเจ้าเมืองอีกคน
ส่วนพี่น้องของเหอจิ้นเค่อนั้นเขามีพี่น้องร่วมบิดาอีกสามคนด้วยกัน
คนแรกคือคุณชายเหอจิ้นเหอ ผู้เป็นคุณชายรองของตระกูลบุตรชายคนรองที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ ท่าทางใจดีและร่าเริง ดูเป็นมิตรมากกว่าคุณชายเหอผู้เป็นพี่ชาย แม้คุณชายใหญ่จะสุภาพอ่อนโยน แต่ก็ยังดูเป็นคนนิ่งเงียบมากกว่าจนบางครั้งคาดเดาได้ยากว่าคิดอะไรอยู่
คนที่สองคือคุณหนูเหอจิ้นชิง ลูกสาวคนที่สามเกิดจากฮูหยินใหญ่เช่นเดียวกับคุณชายใหญ่และคุณชายรอง นางเป็นลูกสาวคนเดียวที่เป็นแก้วตาดวงใจของบิดามารดา คุณหนูผู้นี้เองก็สดใสน่ารักและดูท่าทางเป็นมิตรกับจิวเมิ่งเช่นกัน
คนที่สามคุณชายเหอจิ้นเล่อ ลูกชายคนเล็กของตระกูลผู้เกิดจากอนุ แม้หน้าตาหล่อเหลาแต่ท่าทางเขาดูเย็นชา ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก คุณชายเล็กเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและเป็นคนนิ่งจนอ่านยากว่าในใจคิดอะไรอยู่กันแน่
"พี่สะใภ้ เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่ เมื่อเช้าข้าเห็นท่านหมอมาแต่เช้าท่านเจ็บป่วยหรือ" คุณชายรองหาเรื่องชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเช้านี้เงียบเงาเกินไปนัก
"เอ่อคือ"
"เมิ่งเอ๋อร์แพ้ท้องหนักมาก ข้าจึงตามท่านหมอมาดูหน่อยน่ะ"
"อ่อเช่นนั้นเอง"
"เป็นอย่างไรบ้างพี่สะใภ้ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่หรือไม่" คุณหนูสามถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเล็กๆ เพราะเห็นสีหน้าของพี่สะใภ้นางดูซีดเซียวนัก
"ไม่ขอรับคุณหนูสาม ขอบคุณที่เป็นห่วง ข้าเพียงอ่อนเพลียไปหน่อยเท่านั้น"
"คุณหนูสามอะไรกันเรียกข้าว่าอาชิงเถอะ ว่าแต่ท่านไม่เป็นอะไรแน่นะพี่สะใภ้" จิ้นชิงกล่าวอย่างเป็นกันเองและยังคงเป็นห่วงอยู่ดีเพราะดูหยางจิวเมิ่งจะยังไม่กล้าพูดจาอะไรมากนักเหมือนมีเรื่องปกปิดและลำบากใจ
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ขอรับ"
หยางจิวเมิ่งยังคงปฏิเสธไปเพราะเกรงว่าจะทำให้ทุกคนเสียบรรยากาศ เพราะเริ่มเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจของนายท่านเหอ ฮูหยินใหญ่ และฮูหยินรอง ที่มีท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก เรื่องของเขาคงไม่สำคัญมากมายที่จะให้ทุกคนมาซักถามกันให้มากความเช่นนี้
"เมื่อคืนเจ้าเป็นลมเกือบหมดสติไป" คุณชายเหอกล่าวขึ้นขัด เมื่อเห็นหยางจิวเมิ่งบ่ายเบี่ยงไม่บอกเล่าอาการให้ทุกคนทราบ เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและไม่ชอบการโกหก อีกทั้งต้องการให้ทุกคนได้ทราบว่าหยางจิวเมิ่งลำบากเพียงไหนโดยเฉพาะบิดามารดาเขาที่ยังตั้งแง่รังเกียจเด็กผู้นี้ อย่างน้อยหากพวกท่านทราบว่าหยางจิวเมิ่งลำบากเพื่อทายาทตระกูลเหอแค่ไหนพวกท่านอาจจะรู้สึกเมตตาสงสารร่างบางขึ้นบ้าง
"ไอ่หย๋า เป็นอะไรมากหรือไม่ ท่านหมอว่าอย่างไรบ้าง" กลายเป็นว่าคนที่ตกใจและเห็นใจหยางจิวเมิ่งก่อนใครกลับเป็นท่านย่าเช่นเคย เมื่อท่านย่าได้ฟังก็ตกใจนักนึกเป็นห่วงหลานสะใภ้และเหลนในท้องอย่างมาก ขณะที่บิดามารดาเขาต่างนิ่งเงียบไม่รับรู้ไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้นและยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงเช่นเดิม
"เอ่อท่านย่าขอรับ ข้าไม่เป็นอะไรมากขอรับ เมื่อวานข้าเพียงแค่แพ้ท้องมากไป จึงอาเจียนทั้งวันน่ะขอรับ" หยางจิวเมิ่งรีบกล่าวก่อนที่จะทำให้ท่านย่าเป็นห่วงมากไป ด้วยเห็นว่าท่านย่าสูงอายุมากแล้วการวิตกกังวลเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะทำให้ท่านเสียสุขภาพเสียเปล่า ๆ
"เมื่อวานทั้งวันเขาทานเพียงโจ๊กเปล่าไปถ้วยเดียวเองขอรับท่านย่า เช้ามาก็อาเจียนจนหมด ข้าเห็นว่าอาการไม่ค่อยดีจึงรีบตามท่านหมอมาดูน่ะขอรับกลัวว่าจะทรุดไปเพราะไม่ได้กินอิ่มมาหลายวันแล้ว"เหอจิ้นเค่อกล่าวด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย
"หึกะอีแค่แพ้ท้องพวกเจ้าจะตื่นเต้นอะไรนักหนา ข้าท้องเจ้าสามคนก็เป็นเช่นนี้มิเห็นจะเป็นอะไร ทำตื่นตูมกันไปได้" ฮูหยินใหญ่ที่ไม่ค่อยชอบลูกสะใภ้คนนี้อยู่แล้วได้ยินได้ฟังความเป็นห่วงที่ทุกคนให้ความสนใจร่างบางก็นึกหมั่นไส้ อย่างไรเสียนางก็ยังไม่ยอมรับสะใภ้ชายคนนี้อยู่ดีเพราะทำให้ลูกชายนางต้องชื่อเสียงมัวหมอง
"นั่นสิเรื่องธรรมดาน่ะเจ้าคะท่านแม่ ท่านก็อย่าเป็นกังวลกับเด็กนักเลย เขายังอายุน้อยแพ้ท้องเพียงเท่านี้จะเป็นไรไป"ฮูหยินรองได้ทีรีบช่วยเสริม เพราะเห็นว่าฮูหยินใหญ่และนายท่านเหอไม่พอใจลูกสะใภ้ผู้นี้นัก นางเป็นพวกรู้อยู่รู้กินหากสามีไม่ชอบแล้วตนเห็นแย้งคงจะอยู่ได้ยาก
ก่อนที่จะเกิดสงครามย่อมๆ เพราะท่านย่าเริ่มไม่พอใจกับคำพูดของสะใภ้ทั้งสอง อาหารเช้าก็ถูกยกเข้ามาพอดี ทุกคนจึงหันไปสนใจกับอาหารที่เข้ามาแทน ด้วยท่านย่าไม่ยากจะทะเลาะกับสะใภ้ตนเองให้เสียอารมณ์แต่เช้า ทำลายฤกษ์งามยามดีไปเสียเปล่า ๆ ขณะที่คุณชายเหอเองก็ไม่อยากพูดเรื่องราวนี้ต่อให้มากความ ทั้งสองจึงหันมาดูอาหารให้หยางจิวเมิ่งได้รับประทานเพื่อบำรุง
"น่าสงสารนัก เจ้าผอมมากไปแล้วรู้หรือไม่ คงลำบากไม่น้อย มาๆ ทานข้าวเยอะๆ นะลูก เหลนย่าจะได้แข็งแรง" ท่านย่าลูบไหล่บางอย่างเอ็นดู ก่อนส่งสัญญาณให้หลานชายดูแลตักอาหารให้ร่างบาง ที่กำลังนั่งเหมือนทำตัวไม่ถูกเพราะเมื่อกี้เกือบเกิดสงครามขึ้นเพราะตัวเอง
เหอจิ้นเค่อรีบตักอาหารให้ภรรยา เขาเลือกตักปลานึ่งซีอิ๊วให้ร่างบางเพราะเห็นว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่ายแต่ร่างบางนั้นกลับรู้สึกเหม็นปลาจนอยากอาเจียนแต่ด้วยเกรงจะทำให้เสียบรรยากาศจนทำให้พ่อแม่สามีโกรธกริ้วเขาจึงพยายามอดทนเอาไว้ คุณชายเหอยังคอยดูแลตักอาหารต่างๆ ให้ร่างบางชิมทีละอย่างเรื่อยๆ ตลอด อาหารถูกตักถูกคีบใส่จานให้เขาหลายอย่างจนเต็ม
"เอ่อ..พอแล้วขอรับ ขอบคุณขอรับคุณชายเหอ" หยางจิวเมิ่งรีบปรามเพราะรู้ดีว่าระยะนี้ตนทานอาหารได้ไม่มากนัก
"เหตุใดเรียกคุณชายเหอเล่าพี่สะใภ้" คุณชายรองของตระกูลกระเซ้าเย้าแหย่พี่สะใภ้คนใหม่เล่น เหอจิ้นเหอเห็นท่าทีของทั้งสองคนที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยสนิทกัน เขาจึงคิดหาทางช่วยพี่ชายอยู่กลายๆ
"นั่นสิ เรียกท่านพี่สิลูก" ท่านย่าได้ทีรีบเสนอให้ร่างบางเรียกสามีตามธรรมเนียมเพื่อความเหมาะสม คนได้ฟังทำได้แค่หน้าแดงก้มหน้ามองข้าวอย่างไม่กล้าสบตานัก ก่อนจะยอมเอ่ยตามที่ท่านย่าบอกเพราะไม่อาจขัดที่ผู้ใหญ่สอนสั่ง
"เอ่อ ขอบคุณขอรับท่านพี่" จิวเมิ่งจึงยอมเรียกอย่างเสียไม่ได้ด้วยเกรงใจท่านย่า แม้จะไม่คุ้นชินนักและนึกกระดากปากเล็กน้อยที่ต้องเรียกผู้อื่นเช่นนี้
ขณะที่คุณชายเหอแอบยกยิ้มด้วยความพอใจ หากไม่ใช่น้องชายและท่านย่าจัดการให้หยางจิวเมิ่งคงไม่มีวันยอมเรียกเขาว่าท่านพี่เป็นแน่ สุดท้ายเมื่อชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย แต่อาหารที่ร่างบางสามารถทานได้โดยไม่เหม็นและรู้สึกอร่อยมากบนโต๊ะนี้กลับมีเพียงเต้าหู้ผัดเสฉวนบนโต๊ะเพียงอย่างเดียว เพราะเขาเห็นคุณชายเหอตักทานอาหารจานนี้อยู่บ่อยๆ ดูน่าอร่อยเขาจึงลองทานดูบ้างปรากฏว่าสามารถทานได้โดยไม่เหม็นแม้แต่น้อย ร่างบางจึงทานเพียงอาหารจานนั้นอย่างเอร็ดอร่อยจนท่านย่าเอ่ยทักออกมา
"เจ้าชอบทานเต้าหู้ผัดเสฉวนหรือเมิ่งเอ๋อร์"
"ข้าก็ไม่ทราบขอรับเห็นคุณชายเหอทานน่าอร่อยดีจึงลองทานดู ปกติข้าไม่ค่อยทานของเผ็ด แต่วันนี้นึกอยากและมีจานนี้อย่างเดียวที่ข้าทานได้ ทั้งยังอร่อยมากเลยขอรับ" ร่างบางตอบไปพลางคีบทานไปพลางอย่างเพลิดเพลิน
"หากชอบก็ทานมากๆ "คุณชายเหอยิ้มอ่อนโยนเลื่อนจานเต้าหู้ผัดเสฉวนให้ใกล้ร่างบางมากขึ้น
เหอจิ้นเค่อและท่านย่าต่างยกยิ้มและต่างมองหน้ากันอย่างรู้ความหมาย
"ดูท่าลูกเจ้าจะเหมือนเจ้ามากนะเนี่ยอาเค่อ เมิ่งเอ๋อร์จึงชอบทานของโปรดเจ้าถึงเพียงนี้" ร่างบางได้ฟังก็ชะงักเล็กน้อยนึกประหลาดใจเพราะไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลยแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้อาหารโปรดของเขาที่เคยชอบรับประทานทาน กลับรับประทานไม่ได้สักอย่างทุกอย่างล้วนเหม็นไปหมด ทานได้ไม่เท่าไหร่ก็อาเจียนจนเกลี้ยง เขาพยายามหาสาเหตุมานานก็ไม่รู้เสียทีว่าเกิดจากอะไรจนมาวันนี้เพิ่งรู้ว่าลูกในท้องชอบทานของตามบิดาของเขา
ใบหน้าหวานแดงซ่านด้วยความขวยเขินเล็กๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานต่อไป ขณะที่พ่อแม่สามีต่างไม่ออกความเห็นใดและยังคงรับประทานอาหารอย่างไร้อารมณ์
"ดีลูกชอบก็ทานมากๆ เจ้าจะได้แข็งแรง" ท่านย่ากล่าวด้วยความเอ็นดู
"ดีจังพี่ใหญ่ดูท่าหลานข้าต้องเหมือนท่านมากแน่ๆ เลย"
"นั่นสิเนอะ อยากเห็นหน้าหลานจะแย่แล้ว"
คุณชายรองและคุณหนูสามยิ้มมีความสุขนึกถึงหลานตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมา คงจะเป็นพี่ชายของพวกเขาแบบย่อส่วนท่าทางคงน่าเอ็นดูไม่น้อย
.
.
.
TBC.
#พรวิเศษ