ตอนที่ 9

1967 คำ
"แฮปปี้เบิร์ดเดย์ที่รัก" "หนูไม่มีแรงเหลือแล้วนะ" "ล้างตัวหน่อยจะได้ไม่เหนี่ยวเหนอะหนะตัวเดี๋ยวพี่อุ้มไป" "ใจดีจัง" "ก็หนูเป็นเมียพี่นี่อายตา" "อย่าไปเรียกใครว่าเมียง่ายๆอีกล่ะ" "นับจากนี้มีแค่ยัยหนูคนเดียวครับ" พี่มิเกลอุ้มเธอไปล้างตัวจนสะอาดทุกซอกทุกมุมจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรงตัวสั่นสะเทือนร้องเสียงหลงดังลั่นไม่หยุดเกือบชั่วโมงครึ่งถึงได้พามานอนโดยที่ไม่ยอมให้ใส่ชุดนอนนั่นเลยทำให้เรานอนตัวเปล่ากอดกันบนเตียงอุ่นที่ยับยู่ยี่เพราะผ่านสมรภูมิรบอันหนักหน่วงมา ฝ่ามือหยาบเวลาลูบแผ่นหลังก็ช่วยให้ผ่อนคลายดีจริงเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็รู้สึกคล้ายว่าจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว มีคนนอนกล่อมแบบนี้ทำให้รูสึกอบอุ่นจัง! "ฝันดีนะพี่มิเกล" "เช่นกันครับยัยหนู" เช้าวันต่อมาอายตาขับรถไปเรียนที่มหาลัยตามปรกติแต่ว่าวันนี้กลับมาคนน่ารำคาญมายืนรอถึงหน้าตึกคณะของเธอ เพื่อนสนิทก็ยังมาไม่ถึงนั่นเลยทำให้มีเวลาว่างสักสิบนาทีในการคุยกับพี่เชอร์รี่แต่เป็นที่ร้านกาแฟด้านนอกไม่ใช่ในมหาลัยที่มีคนเยอะแยะขนาดนี้หรอกนะ "พี่อยากจะมาขอโทษเรื่องพี่มิเกลนน่ะ พี่ไม่รู้จริงๆว่าเขาคบกับน้องอายตาอยู่เลยตกลงรับหมั้นไปแบบนั้น ถ้าหากว่าพี่รู้ก่อนหน้านี้คงไม่รับหมั้นให้น้องอายตาต้องถูกนินทาว่าแย่งของผู้ชายของพี่สาวตัวเองหรอก" "แย่ง?" "ก็มีข่าวหลุดออกไปพี่พึ่งเห็นเมื่อเช้านี้เองเลยเป็นห่วงน้องอายตามากกลัวว่าจะถูกเพื่อนนินทาจนเสียหายเอาได้ แล้วคุยกับพี่มิเกลรึยังว่าจะเอายังไงต่อในเรื่องของเราสามคน" "เราสามคน?" "ก็ใช่ไง! ลุงไมค์มาขอหมั้นพี่ให้พี่มิเกลแล้วยังกำหนดงานแต่งในอีกหกเดือนข้างหน้านี้แต่ว่า...น้องอายตาแย่งเขาไปกลางงานหมั้นต่อหน้าผู้ใหญ่จนพี่มิเกลไม่มีทางเลือก พี่เห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเลยมาหากลัวว่าจะคิดมากเกินไป" "หนูว่าพี่เชอร์นี่เข้าใจอะไรผิดไปนะ!" "งั้นเหรอคะ?" "ถ้าเอาตามความจริงคนที่แย่งมันคือพี่เชอร์รี่ไม่ใช่เหรอคะ? หนูคบกับพี่มิเกลอยู่ดีๆก็ถูกเชิญไปเป็นพยานรักในงานหมั้นของคนรักกับพี่สาวตัวเอง พี่ไม่รู้สึกกระดากปากมั้งเหรอที่พูดว่าหนูแย่งทั้งที่พี่ต่างหากกำลังแย่งเขาไป หนูคบกับเขาก่อน หนูได้เขามาก่อน เมื่อคืนเรายังนอนด้วยกันที่บ้านหนูอยู่เลย แล้วการที่บอกว่าไม่มีทางเลือกก็ไม่น่าใช่นะคะเพราะว่าพี่มิเกลถูกลุงไมค์หลอกให้ไปแล้วจะจับมัดมือชกให้หมั้นกับพี่ต่างหาก คนที่อายต้องเป็นพี่เชอร์รี่สิคะไม่ใช่หนู!" "แต่พี่กำลังจะหมั้นอยู่แล้วนะ!" "ก็แล้วไงคะ? คือพี่เชอร์รี่ไม่มีปัญญาหาผัวเองเหรอถึงต้องวิ่งโร่มาขอผัวคนอื่นแบบนี้ แล้วที่ว่าเป็นเรื่องของเราสามคนน่ะไม่ใช่เลยนะคะเพราะพี่ยังไม่ได้หมั้นหมายอะไรเลยสักนิด พี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกับพี่มิเกลแล้วข่าวที่ออกไปก็ตั้งใจปล่อยเพื่อกดดันให้เราเลิกกันไม่ใช่รึไงคะ" "พี่ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ!" "เสียดายนะคะอุตส่าห์เรียนจบถึงปริญญาโทยังแยกเรื่องง่ายๆแค่นี้ไม่ออก คิดว่าหนูโง่ขนาดดูไม่ออกเลยเหรอว่าข่าวเกิดจากใครกันแน่ พี่อยากจะเล่นบทนางเอกที่ไหนก็เชิญเลยค่ะแต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ หนูคบกับพี่มิเกลมาก่อนและจะไม่เลิกง่ายๆหรอก หรือถ้าวันไหนเราเลิกกันคิดเหรอว่าพี่มิเกลจะเอาพี่เชอร์รี่?" "มากเกินไปแล้วนะน้องอายตา!" "งั้นก็จำใส่สมองขี้เลื่อยพี่เชอร์รี่ไว้เลยนะ พี่มิเกลเป็นของหนูคนเดียว อย่าสะเออะคิดมาแย่ง!" เชอร์รี่นั่งนิ่งพยายามใจเย็นให้มากที่สุดมองญาติผู้น้องด้วยความโกรธปนเกลียดจนแทบเก็บสีหน้าแสนดีเอาไว้ไม่ไหว เมื่อวานอายตาทำเธอขายหน้าต่อหน้าทุกคนส่วนพี่มิเกลก็เป็นของเธอไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนอย่างมันหรอก ทำไมต้องเป็นมันที่แย่งทุกอย่างไปด้วย! พี่มิเกลก็แค่หลงกลิ่นเน่าๆของมันแต่เดี๋ยวเธอจะทำให้เขาตาสว่างแล้วทิ้งก้อนกรวดไร้ค่าอย่างอายตามาเลือกเพชรเม็ดงามอย่างเธอเป็นคู่ชีวิตแทน เธอไม่มีวันแพ้นังเด็กนิสัยเสียนี่เป็นอันขาด! "แกไม่มีวันอยู่เหนือกว่าฉันหรอก!" อายตาขับรถเข้าไปจอดที่ประจำแล้วเดินไปหาเพื่อนที่ควงแฟนมาอีกแล้ว เพื่อนสนิทของเธอเป็นลูกคุณหนูตระกูลดังแต่ไม่รู้ทำไมเราถึงคบกันได้ทั้งที่เอาแต่ใจทั้งคู่ ส่วนแฟนของเพื่อนก็เห็นว่าเป็นลูกชายมาเฟียแต่ไม่แน่ว่าเป็นใครกันแน่ พวกเจ้าพ่อมาเฟียและผู้มีอิทธิพลกองกันอยู่เยอะแยะเดี๋ยวผุดขึ้นเดี๋ยวก็ดับไปและเธอก็ไม่ค่อยรู้จักใครด้วยสิ แต่ว่าเธอก็ได้มาเฟียมาเป็นของเล่น! "เห็นข่าวในไลน์ที่แชร์กันยังห่ะ?" "ที่ว่ากูแย่งคู่หมั้นพี่สาวน่ะเหรอ? เรื่องแบบนี้มีแค่พวกปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละที่เชื่ออีกอย่างกูก็ไม่ได้แคร์ด้วยสิ กูเจอก่อนแล้วยังได้กินก่อนนี่จะเรียกว่าแย่งก็ไม่ได้ป่ะ?" "ขอดูหน้าผัวมึงหน่อยดิว่าหล่อไหม?" "ก็หล่ออยู่หรอกแต่แก่กว่ากูตั้งหลายปีที่ได้กันก็เพราะเมาหรอกน่าไม่ได้รักซะหน่อย แล้วมึงก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอกซินเดี๋ยวก็เลิกกันแล้ว!" ตามข้อตกลงนั่นคือสามเดือนเพื่อให้เขาหาทางเอาตัวรอดจากการแต่งงานเท่านั้นเอง พอครบกำหนดเธอไม่ได้คิดจะยื้อเวลาต่อสักหน่อย "ใครกันนะได้ใจน้องอายตาไป" "พี่มาร์คอาจจะรู้จักก็ได้ค่ะแต่ช่างมันเถอะค่ะ หนูกับซินขอตัวไปเรียนก่อนนะ" "ตั้งใจเรียนละ เย็นนี้พี่ต้องกลับบ้านด่วนฝากน้องอายตาไปส่งซินที่คอนโดหน่อยนะ" "ได้เลยค่ะพี่มาร์ค" "ไปเหอะมึงเดี๋ยวสายจะโดนอาจารย์แม่ดุอีก!" เพื่อนมองแฟนอย่างอาลัยอาวรณ์จนน่าหนักใจมากเลยนะแต่ก็ช่างมันเถอะชินแล้ว เพราะตั้งแต่มีผัวมาเนี่ยก็แทบจะหายหัวจากร้านเหล้าได้ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องมาเรียนก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันไหมหรือคุยกันผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว ซินกับพี่มาร์คย้ายไปอยู่ด้วยกันที่คอนโดประมาณสองเดือนได้แล้วคงจะผูกพันลึกซึ้งกันมากขึ้นกว่าเดิมอีกมั้งเพราะเท่าที่รู้ก็ถูกจีบมานานเกือบสองปีแหนะกว่าจะได้คบกัน เฮ้อ...ชาตินี้จะมีใครรักเธอแบบนี้ไหมนะ? ...คงมีไม่หรอก! ทางด้านมิเกลก็ออกมาหาเพื่อนที่ร้านอาหารเพื่อจะกินข้าวเที่ยงและพูดคุยเรื่องใหญ่มากในรอบห้าปีที่ผ่านมา เขามีเมียที่เด็กมากแถมยังเอาแต่ใจตัวเองสุดๆไปเลยด้วยแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะสิ่งที่หนักใจคือเรื่องของเราจะดำเนินต่อไปยังไงหลังจากผ่านสามเดือนนี้ไปต่างหาก "นี่กูหูฟาดรึเปล่าเนี่ยไอ้สัตว์!?" "ไม่ผิดหรอก กูพูดเรื่องจริงและเป็นความลับห้ามใครรู้ด้วยเดี๋ยวปัญหาจะตามมา" "สิบล้านแลกกับคบกันสามเดือนแค่นี้น่ะเหรอ? คือกูเข้าใจว่ามึงโง่นะมิเกลแต่กูไม่คิดว่ามึงจะโง่ได้มากขนาดนี้ หรือว่าบ้านมึงผลิตเงินไงห่ะถึงคิดอะไรตื้นๆปัญญาอ่อนขนาดนี้ อายุก็เยอะแล้วทำเหี้ยอะไรไม่คิดให้มากกว่านี้บ้างแล้วถ้าครบความเดือนมึงไม่ร้องไห้เป็นหมาไงว่ะ!" "โอเชี่ยนใจเย็นๆอย่าพึ่งด่ามันดิ!" "คือ...กูชอบยัยหนูมากเว้ย แต่กูก็ไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่าอีกอย่างตอนนั้นพ่อกูจะมัดมือชกให้หมั้นกับอีกคนหนึ่งถ้ากูไม่เสนอไปแบบนี้มีเหรอจะยอมช่วยง่ายๆ กูแค่ต้องพยายามในสามเดือนนี้ให้ยัยหนูรัก" "มึงเอาใจลงไปเล่นก่อนแล้วไอ้มิเกล ถ้ายัยหนูของมึงไม่รักขึ้นมารู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าจุดจบจะเป็นแบบไหนแล้วใครเจ็บที่สุด?" "กูรู้" "แล้วมึงจะเอายังไงต่อล่ะ?" "คงหาจีบเมียละมั้ง" "จีบให้ติดล่ะแล้วมีอะไรก็รีบบอกจะได้วางแผนช่วยทัน ช่วงนี้กูยุ่งเรื่องเมียเหมือนกันไม่รู้จะดื้ออะไรนักหนา" "คนที่ดื้อคือมึงต่างหากล่ะไอ้เวร! คนไม่รักก็คือไม่รักเว้ยโอเชี่ยนหัดยอมรับความจริงได้แล้ว มึงก็ดีพร้อมหมดทุกอย่างทำไมไม่หาคนที่พร้อมจะรักมึงจริงๆว่ะ นี่มึงพยายามมาหลายปีแล้วนะยังเหมือนเดิม กูถามหน่อยว่ามันถึงเวลาพอรึยัง?" "บางทีตายยังง่ายกว่าตัดใจ!" "คลั่งรักฉิบหายไอ้สัตว์!" เรย์บ่นเบาๆเเล้วหันมากินข้าวต่อตามประสาชายโสดสนิทคนเดียวในกลุ่มเราสามคนเหตุผลก็น่าจะมาจากงานที่วุ่นวายมาสักพักและตอนเย็นวันนี้เขาต้องไปธุระที่ต่างจังหวัดเดินทางไกลมากกว่าจะไปถึงที่บ้านพักตากอากาศใกล้ชายป่ารกทึบ เขากำลังนั่งกินข้าวและน่าจะคิดเรื่องงานมากเกินไปมือเลยเผลอปัดไปโดนแก้วน้ำตกแตก เพล้ง! "โทษทีว่ะ! กูคิดมากนิดหน่อย!" "เย็นนี้กูไปต่างจังหวัดไม่มั่นใจว่าจะกลับมาวันไหนแล้วติดต่อได้ยากแถมนั้นไม่ค่อยมีสัญญาณคงตอบข้อความใครไม่ได้นะทันที" "อยู่บนยอดเขาไง!?" "ไปป่ากับลูกน้องเก่าของพ่อ" "เดินทางดีๆกูไปก่อนวันนี้แม่มาหาต้องไปแดกข้าวด้วยแล้วน่าจะได้คุยกันจริงจังเรื่องเมียกับเรื่องคู่หมั้น เย็นนี้พ่อแม่กูน่าจะทะเลาะกันอีกแม่งโคตรน่ารำคาญ!" "วันนี้กูก็จะหาเมียเหมือนกันได้ข่าวว่าไอ้รามิลมันกลับมาขอคืนดี" สถานการณ์ของพวกเราสามคนในตอนนี้คงมีแค่ไอ้เรย์เท่านั้นแหละที่รักษาความโสดมาได้นานเหลือเกิน เขาเดินออกนอกร้านอาหารพอดีกับที่ข้อความดังขึ้นและเมื่อเปิดอ่านก็ต้องหนักใจเพราะมีคนปล่อยข่าวใส่ร้ายเมียแต่ไม่มั่นใจว่าเป็นฝีมือของพ่อหรือทางฝั่งเชอร์รี่แต่ที่แน่ๆที่ทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้หวังจะกดดันให้เราเลิกกันซึ่งมันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เมื่อเช้าเชอร์รี่แวะไปคุยเรื่องนี้กับอายตาคงจะต้องการให้เรื่องเรามันจบลงเพื่อจะเสียบต่ออย่างหน้าด้านๆ ไม่น่าเกิดมาหล่อเลยกู!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม