ตอนที่ 12
เพราะหล่อนจะใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือแบบเดียวกับเขา ขอให้หล่อนไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยด้วยเถอะ นายรัมธ์เอ๋ย นายติดคุกหัวโตแน่
ฝ่ายชายหนุ่มที่เขายืนอมยิ้มให้ และจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เป็นสวมใส่สบายเช่นเดียวกับหล่อน เหมือนว่า หน้าตาของเขาสดชื่นและแจ่มใส ที่เส้นผมหยักศกนั้นยังเปียกชื้นไปด้วยน้ำ เห็นชัดว่า เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ และใช้ผ้าเช็ดผมยังไม่แห้งดี รู้สึกว่าเขาจะรีบมาที่นี่เลย
หล่อนต้องตกใจเล็กน้อยที่พอก้าวจากบันไดก็มองเห็นร่างของเขายืนโด่อยู่ใต้ต้นมะพร้าว แต่หล่อนก็บังคับ และปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วนัก เพราะคิดว่า หล่อนต้องทันเขา ไม่ให้เขาจับผิดได้ ว่าเชลยสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต้องมาสิ้นอิสรภาพ เพราะความเข้าใจผิด เพราะต้นตอและเหยื่อที่แท้จริง ควรจะเป็นอาสาวของหล่อน
หล่อนตกใจกับตัวเองอีกครั้งที่ไพล่ไปนึกถึง ภรณิชผู้เป็นอาสาวทั้งๆที่เวลานี้ภรณิชไม่ได้รับเคราะห์สักนิด หล่อนเองต่างหากที่ได้รับเวรกรรม
และจะพูดตำหนิโวยวายไปก็ไร้ผลเพราะคนที่ได้รับเคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัสคือหล่อน พาลิณีคนนี้ ไม่ใช่ ภรณิชสักนิด
หล่อนแปลกใจและหล่อนลืมตั้งคำถามถามเขา ว่าทำไมศัตรูตัวจริงของเขา นายรัมธ์ไม่ตามไปล้างแค้น และเข่นฆ่า แต่คำตอบที่ได้รับนั่นคือ เพราะหล่อนเป็นหลานสาวของคุณภรณิช จะบ้า.. ถึงหล่อนจะขำแต่คงขำไม่ออก
ตายแล้วสิ นายรัมธ์ทำหยั่งกับว่า ชีวิตของหล่อนกับน้าสาวคนต้นเรื่องนั้นผูกพันสนิทสนมกลมเกลียวกันอย่างเต็มที่ ถ้าจะให้ทราบกันจริงๆ คือ หน้าแทบจะไม่ได้มองกันด้วยซ้ำ ที่ทักทายกันนั้นเพื่อมารยาทต่างหาก
เพราะพาลิณีก็ไม่ได้วอรี่หรือแคร์ในเรื่องนี้สักนิดแต่ที่หล่อนเสียใจอย่างที่สุดคือเขาจับตัวหล่อนมาทำไมรู้ไหมว่าหล่อนเป็นแพะ ฮึ พูดไปเขาคงไม่เชื่อ และหล่อนขี้คร้านบวกกับขี้เกียจจะมาอธิบายเรื่องไร้สาระแบบนี้
ถึงแม้หล่อนจะมีคุณภรณิชเป็นอาสาว แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันสักเท่าไหร่ มารดาของหล่อนเองรู้เรื่องนี้ดี พาลิณีที่อยู่ในเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่เป็นเสื้อยืดคอกลมลายการ์ตูนสีชมพู กับกระโปรงสีขาวขลิบลูกไม้ ที่ดูเก๋และน่ารัก
หญิงสาวกำลังยืนประชันกับเขาอีกครั้ง ในเมื่อตกปากรับคำไปแล้ว ว่าจะตามไปเจอตามที่สัญญา เพราะมีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่
รัมธ์มองหล่อน และชายหนุ่มเองก็อยู่ในชุดเสื้อผ้าที่เปลี่ยนใหม่ จากเชิ้ตแขนยาวเป็นเสื้อยืดโปโลสีฟ้าตัดกับกางเกงขาวยาวสีน้ำตาล ไม่สวมแว่นตา ก็ส่งให้บุคลิกของชายหนุ่ม ดูใส จากที่เขาไม่วางตัวเคร่งขรึม ส่วนตรงนี้ พาลิณีคิดไปว่าเขาดูอ่อนกว่าวัย ถ้าทำตัวเป็นวัยรุ่น ซึ่งจะว่าไปจากการคาดคะเนวัยของเขา พาลิณีก็คิดว่า เขาน่าจะอายุไม่มากกว่าหล่อนสักเท่าใด
ไม่รู้ใครจะตัดสินใจก่อน หล่อนเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เมื่อต่างฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ ผ่านไปถึงสามนาที รัมธ์เลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“เป็นยังไงบ้าง คุณพาลิณี หลังจากอยู่ที่นี่มานานหลายอาทิตย์แล้ว แต่บอกให้รู้นะ ถึงยังไงคุณก็ต้องอยู่ที่นี่ จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม”
แล้วเขาเอ่ยคำนี้ เพื่อให้หล่อนเจ็บใจทำไมอีก สู้ไม่พูดออกมาดีกว่า สีหน้าของเขาที่หันมาทางหล่อน พลอยทำให้พาลิณีต้องกัดฟันและข่มใจ ทั้งสีหน้าของหล่อนก็เหมือนจะจ้องใส่เขา แบบคนไม่ไว้วางใจเช่นเดิม แม้คำพูดของเขาอยากจะพูด
คำว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามคำนี้น้ำเสียงของเขาห้วนและตึงทำให้พาลิณีไม่นึกอยากจะเสวนากับเขา ถ้าเขาพูดเพื่อแขวะหล่อน และทำร้ายจิตใจอย่างนี้
“ค่ะ ถึงคุณไม่บอก ฉันก็รู้ด้วยตัวเอง ว่าฉันไม่มีความสามารถพอที่จะหนีออกไปจากเกาะและที่คุมขัง อย่างที่นี่หรอก คุณรัมธ์”
เธอเชิดหน้าตอบเขาด้วยกิริยาที่เย่อหยิ่ง เหมือนไม่ยอมก้มหัว ให้แก่ใครง่ายๆ และตาเธอ ก็สบจ้องเขาอย่างท้าทาย โดยไม่เบนหลบไปทางไหน และซ่อนความเจ็บปวดไว้ด้วยสีหน้าที่ยะเยือก ก่อนจะสะบัดร่างงาม และเอ่ยคำลากับเขาทันที
“ถ้าคุณเรียกฉันมา เพื่อพบและคุยกันด้วยเรื่องแค่นี้ ก็แค่นี้เถอะค่ะ ฉันขอตัวก่อน”
ร่างงามกำลังจะก้าวจากไป แต่เขาไหวร่างทันกว่า นอกจากเอ่ยเสียงเรียกแล้ว มือยาวก็เอื้อมมาแตะที่บ่าของหล่อน แต่พาลิณีก็สะบัด ในกิริยาที่เขาบังอาจแตะต้องตัวหล่อน
“ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน คุณรัมธ์ ถ้าจะคุยก็คุยกันดีๆดีกว่า” พูดโดยไม่มองหน้าเขา และมือขาวแข็งแรงยินยอมปล่อยมือออกจากบ่าทันที เมื่อพาลิณีเป็นอิสระ แต่หล่อนก็ขยับตัวออกห่างจากเขาแค่สองก้าว
เพราะรู้ดีว่า เขายังมีเรื่องที่จะคุยกับหล่อน เพราะถ้าไม่อย่างนั้น เขาไม่ถือวิสาสะยื้อฉุดบ่าหล่อนเอาไว้หรอก
“คุยหรือแม่เชลยสาวผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแน่ และหลายเรื่องเสียด้วย”
“ก็พูดมาสิคะ” หญิงสาวไม่ชอบการรอ และอิดออดชักช้าของเขา
“เข้าไปคุยกันในห้องดีกว่า ที่นี่ไม่สะดวกคุย” รัมธ์เอ่ยขึ้นได้หน้าตาเฉย แต่ก็ทำให้พาลิณีสะดุ้งอีกคำรบ และในใจของหล่อนคิด หากว่าจะต้องขึ้นไปที่ห้องกับเขา
“ไม่ต้อง คุยกันที่นี่แหละค่ะ”
เสียงของพาลิณีแข็งขึ้น แม้หล่อนจะไม่มีสิทธิ์ก็ตาม เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นของเขาหมด แต่ที่หล่อนเสียงแข็งก็เพื่อเอาชนะ เผื่อทำให้เขาเปลี่ยนใจ ไม่พาหล่อนขึ้นไปกับเขาในห้องสองต่อสอง ซึ่งพาลิณีไม่อาจจะคาดเดาได้ว่า ในครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก
“คุณมีธุระอย่างอื่น ทำไหมคะ คุณรัมธ์”
พาลิณีเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉยเหมือนกัน สวนคำของเขา เพราะหล่อนก็คิดหาทางป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงตัวเองให้พ้นจากเขาเช่นกัน เพราะไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง
“มีในช่วงบ่าย” รัมธ์ตอบโดยไม่คิดอะไร
ทำให้พาลิณีแอบยิ้มที่มุมปาก