ตอนที่ 13
ก่อนจะเอ่ยตอบเขาว่า
“งั้นคุณก็รีบไปทำงานของคุณต่อเถอะค่ะเดี๋ยวงานการของคุณจะเสีย”
เพราะมีช่องทางเอ่ยได้พาลิณีจึงเอ่ยแต่แววตาของรัมธ์กลับพยับด้วยรอยยิ้ม เหมือนอ่านเกมของหล่อนอย่างรู้ทัน จึงเอ่ยตอบไปว่า
“ แต่ผมยังไม่รีบร้อนในตอนนี้ เพราะมีเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง ผมจึงตั้งใจจะปลีกตัวมาหาคุณด้วย”
พาลิณีตาค้างด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีนักใจตุ้มๆต่อมๆเพราะนายรัมธ์ ถ้าจะมาแผนสูงเกินหล่อนจะคาดเดาได้ แต่พาลิณีก็วางสีหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจ แต่ฝ่ายของรัมธ์กระหยิ่มยิ้ม ที่ความคิดและคำพูดของเขาใช้ได้ผล สาวสวยมีปฏิกิริยาคือหนาวๆร้อนๆสั่น
พาลิณีนึกทวนคำในใจ คำว่า ตั้งใจ เขาใช้คำโดยไม่อ้อมค้อมพูดออกมาโต้งๆเหมือนจะให้หล่อนรับรู้ในทันที
“ไม่ได้นะคะ ในตอนนี้”
พาลิณีเกิดเปลี่ยนใจ จึงหาอุบาย
“เพราะข้างบนมันร้อนพัดลมก็ไม่ดีเอ้อและฉันก็อยากจะเดินไปตามชายหาดแล้วก็สวนของคุณมากกว่า” ตอบแล้วหล่อนก็คิดว่าพอสบายใจบ้างที่คิดตอบโต้เขาทัน
“งั้น ผมจะเดินเป็นเพื่อนด้วย”
รัมธ์เองก็รู้เท่าทัน เมื่อหญิงสาวเกิดเปลี่ยนใจดื้อๆ
“เพราะอีกตั้งนานที่จะเข้างานตอนบ่าย อีกอย่าง ผมไม่ได้ห่วงกังวลอะไร เพราะผมเป็นเจ้าของ”
ใช่ เขาเป็นเจ้าของ พาลิณีคิดตาม กระแทกลมหายใจ ลึกๆไม่พอใจที่เขาแก้เกมหล่อนได้ ทีนี้จะปฏิเสธเขาอย่างไรล่ะ ในเมื่อ นายรัมธ์ก็ใช้ไม้นี้กับหล่อน
โอ๊ย พาลิณีคิดจนปวดหัวไปหมด สมองมึน อีกทั้งหัวคิ้วก็ขมวดมุ่นจนยุ่งเหยิง หมดหนทางแก้ ในที่สุดก็ถอนใจ ปล่อยเลยไปตามเลยกับนายรัมธ์จอมเจ้าเล่ห์
ที่พาลิณียินยอมเดินเคียงคู่ไปกับเขาด้วยสีหน้าที่หล่อนไม่เป็นปกตินักคล้ายกับหวาดระแวงความรู้สึกโดยอารมณ์ธรรมชาติจึงไม่มี มีแต่เครียดแต่หล่อนก็ซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบสงบที่ริมชายหาดบนเกาะส่วนตัวของชายหนุ่ม มีทัศนียภาพสวยงามนอกจากฟาร์มและบริเวณที่เป็นสวนยางพาราและมะพร้าวทิวสนลู่เอนไปกับสายลม ทำให้ลมแรงจากริมทะเลพัดปะทะเข้าใบหน้าของหล่อนอย่างจัง แปลกใจอีกครั้งที่อารมณ์ของหล่อนกลับสงบ และสดชื่น คงเป็นเพราะบรรยากาศที่น่าชม ทำให้ผ่อนคลายและดูสุขใจ เป็นสถานที่น่าพักผ่อนหย่อนใจในสายตาของพาลิณี แต่หล่อนไม่กล้าอาจเอื้อมขนาดนั้นหรอก
เพราะหล่อนไม่ใช่เป็นเจ้าของ เพราะหล่อนไม่มีหน้าที่อย่างนั้น
รัมธ์พิจารณาหญิงสาวในสายตา ก็พบว่า ในยามนี้ท่วงท่ากิริยาของหล่อน เหมือนเด็กสาวที่ใสซื่อไร้เดียงสา เขาเองนั้นลอบมองด้วยความพึงพอใจที่เห็นหล่อนมีความสุข ส่วนพาลิณีกลับคิดไปไกลอีกว่า ที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจหล่อนมากกว่านี้ แม้จะเอ่ยถาม เพราะหล่อนเป็นเชลย ที่เขาควรจะรังเกียจ เขาทนทำดีด้วยหรอก แต่หล่อนไม่ต้องการให้เขามาปลอบใจหล่อน เพราะถึงอย่างไร หล่อนก็ไม่ได้มองเขาในแง่ที่ดีแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่า การกระทำอย่างโจร เขาถือว่าเป็นศัตรูกับหล่อน
กระทั่งเวลาค่ำของวันนั้น พวกคนงานกลับเข้าบ้านหมดแล้ว รัมธ์ก็กลับถึงคฤหาสน์ จึงพบว่า บุระเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนสมอง ตามคำเชิญชวนของเขา นั่งเล่นอยู่กับหลานชาย และนั่งดูทีวีไปพร้อมๆกัน เมื่อเห็นรัมธ์เดินผ่านเข้ามา บุระจึงขยับกายและเอ่ยทัก
“ อ้าว ไอ้เสือ” เมื่อทักแล้ว ก็สังเกตไปที่สีหน้าของเจ้าของบ้าน ก็พบว่าในดวงตาของเพื่อนที่ทุกครั้งดูขรึมและเฉยเมย กลับดูรื่นเริงสดใส เหมือนกับว่าเพื่อนไปทำกิจกรรมที่มีความสุข
“ระ นายกินข้าวแล้วหรือยัง”
ถามอาคันตุกะที่เป็นเพื่อนสนิทเพราะความเป็นห่วง รู้สึกขอโทษเพื่อนด้วย ที่มาเยี่ยมเยือนถึงบ้านทันที เจ้าของบ้านอย่างเขาก็ต้อนรับไม่เต็มที่ เพราะห่วงงานและคนในครอบครัว
“หน้าตานายหมองไปนะรัมธ์” ผู้เป็นเพื่อนยังไม่ตอบคำถาม หากแต่จ้องหน้าเจ้าของบ้าน รัมธ์จึงหันมายิ้มกับการช่างสังเกตของเพื่อน แล้วเอ่ย
“มันก็ไม่มีอะไรหรอก เครียดเรื่องงานนิดหน่อย”
“นายไม่คิดชวนฉัน ไปดูที่ทำงานนายเลยหรือยังไง” รัมธ์เป็นฝ่ายขยับตัวมาทรุดนั่งที่โซฟา และบุระก็นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน หัวคิ้วเรียวเข้มเหมือนปีกนกของหนุ่มเจ้าของบ้านขมวดเข้าหากัน พร้อมตอบ
“นายอยากจะไปเที่ยวบนเกาะ อยากดูการทำงานของฉันก็ตามสบายเลยนะแต่อย่าบ่นว่าร้อนก็แล้วกัน เพราะว่าเป็นแขก ฉันอยากจะให้นายอยู่ในที่ร่ม”
“เฮ้ย ฉันไม่ใช่คนที่กลัวแดดมากมายอย่างนั้นนะไอ้เสือ” บุระคิดไปว่า เพื่อนสนิทของเขาคงจะคิดว่าผิวคนกรุงนั้นบอบบาง นิ่ม ไม่ทานทนทรหดต่อดินฟ้าอากาศ เพราะไม่ใช่คนที่เติบโตมาในพื้นเพของชาวเกาะและชาวประมงอย่างรัมธ์ ซึ่งมีความอดทนทรหดต่อแดดลมฝนได้มากกว่า
จึงยกมือโบกอีกครั้ง
“ฉันว่านายดูถูกคนกรุง อย่างฉันมากเกินไปแล้วนะ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดจะแตะโน่นต้องนี่ไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ใช่คุณหนูนะโว้ย” เสียงของบุระนั้นบ่นด้วยความน้อยใจปะปน ที่เพื่อนหาว่าเขาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“เฮ้ยไม่ได้หัวล้านสักหน่อยไม่ต้องขี้น้อยใจ” เจ้าของบ้านเลยต้องปลอบเพื่อนไปตามเรื่อง ฟังดูจากน้ำเสียงที่ขึงขัง เหมือนจะเอาจริงเอาจัง แต่รัมธ์ก็คิดว่า เขาไม่ได้คิดเยี่ยงนี้ แม้จะห่วงเพื่อน แต่บุระก็แปลความหมายไปไกล
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ที่แท้สนใจสาวชาวเกาะนี่เอง เดี๋ยวฉันจัดให้ ตามใจนายทุกอย่าง”
พูดเพื่อแก้สถานการณ์ที่กำลังจะตึงเครียดระหว่างเพื่อน ให้คลายลง แต่มีเรื่องหนึ่งที่รัมธ์ไม่กล้าเปิดเผยบอกเพื่อนสนิทเกี่ยวกับเชลยสาวที่เขาต้องการปกปิดไว้รับรู้เฉพาะเขาคนเดียวเท่านั้น และเขาก็คิดว่าบุระไม่ควรมายุ่งด้วย
การที่เพื่อนเอ่ยถึงสาวชาวเกาะขึ้นมา ก็ทำให้จิตใจของหนุ่มกรุง รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีเช่นกัน อย่างน้อยขึ้นชื่อว่าสาวๆ ที่บุระได้รู้จักมาก่อนหน้านี้แล้ว จากรัมธ์เพื่อนรัก ก็คือสาวใต้ตาคมอย่างสีดาพร ที่ผิวของหล่อนคล้ำ แต่จมูกโด่งเหมือนแขก