กิตรีบเล่าอวดบิดา เด็กน้อยตื่นเช้าเหมือนบิดา และลุกมาช่วยบ้างป่วนบ้างตามประสาเด็ก ภีมพัฒน์นั้นเลี้ยงลูกให้รู้จักทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่เล็กๆ ลูกชายอยากทำอะไรเขาก็ปล่อยให้ทำ คอยระวังไม่ให้เกิดอันตรายเท่านั้น
“น้องกิตก็ช่วยด้วยครับ” กิตรีบยิ้มแก้มพองบอกพี่สาวข้างบ้านในทันที
“โอโห้... ทั้งหล่อและยังเก่งด้วยนะครับนี่” หนึ่งฤทัยนั่งลงตรงหน้าของเด็กน้อยก่อนจะเอ่ยชมพลางหยิกแก้มป่องๆ นั้นอย่างเอ็นดู
“พี่หนึ่งแต่งตัวแบบนี้ไปวิ่งกับผมไหมครับ” เด็กน้อยช่างสังเกตและเฉลี่ยวฉลาดเสียยิ่งกว่าอะไร เด็กน้อยมองชุดวอร์มและรองเท้าผ้าใบของหนึ่งฤทัยก็เดาได้ว่าพี่สาวข้างบ้านต้องไปออกกำลังกายเหมือนตนกับบิดาอย่างแน่นอน
“ฉลาดจัง รู้ได้ยังไงว่าพี่จะไปวิ่งเหมือนกัน” คุณยายนั้นปล่อยให้หลานสาวได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านต่อ ส่วนท่านขอตัวเข้าบ้านไปก่อน โดยมีสาวใช้ช่วยยกอุปกรณ์สำหรับใส่บาตรตามเข้าบ้านไป
“ก็พี่ใส่ชุดเหมือนคุณพ่อ มีรองเท้าผ้าใบด้วย”
“ปกติน้องกิตไปวิ่งที่ไหนเหรอคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยถามเด็กน้อย
“วิ่งในหมู่บ้านครับ” กิตจับมือของหนึ่งฤทัยเอาไว้ ดึงให้อีกฝ่ายวิ่งไปกับตนด้วย ในขณะที่ภีมพัฒน์นั้น เขาค่อยๆ วิ่งตามไปเรื่อยๆ คอยระวังรถให้บุตรชายเหมือนทุกๆ วัน
“ปกติคุณภีมออกมาวิ่งทุกวันเหรอคะ” เธอหันไปเอ่ยชวนคนเป็นพ่อคุยด้วย
“ครับ ตอนน้องกิตคลอด ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน่ะครับ ผมเลยฝึกให้ออกกำลังกายทุกวัน” ภีมพัฒน์เอ่ยตอบหญิงสาวที่รักสุขภาพไม่ต่างกัน
“คุณพ่อครับ วันนี้ชวนพี่หนึ่งไปกินข้าวต้มฝีมือคุณพ่อที่บ้านด้วยสิครับ” ได้ทีกิตเลยเอ่ยบอกบิดา
“ข้าวต้มอะไรเอ่ย” หนึ่งฤทัยเอ่ยถามเด็กน้อย
“ข้าวต้มปลาครับ คุณพ่อทำอร๊อยอร่อยที่สุดเลยครับ” เด็กน้อยรีบอวดอ้าง หวังจะให้หนึ่งฤทัยไปรับประทานอาหารเช้ากับตนและบิดาให้จงได้
“เชิญคุณหนึ่งด้วยนะครับ” ลูกชายเปิดทางขนาดนี้เขาก็ต้องสานต่อ
“งั้นหนึ่งคงต้องรบกวนแล้วละค่ะ” เธอรับคำเชิญของสองพ่อลูก จึงได้ชิมข้าวต้มแสนอร่อยฝีมือของภีมพัฒน์ในเช้าวันนั้น
โดยภีมพัฒน์ได้เชิญคุณยายมารับอาหารเช้าที่บ้านของเขาด้วย
“พ่อภีมนี่น่ารักนะ ดูแลลูกตัวคนเดียว แถมยังทำอาหารอร่อยอีก” คุณยายเอ่ยชมขณะเดินกลับบ้าน
“ค่ะ” หนึ่งฤทัยรับคำ
“ตากิตโชคดีมีพ่อแบบภีมพัฒน์ ถึงจะขาดแม่ไปแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกขาดแคลนอะไร เพราะภีมเขาดูแลลูกดี”
“หนูก็เห็นด้วยค่ะคุณยาย” เธอยิ้มให้กับประโยคของท่าน และเห็นจริงตามนั้น
“วันนี้หนูว่าจะไปเที่ยวตลาดในเมืองน่ะค่ะคุณยาย คุณยายจะไปด้วยกันไหมคะ” ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งที เธอก็อยากทำความรู้จักกับทุกซอกทุกมุมของที่นี่
“ไม่ไหวหรอกจ้ะ ยายแก่แล้ว เราไปเถอะ ดูแลตัวเองด้วยนะ”
หมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่นั้นอยู่ไม่ห่างจากตลาดมากนัก ที่นี่มีข้าวของพื้นเมืองวางขายมากมาย รวมถึงพืชผักผลไม้ ของสดของแห้งอีกหลายอย่าง หญิงสาวจึงคิดว่าจะไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาเสียหน่อยและการปั่นจักรยานก็ทำให้เธอได้ออกกำลังกายไปในตัว แถมยังไม่เปลืองน้ำมันอีกด้วย
“คุณพ่อครับ คุณพ่อ” กิตรีบกระตุกมือของบิดาที่กำลังทำสวนอยู่อย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าหนึ่งฤทัยปั่นจักรยานออกไปจากบ้าน
“คุณพ่อครับ พี่หนึ่งปั่นจักรยานออกไปแล้ว เราตามไปดีกว่าครับ” เพราะกิตนั้นปิดเทอม จึงได้มีเวลาอยู่กับบิดาได้อย่างเต็มที่
ภีมพัฒน์ต้องรีบล้างไม้ล้างมือและปั่นจักรยานพาบุตรชายตามหนึ่งฤทัยออกไป ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวแสบก็จะงอนเอาอีก
“พี่หนึ่งจะไปไหนครับ” เสียงคุ้นเคยที่ดังอยู่ข้างๆ ทำให้หนึ่งฤทัยหันไปมอง ก่อนจะยิ้มแฉ่งในทันที
“จะไปปั่นจักรยานเล่นจ้ะ พี่อยากเที่ยวเปิดหูเปิดตาน่ะจ้ะ” เธอหันไปตอบเด็กน้อยด้วยรอยยิ้ม
“งั้นผมจะพาเที่ยวครับ คุณพ่อครับ พาพี่หนึ่งเที่ยวสิครับ” เด็กน้อยรีบกระตุกเสื้อของบิดาในทันที ภีมพัฒน์หันไปยิ้มให้บุตรชายที่นั่งอยู่เบาะหลัง เกาะเอวเขาเอาไว้แน่น
“เดี๋ยวผมพาเที่ยวนะครับ” ภีมพัฒน์เอ่ยกับหญิงสาวที่ปั่นจักรยานอยู่ข้างกาย เธอจึงพยักหน้าให้เขาอย่างยินดี คิดว่ามีคนพาเที่ยวก็ดีเหมือนกัน
เขาพาเธอปั่นจักรยานเที่ยวไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยมีกิตที่กระตือรือร้นในการให้บิดาพาพี่สาวข้างบ้านไปเที่ยวและตัวเองก็จะได้ไปเที่ยวด้วย
“กิตอยากถ่ายรูปจังครับ” กิตกระตุกมือของบิดาและพี่สาวข้างบ้าน นั่นทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกเอ็นดูไม่น้อย ก่อนจะถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ความสัมพันธ์ของภีมพัฒน์และหนึ่งฤทัยพัฒนาไปอย่างรวดเร็วโดยมีกามเทพตัวน้อยนามว่ากิตคอยช่วยเหลือ
“วันนี้คุณพ่อทำงานกลับดึกครับพี่หนึ่ง น้องกิตต้องอยู่คนเดียว” กิตรีบโทรศัพท์ไปบอกพี่สาวข้างบ้านในทันที นั่นทำให้หนึ่งฤทัยต้องรีบไปหากิตที่บ้านเป็นการด่วน
“น้องกิต” เสียงคุ้นเคยที่เรียกอยู่หน้าบ้านทำให้กิตรีบวิ่งร่าไปรับในทันที
“คุณพ่อยังไม่กลับเหรอคะ”
“ใช่ครับ วันนี้คุณพ่อติดงานน่ะครับ น่าจะกลับดึก มีแค่พี่จรรยาคอยอยู่เป็นเพื่อน แต่พี่จรรยาก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว น้องกิตเกรงใจน่ะครับ” เด็กน้อยช่างเจรจาจนจรรยานั้นถึงกับอมยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของเจ้านายตัวน้อยที่อยากหาแม่ให้ตัวเอง และหาภรรยาให้บิดาด้วย
“งั้นพี่จรรยาไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้หนึ่งดูแลเอง”
“แต่พี่เกรงใจคุณหนึ่งน่ะค่ะ” จรรยาพูดแล้วหาวหวอดๆ
“ดูสิคะหาวใหญ่แล้ว คงจะเหนื่อยทั้งวัน ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องดูแลน้องกิต หนึ่งจะจัดการเองค่ะ” หนึ่งฤทัยพูดอีกครั้ง ทำให้จรรยายิ้มรับ ก่อนเดินจากมาก็หันไปทำมือทำไม้ให้เจ้านายตัวน้อยว่าทุกอย่างสำเร็จไปตามแผน
“ปกติคุณพ่อทำงานดึกแบบนี้ประจำเหรอคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยถามเด็กน้อยที่ปีนขึ้นมานั่งออดอ้อนอยู่บนตัก
“ก็ดึกบ้างไม่ดึกบ้างนะครับ คุณพ่อเป็นคนขยัน น้องกิตเข้าใจครับ แต่น้องกิตรบกวนพี่หนึ่งหรือเปล่าครับ” เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“ไม่รบกวนเลยจ้ะ มีอะไรโทรศัพท์ไปหาพี่หนึ่งได้ตลอดเวลาเลยนะ พี่หนึ่งยินดีช่วยเหลือน้องกิตทุกอย่างเลยจ้ะ” คนพูดลูบผมนุ่มสลวยของเด็กน้อยไปมาด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณนะครับพี่หนึ่ง” เด็กน้อยหอมแก้มนั้นฟอดใหญ่ โอบกอดเอาไว้อย่างแสนรักใคร่ หนึ่งฤทัยก็โอบกอดตอบกลับไป เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เอ็นดูกิตนัก เธอไม่ได้นึกรำคาญเด็กน้อยเลย แถมยังมีความสุขกับเสียงเจื้อยแจ่วของอีกฝ่ายเสียด้วย
“นี่กินอะไรหรือยังจ๊ะ”
“พี่จรรยาทำอาหารให้แล้วครับ แต่ผมไม่ค่อยหิว อยากจะรอคุณพ่อก่อน”
“ไม่หิวก็ต้องกินรู้ไหมเดี๋ยวปวดท้อง พี่หนึ่งอุ่นอาหารให้ดีไหม”
“พี่หนึ่งกินเป็นเพื่อนผมด้วยนะครับ”
“เอางั้นก็ได้จ้ะ” หนึ่งฤทัยตอบตกลง เธออุ่นอาหารและรับประทานพร้อมกับเด็กน้อยก่อนจะพาอีกฝ่ายไปแปรงฟัน
“พี่หนึ่งคร้าบ” เด็กน้อยเอ่ยเรียก ทำตาปริบๆ กอดตุ๊กตาหมีและชุดนอนลายการ์ตูนรออยู่ข้างเตียง
“ว่าไงครับ”
“น้องกิตอยากฟังนิทานครับ”
“ได้ค่ะ” เพราะเห็นท่าทีนั้นก็ใจอ่อนยวบ เธอโทรศัพท์ไปบอกผู้เป็นยาย เล่าทุกอย่างให้ฟัง คุณยายนั้นเป็นคนรักเด็กอยู่แล้วจึงบอกให้เธออยู่ดูแลกิตต่อไปก่อน จนกว่าภีมพัฒน์จะกลับมา
ยังไม่ทันได้เล่านิทาน เสียงโทรศัพท์มือถือของกิตก็ดังขึ้น หลังจากที่หนึ่งฤทัยวางสายจากคุณยาย
“สวัสดีครับคุณพ่อ กินแล้วครับ กินกับพี่หนึ่ง อาบน้ำแล้วครับ แปรงฟันแล้วด้วย ฟันไม่ผุแน่นอนครับ พี่หนึ่งกำลังจะเล่านิทานให้ฟังครับ ครับ... ครับ...” เด็กน้อยรายงานบิดา ก่อนจะรับคำเมื่อบิดาขอคุยกับหนึ่งฤทัย จึงรีบยื่นโทรศัพท์ให้พี่เลี้ยงจำเป็นในทันที
“สวัสดีค่ะคุณภีม”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน” ภีมพัฒน์พูดอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านใกล้เรือนเคียงกัน หนึ่งเห็นว่าพี่จรรยาดูเหนื่อยๆ เลยให้ไปพักค่ะ” เธอเป็นคนช่างสังเกต จึงเห็นว่าจรรยานั้นทำงานบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ทำอะไรแบบขอไปที นั่นทำให้ค่อนข้างเหนื่อยมากในแต่ละวัน แต่ภีมพัฒน์ก็ไม่ไว้ใจจ้างใครมาทำงานง่ายๆ จรรยาเองก็ต้องทดลองงานก่อน เขาถึงจะอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในบ้านได้