อาการแพ้ท้องของหยางจิวเมิ่งลดลงเพราะยาบำรุงชุดใหม่ที่ท่านหมอจัดให้ ทั้งยังปรับเปลี่ยนการกินตามที่ท่านย่าแนะนำ ซึ่งแน่นอนว่าอาหารส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นเมนูโปรดของเหอจิ้นเค่อแทบทั้งหมด นับแต่นั้นอาการอ่อนเพลียของหยางจิวเมิ่งจึงดีวันดีคืน จนเหอจิ้นเค่อและท่านย่ารู้สึกโล่งอก แม้จะยังมีอาการแพ้ท้องอยู่บ้าง แต่การที่หยางจิวเมิ่งเจริญอาหารกว่าก่อนหน้านี้ช่วยให้ร่างกายของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยร่างกายยังได้รับสารอาหารเข้าไปบ้างซึ่งนับได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าเด็กในท้องกำลังก้าวพ้นช่วงอันตรายได้แล้ว
แม้ทุกเช้าเขายังคงต้องตื่นมาอาเจียนเช่นเดิม แต่คุณชายเหอก็ยังคงคอยดูแลเขาเหมือนเดิมไม่ห่าง ทั้งยังไม่เคยนึกรังเกียจหรือรำคาญใจแม้แต่น้อย กลับกันชายหนุ่มนั้นรู้สึกสงสารและเห็นใจร่างบางเป็นอย่างมาก เขามองคนตัวเล็กอย่างชื่นชม หยางจิวเมิ่งตัวเล็กเพียงนี้ แต่กลับอดทนกับความลำบากได้ดี โดยไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะต้องทรมานกับอาการที่เป็นแค่ไหน
และดูเหมือนว่าระยะนี้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนเริ่มดีขึ้น ระยะห่างระหว่างจิวเมิ่งและคุณชายเหอนั้นค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ หลังจากอยู่ร่วมห้องกันมานานร่วมเดือน เหอจิ้นเค่อสามารถเข้าใกล้ร่างบางได้มากขึ้น อาจเป็นเพราะหยางจิวเมิ่งเริ่มคุ้นชินและเปิดใจยอมรับในความจริงใจที่เขาเพียรทำให้บ้างแล้วก็เป็นได้คุณชายเหอคิดเข้าข้างตนเองเช่นนั้น
ความจริงสำหรับจิวเมิ่งนั้น แม้ส่วนลึกในหัวใจเขาจะยังรู้สึกเกลียดกลัวอยู่บ้างจากความฝังใจในสิ่งที่เคยถูกกระทำ แต่เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งย่อมมีความรู้สึก เมื่อมีคนที่ทำดีกับเขาด้วยความจริงใจเช่นที่คุณชายเหอทำนี้มีหรือเขาจะสัมผัสไม่ได้
ช่วงหลังมานี้เขาจึงเริ่มผ่อนคลายความวิตกกังวลและความหวาดกลัวลง ด้วยเห็นถึงความสำนึกผิดในแววตาของคุณชายเหอที่มีต่อเขา ทั้งยังเห็นถึงความตั้งใจดูแลเอาใจใส่ต่อเขาอย่างดีเสมอ อาการเหม็นหน้าเหอจิ้นเค่อจึงค่อยๆ ลดลงไป ทำให้เขาสามารถให้เหอจิ้นเค่ออยู่ใกล้ได้มากขึ้นโดยไม่อาเจียนหนักเช่นแต่ก่อน ระยะนี้หยางจิวเมิ่งกลับเริ่มรู้สึกว่าชายหนุ่มมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เขารู้สึกว่าทำให้เขาหายเวียนหัวได้ดีอีกด้วย
กลิ่นของเครื่องหอมที่คุณชายเหอใช้ประจำเจือกลิ่นหอมเย็นของไม้จันทน์หอมซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากนัก ยามเกิดอาการหน้ามืดหากได้เหอจิ้นเค่อเข้ามาประคองใกล้ๆ กลิ่นกายหอมเย็นของอีกฝ่ายกลับช่วยอาการวิงเวียนของเขาให้ดีขึ้นอย่างประหลาดไม่รู้สึกเหม็นเหมือนเช่นเคย ดูเหมือนลูกเขาจะรักบิดามากมายเสียจริง คิดได้เช่นนั้นหยางจิวเมิ่งก็ได้แต่ทำหน้าบูดงอง้ำจนแก้มป่อง ด้วยนึกเคืองและน้อยใจเจ้าตัวเล็กที่ทรมานอาเหนียงเล่นเช่นนี้
"ลูกหนอลูกนี่เจ้าจะรักเขามากกว่าข้าไม่ได้นะ" หยางจิวเมิ่งยกยิ้มมือบางลูบท้องอย่างรักใคร่ ขณะที่กำลังนั่งคิดเรื่องราวต่างๆ เรื่อยเปื่อยไป ระหว่างที่เขานั่งรอให้เสี่ยวไป๋ยกยาบำรุงของวันนี้มาให้
"ฮูหยินน้อยยาบำรุงมาแล้วขอรับ" เสี่ยวไป๋ยกถ้วยยาร้อนเข้ามาให้ร่างบางที่นั่งรออยู่ด้วยความระมัดระวัง หลังต้องเคี่ยวยานานเกือบหนึ่งชั่วยาม ยาบำรุงของหยางจิวเมิ่งนั้นมีเสี่ยวไป๋เป็นผู้ดูแลด้วยคำสั่งของเหอจิ้นเค่อเพราะไม่ไว้ใจผู้อื่นนัก
"ท่านพี่ออกไปทำงานแล้วหรือเสี่ยวไป๋"
"ขอรับเมื่อครู่หลังจากคุยกับนายท่านคุณชายก็ออกไปแล้วขอรับ ยังสั่งว่าให้ข้าดูแลท่านให้ดีเพราะวันนี้คุณชายมีเรื่องด่วนต้องไปทำจึงไม่สามารถกลับมาบอกท่านก่อนได้"
"เข้าใจแล้ว" หยางจิวเมิ่งรับคำก่อนจะยกยาบำรุงขึ้นดื่ม ที่จริงเหอจิ้นเค่อไม่จำเป็นต้องมาดูแลและรายงานเรื่องส่วนตัวให้เขาทราบก็ได้ ตัวเขาเองก็เคยบอกไว้แล้ว แต่คุณชายเหอยังคงยืนกรานหนักแน่นที่จะทำเช่นนั้น ทุกวันตอนเช้าเขาจะต้องดูแลหยางจิวเมิ่งให้ทานยาบำรุงก่อนตนเองจึงจะออกไปทำงาน และบอกทุกครั้งว่าจะกลับมาช่วงไหน เรียกว่ารายงานเขาทุกเรื่องจะไปไหนทำอะไรหยางจิวเมิ่งจะทราบโดยไม่ต้องเอ่ยปากถามแม้แต่น้อย
ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนชอบเจรจากับผู้อื่นนัก ส่วนมากคุณชายเหอจะพูดแต่เรื่องสำคัญที่จำเป็น แต่กับหยางจิวเมิ่งกลับปฏิบัติต่างออกไป จนเสี่ยวไป๋เองยังรู้สึกได้ว่าฮูหยินน้อยมีความสำคัญในใจของคุณชายเหอไม่น้อย
ในฐานะสามีนั้นจิวเมิ่งต้องยอมรับว่าคุณชายเหอเขาเป็นสามีที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เหอจิ้นเค่อใส่ใจทุกรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน อย่างจิวเมิ่งชอบหรือไม่ชอบอะไรเขาล้วนรู้ทุกอย่างและจัดการให้อย่างดี ยามที่เขาแพ้ท้องเหอจิ้นเค่อก็คอยสังเกตและจดจำว่าควรแก้ไขอย่างไรบ้าง หยางจิวเมิ่งต้องยอมรับว่าหากเขาไม่มีเหอจิ้นเค่อเขาเองก็คงลำบากไม่น้อย
คุณชายเหอนั้นยังคงเพียรทำดีต่อภรรยาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งยังให้เกียรติหยางจิวเมิ่งทุกอย่างและคอยดูแลอย่างดีด้วยความใส่ใจอย่างมิขาดตกบกพร่อง หยางจิวเมิ่งทอดสายตามองไปยังตั่งที่ร่างหนาใช้นอนมานานร่วมเดือนนับแต่เขาแต่งเข้ามาเตียงใหญ่ของเหอจิ้นเค่อนั้นถูกเขายึดครองไว้เพียงผู้เดียว เจ้าของห้องกลับได้นอนเพียงตั่งเล็กในห้องหอเท่านั้น
แม้ว่าจะลำบากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยปริปากบ่น เพียงแต่หยางจิวเมิ่งเองก็ลอบสังเกตท่าทางของสามียามตื่นนอนเอาในบางครั้ง ที่บุรุษตัวสูงใหญ่เช่นนี้ต้องอาศัยนอนบนตั่งเล็กๆ เห็นท่าทางยามตื่นนอนของร่างหนาหยางจิวเมิ่งก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงจะปวดเมื่อยและลำบากไม่น้อย
แม้ยังบอกไม่ได้ว่าตนเองนั้นเลิกเกลียดกลัวในตัวคุณชายเหอทั้งหมด แต่ความรู้สึกที่ได้รับการดูแลใส่ใจจากอีกคนด้วยความจริงใจก็ทำให้เขามองคุณชายเหอในมุมใหม่ และมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าคุณชายเหอเป็นคนดีไม่น้อย ซึ่งนั่นทำให้หยางจิวเมิ่งยอมเปิดใจและให้โอกาสยอมรับในตัวคุณชายเหอในฐานะสหายคนหนึ่ง
.
.
.
เวลานี้ครรภ์ของเขานั้นเพิ่งอายุได้เพียงสองเดือนกว่าเท่านั้น หยางจิวเมิ่งที่อาการแพ้ท้องเริ่มดีขึ้นจึงไม่อยากอยู่อาศัยบ้านผู้อื่นโดยที่ไม่หยิบจับทำอะไร ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบอยู่ว่าง ร่างบางจึงมักจะหางานเล็กๆ น้อยๆ ทำเสมอ แต่สิ่งนั้นกลับไม่ทำแม่สามีเช่นฮูหยินใหญ่นั้นรู้สึกพอใจ
ยามฮูหยินใหญ่ผู้เป็นแม่สามีนั้น เห็นร่างบางอยู่ในสายตาคราใดก็ให้รู้สึกรำคาญใจและเกลียดชังยิ่งนัก หยางจิวเมิ่งจึงต้องคอยหลบเลี่ยงไม่ให้นางได้พบหน้า เพราะเมื่อยามนางพบเจอทีไรเขาต้องถูกด่าว่าค่อนแคะต่างๆ นานา ด้วยความเกลียดชังในใจจนมิคิดจะเปิดใจรับ แม้เขาจะทำดีต่อนางเพียงไหนฮูหยินใหญ่ก็ไม่เคยยอมรับแม้แต่น้อย ข้อนี้หยางจิวเมิ่งจึงได้แต่ทำใจด้วยตนเองก็ไม่มีทางเลือกอะไรมากมายนัก ทำได้เพียงหลบเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา หากหลบไม่พ้นก็ทำได้เพียงแค่อดทนคิดเสียว่ามารดาสั่งสอนบุตรเพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกเครียดเกินไป
วันนี้หลังจากทานยาแล้วหยางจิวเมิ่งที่กลายเป็นคนว่างงานก็หาอะไรทำเช่นเคย ร่างบางเดินไปหยิบกระบวยรดน้ำตักน้ำมารดต้นไม้ดอกไม้หน้าเรือน การดูแลต้นไม้เป็นอีกอย่างที่เขาทำได้ดีและรู้สึกมีความสุขกับมัน แต่ใช่ว่าการมาอยู่ที่นี่เขาจะสามารถหยิบจับทำอะไรได้โดยง่าย นอกจากเสี่ยวไป๋แล้วบ่าวไพร่คนอื่นล้วนไม่กล้าให้เขาทำงานด้วยกลัวจะถูกคุณชายใหญ่ตำหนิ กว่าหยางจิวเมิ่งจะทำงานอะไรได้แต่ละครั้งจึงค่อนข้างจะยาก เช่นตอนนี้เพียงรดน้ำต้นไม้เสี่ยวไป๋ก็มายืนคอยห้ามปรามอยู่เนืองๆ
"ฮูหยินน้อยขอรับ วางเถิดขอรับให้บ่าวทำให้ หากคุณชายใหญ่ทราบว่าท่านมาทำงานเองเช่นนี้อีก บ่าวจะถูกคุณชายใหญ่ตำหนิได้นะขอรับว่าไม่ดูแลท่านให้ดี" เสี่ยวไป๋วิ่งวุ่นไปทั่วคอยห้ามไม่ว่าหยางจิวเมิ่งหยิบจับงานอะไร เขาก็คอยห้ามปรามและแย่งเอางานนั้นมาทำเองเสมอ แม้จะเป็นเพียงการรดน้ำพรวนดินให้ต้นไม้ดอกไม้ในกระถางเล็กๆ หน้าเรือนไม่กี่ต้นก็ตาม ด้วยยึดมั่นในคำสั่งผู้เป็นนายและเป็นห่วงฮูหยินน้อยจะเหนื่อยเกินไปจนกระทบถึงครรภ์
"โถ่..เสี่ยวไป๋ ข้าอยู่เฉยๆ มากๆ คงได้กลายเป็นคนป่วยจริงๆ กันพอดี เจ้าก็อย่าว่าข้าเลยนะ ขอข้าทำอะไรบ้างเถอะ"
"แต่ฮูหยินน้อยขอรับ บ่าวว่าท่านอย่าทำเลยนะขอรับ"
"ไม่เป็นไรนะ แค่นี้เอง ข้าไหว เดี๋ยวทำเสร็จแล้วเราค่อยไปหาท่านย่ากัน" ร่างบางยังคงเดินถือกระบวยรดน้ำต้นไม้ตามกระถางหน้าเรือนไปเรื่อย แต่สิ่งนั้นกลับอยู่ในสายตาของใครอีกคนที่ผ่านมาพอดี ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นแม่สามีเห็นทุกอย่างที่หยางจิวเมิ่งกระทำ แต่มันไม่ช่วยให้คนที่เกลียดชังเด็กคนนี้เช่นนางรู้สึกได้ว่าหยางจิวเมิ่งนั้นขยันขันแข็ง แต่กลับกันสิ่งนั้นกลับดูขวางหูขวางตานางเสียมากกว่า
"ประคบประหงมอะไรกันนักกันหนา น่ารำคาญนัก ตัวซวย!"
"ไปกันป้าหวัง ข้าไม่อยากเห็นหน้าตัวเสนียด รกหูรกตานัก" ฮูหยินใหญ่ที่เดินผ่านมาพบจิวเมิ่งและเสี่ยวไป๋ที่กำลังรดน้ำต้นไม้หน้าเรือน นางก็มองร่างบางด้วยความหงุดหงิดอย่างรู้สึกขวางหูขวางตา ถ้อยคำผรุสวาทแผดออกมาใส่ต่อหน้าหยางจิวเมิ่งอย่างไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนได้ยิน วาจากระทบกระเทียบพร้อมสายตาหยามหมิ่นที่จงใจจะกล่าวให้ลูกสะใภ้รู้ตัวอย่างไม่นึกเวทนาสงสารแม้แต่น้อยนั้น ออกมาจากความเกลียดชังที่หยั่งรากลึก
เพราะคนหัวโบราณเช่นนางล้วนไม่มีใครยอมรับการสมรสกันระหว่างบุรุษได้ แม้มีการแต่งงานยิ่งใหญ่ตระการตา และคำทำนายที่กล่าวขานกันทั่วเมือง หยางจิวเมิ่งก็ยังคงเป็นเหมือนรอยด่างในชีวิตลูกชายของนางอยู่ดี คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหอที่มีผู้คนมากมายนับหน้าถือตา ต้องมาแปดเปื้อนถูกคนนินทาค่อนแคะเพียงเพราะได้ภรรยาเป็นชายเช่นนี้ แม้จะมีจำนวนคนที่ดูถูกไม่มากมายอย่างที่คิดนัก แต่คนเป็นแม่ก็อดรู้สึกเกลียดชังไม่ได้อยู่ดีเมื่อลูกต้องตกเป็นขี้ปากผู้อื่นเพราะคนตรงหน้านี้
แม้หยางจิวเมิ่งจะวางข้าวของลงค้อมคำนับ ไม่ถือสากับถ้อยคำผรุสวาทเหล่านั้น แต่สายตาของแม่สามีกลับไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย ถ้อยคำด่าทอยังคงสาดเข้ามาไม่หยุดทั้งที่เขาไม่ได้ทำสิ่งใดให้ หยางจิวเมิ่งทำได้เพียงแค่ทำใจเพราะไม่อยากจะเป็นตัวปัญหาให้คุณชายเหอต้องพลอยลำบากไปเพราะตน ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินใหญ่ก็เป็นมารดา หากแม่ลูกต้องมาบาดหมางกันเพราะเขามันคงไม่เหมาะสมนัก
.
.
.
ด้วยความเกลียดชังในสะใภ้ชายนี้ จึงทำให้ฮูหยินใหญ่ชักเอาศึกเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว ฮูหยินใหญ่ชวนเอาเจียวหวงอดีตคนรักของลูกชาย ผู้ที่นางนั้นโปรดปรานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรกลับเข้ามาในบ้าน ด้วยเพราะครอบครัวของทั้งคู่ที่บิดาของทั้งสองสนิทกันมานาน เจียวหวงจึงมักไปมาหาสู่บ้านตระกูลเหอตั้งแต่เด็กเสมอ เมื่อถูกฮูหยินใหญ่ชักชวนให้กลับเข้ามาเกี่ยวพันด้วยจึงเข้าทางนางพอดี หญิงสาวที่คิดจะหวนคืนมาเอาคนรักคืนจึงสบโอกาสที่จะกลับมาสานสัมพันธ์กับตระกูลเหออย่างเต็มที่
วันนี้คุณหนูเฉินก็เดินทางมายังตระกูลเหอเช่นที่เคยทำมาตลอดระยะเวลาสองสามวันมานี้ หลังจากนางได้โอกาสในการมาเยือนเป็นครั้งแรกเมื่อสองสามวันก่อน การหาโอกาสมาในครั้งต่อๆ ไปก็ไม่ยากสำหรับนางอีก อาศัยความสนิทชิดเชื้อต่อทุกคนในบ้านที่มีมานานหลายปีหญิงสาวจึงเข้านอกออกในบ้านตระกูลเหอได้อย่างสบาย แม้ว่าเหอจิ้นเค่อจะไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นนางเข้ามาในชีวิตเขาอีก ด้วยอดีตอันเจ็บปวด แต่ก็ต้องพยายามฝืนทนยอมรับมันให้ได้ เพราะเขาต้องการตัดใจจากรักเก่าที่เคยทำร้ายตัวเองเสียให้ขาด แม้มันจะยากมากแค่ไหนก็ตาม
คุณหนูเฉินนั้นแม้รู้ดีว่าเหอจิ้นเค่อไม่ค่อยเต็มใจต้อนรับนางนัก แต่นางก็พยายามด้านหน้าทนแสร้งทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นและยังคงทำดีต่อเหอจิ้นเค่อเหมือนเดิม แม้ชายหนุ่มจะหลบเลี่ยงการพูดจาต่อนางทุกครั้งที่มาเยือน แต่นางก็ยอมที่จะใจเย็น คิดใช้วิธีค่อยๆ แทรกซึมกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้งอย่างช้าๆ ด้วยหวังว่าความสัมพันธ์ก่อนเก่าคงฟื้นคืนได้ไม่ยากเพราะเหอจิ้นเค่อนั้นสำหรับนางก็เหมือนของตายดีๆ นี่เอง ด้วยรู้จักนิสัยอีกฝ่ายดีทุกด้านและรู้ว่าจะทำอย่างไรให้เขายอมใจอ่อนได้
เฉินเจียวหวงเดินเข้ามายังบ้านตระกูลเหอเรื่อยๆ ตามทาง ด้วยหวังจะนำน้ำแกงไก่ตุ๋นมามอบให้ฮูหยินใหญ่และเหอจิ้นเค่อเพื่อเอาใจ แต่ขณะที่นางกำลังเดินผ่านสวนบ้านตระกูลเหอในวันนี้กลับพบหยางจิวเมิ่งกำลังเดินเล่นอยู่ เด็กน้อยต่ำต้อยเช่นนี้น่ะหรือจะควรคู่เป็นคู่ต่อสู้ของนาง หญิงสาวแสยะยิ้มมุมปากอย่างนึกเหยียดหยาม ก่อนตรงเข้าไปหาเพื่อแสร้งทักทายอย่างเป็นมิตรและหาทางเล่นงานไปพร้อมกัน
"อ้าวหยางจิวเมิ่ง เหตุใดเจ้าจึงมาเดินเล่นเช่นนี้ผู้เดียวเล่า ข้ารับใช้ติดตามเจ้ามิมีหรือไร" หญิงสาวแสร้งทำสนิทสนมเหมือนไม่ได้คิดอะไรนับตั้งแต่ก้าวกลับเข้ามาในตระกูลเหอฮูหยินใหญ่ก็รีบนำนางมาแนะนำให้หยางจิวเมิ่งได้รู้จักทันทีและยกย่องนางต่อหน้าเขาว่านางเป็นคนที่คู่ควรต่อลูกชายของนางเพียงไหน
"คุณหนูเจียวหวง มาหาท่านแม่หรือขอรับ"
"ใช่ข้ามาหาท่านแม่และทำน้ำแกงไก่ตุ๋นสมุนไพรมาให้ท่านพี่ด้วย" หญิงสาวกล่าวพลางยกยิ้มอย่างเหนือกว่าด้วยนางนั้นได้รับความโปรดปรานจากฮูหยินใหญ่จึงยกตัวข่มหยางจิวเมิ่งอยู่กลายๆ แสร้งพูดให้ร่างบางรับรู้ถึงความสนิทสนมและความสำคัญของตนเองต่อคนตระกูลเหอเสมอ
"เสี่ยวซี เอามาให้ฮูหยินน้อยดูหน่อยสิ" หญิงสาวทำยิ้มยั่วพร้อมสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก เรียกข้ารับใช้ส่วนตัวให้นำน้ำแกงออกมา
"มิเป็นไรขอรับ ข้าไม่อยากดูหรอก" หยางจิวเมิ่งรีบปฏิเสธทันที ด้วยน้ำแกงไก่ตุ๋นสำหรับเขาตอนนี้กลิ่นของมันไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก
"ลองดูหน่อยสิเผื่อเจ้าจะอยากทานบ้างข้าจะแบ่งให้" เสี่ยวซียกโถน้ำแกงนั้นมาใกล้ๆ เจียวหวงจึงเปิดฝามันออก ร่างบางรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันทีที่ได้กลิ่นอาหารนั้น เขาคิดไว้แล้วว่าอาจทนกลิ่นไม่ได้จึงไม่อยากดู แต่ดูท่าคุณหนูเจียวหวงจะรู้ทันจึงคิดจะกลั่นแกล้งเขาเล่นเช่นนี้
"อะไรกันนี่เจ้ารังเกียจข้างั้นหรือเหตุใดทำท่าทีประหลาดเช่นนั้นเล่า" หญิงสาวแกล้งพูดจาก่อกวนร่างบางที่ทำท่าพะอืดพะอมเต็มที
"อุ๊บ" ร่างบางยกมือขึ้นปิดปากเมื่อรู้สึกอยากอาเจียนนั่นทำให้เจียวหวงกระตุกยิ้มร้ายนางแกล้งยกถ้วยน้ำแกงนั้นเข้าไปใกล้ร่างบางยิ่งขึ้นไปอีก แล้วแสร้งทำมือไม้อ่อนจนน้ำแกงร้อนนั้นสาดใส่หยางจิวเมิ่งอย่างเต็มเปา
"โอ้ย" น้ำร้อนนั้นลวกโดนแขนและมือที่หยางจิวเมิ่งยกขึ้นมาป้องจนรู้สึกแสบไปหมด แต่นั่นกลับยังไม่เท่ากลิ่นที่ติดมาหยางจิวเมิ่งรีบผละออกมาจากตรงนั้นในทันทีด้วยความรวดเร็วก่อนจะโก่งคออาเจียนลงที่ข้างทาง
"อุ๊...อ้วก........." ร่างบางอาเจียนจนหมดแรงเพราะเหม็นกลิ่นน้ำแกงจนเกินจะทน นอกจากแขนที่ถูกลวกนั้นยังมีน้ำแกงกระเด็นจนเลอะเสื้อผ้าเขาเกือบทั้งตัวจึงทำให้กลิ่นของมันยิ่งฟุ้งกระจายติดตัวไม่หาย ร่างบางอาเจียนอยู่เช่นนั้นเป็นนานสองนานจนไม่มีอะไรออกมา
"ฮูหยินน้อย ท่านทำไมมีสภาพเช่นนี้ ใครทำกัน เป็นอะไรมากหรือไม่ขอรับ" เสี่ยวไป๋ที่ถูกบอกให้ไปยกยาแก้อาการแพ้ท้องของวันนี้มาพบร่างบางด้วยสภาพเช่นนี้เข้าก็ให้ตกใจนัก เขาเพียงละไปชั่วครู่เหตุใดจึงได้เกิดเรื่องกับฮูหยินน้อยขึ้นได้
"อ้วก.....แค่กๆ เสี่ยวไป๋รินน้ำให้ข้าที" ร่างบางเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนเต็มทน
"ขอรับ" เสี่ยวไป๋รีบรินน้ำที่ตนยกมาพร้อมกับยาให้ฮูหยินน้อยอย่างรวดเร็ว จิวเมิ่งรับไปบ้วนปากก่อนส่งถ้วยนั้นคืน
"ฮูหยินจะทานยาก่อนหรือไม่ขอรับ"
"เดี๋ยว ขอข้าพักสักครู่ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนข้าทนไม่ไหวแล้ว มันเหม็น" ร่างบางตอบไปอย่างเหนื่อยอ่อน เงยหน้าขึ้นพยายามสูดหายใจลึกๆ กอบโกยเอาอากาศเข้าร่างหลายครั้ง เพื่อลดความเหนื่อยหลังจากต้องโก่งคออาเจียนลง
"ขอรับเช่นนั้นข้าช่วยพาท่านกลับห้องไปก่อนยานี้ข้าค่อยกลับมาเอา" เสี่ยวไป๋หันไปวางยาลงที่ก้อนหินใหญ่ในสวนที่อยู่ไม่ไกลนัก
"อุ๊บ.... อ็อก....." ยังไม่ทันจะได้ไปไหนต่อหยางจิวเมิ่งก็อาเจียนอีก ร่างบางเริ่มรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพร่าเลือนเสียแล้ว
"เสี่ยว..ไป๋..." จิวเมิ่งพยายามไขว่คว้าร่างของบ่าวคนสนิทเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ แต่ก็ทำได้เพียงเรียกเสี่ยวไป๋ด้วยเสียงที่แผ่วเบาพร้อมสติที่ค่อยๆ ดับวูบลงไปและไม่รับรู้อะไรอีก
"ฮูหยินน้อย!! " เสี่ยวไป๋เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อร่างบางตรงหน้ากำลังซวนเซและจะล้มลง ก่อนที่เขาจะถึงตัวฮูหยินน้อยเหอจิ้นเค่อก็เข้ามารับตัวร่างบางได้ทันเวลาพอดี
"เมิ่งเอ๋อร์" คุณชายเหอพยายามร้องเรียกภรรยาให้คืนสติด้วยความตกใจ โชคดีที่เขากลับมาและกำลังจะเข้ามาหาพอดีเมื่อเห็นร่างบางท่าทางโงนเงนจวนล้มจึงวิ่งเข้ามารับไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิด
"เห้อ เกือบไปแล้ว เสี่ยวไป๋นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดฮูหยินน้อยจึงเป็นเช่นนี้"
"ข้าก็ไม่ทราบขอรับคุณชาย ฮูหยินน้อยให้ข้าไปยกยาของวันนี้มา ข้าจากไปเพียงครู่พอกลับมาฮูหยินน้อยก็เปียกไปหมดด้วยน้ำแกงเช่นนี้ทั้งยังอาเจียนอย่างหนักคงเพราะเหม็นน้ำแกงนี่"
"เอาหล่ะไปตามหมอมาก่อน ข้าจะพาฮูหยินกลับห้อง เจ้าไปสั่งให้คนยกน้ำกับเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาที"
"ขอรับ"
เหอจิ้นเค่ออุ้มร่างบางเข้าแนบอก เดินกลับไปยังเรือนของตนเองทันที ภายใต้สายตาริษยาของหญิงผู้ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขา คุณหนูเจียวหวงที่แอบดูร่างบางทรมานด้วยความสะใจสุดท้ายตนเองกลับเจ็บใจแทนเมื่อได้เห็นท่าทีห่วงใยของอดีตคนรักที่แสดงต่อศัตรูหัวใจของนางอย่างที่เขาไม่เคยทำเช่นนี้กับนางมาก่อนแม้แต่น้อย
"หยางจิวเมิ่งเรื่องระหว่างเจ้ากับข้านี้เพียงเพิ่งเริ่มต้นสงครามนี้ยังอีกนานนัก หากข้าไม่ได้เจ้าก็ไม่มีวันได้เช่นกันข้าจะหาทางทำลายพวกเจ้าทุกทาง"
.
.
.
TBC.
#พรวิเศษ