บทที่ 1.1 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง

1881 คำ
บทที่ 1.1 ชีวิตใหม่ข้าขอกำหนดเอง  ซ่งไป๋ลู่มองข้าวต้มที่ใสจนแทบไม่ต่างจากน้ำเปล่าตรงหน้าแล้วได้แต่ยิ้มแห้ง แน่นอนว่าเรื่องชีวิตที่แสนยากจนของนางร้ายตัวประกอบผู้นี้ถูกกล่าวถึงในนิยายที่นางรีวิวอยู่บ้าง ทว่าให้จินตนาการอย่างไรซ่งไป๋ลู่ก็ไม่คิดว่านักเขียนจะสร้างความยากจนให้ตระกูลซ่งถึงขั้นนี้ “นี่คือ... ข้าวต้มที่ท่านทำหรือ” หญิงสาววัยสามสิบที่ยามนี้กลายเป็นเด็กน้อยวัยสิบขวบเอ่ยถามด้วยความสงสัย พลางใช้ช้อนที่แตกบิ่นในมือตักน้ำในถ้วยขึ้นมอง “อืม... โชคดีที่วันก่อนลูกสาวตระกูลเกาแต่งงาน ในครัวเขามีข้าวสุกเหลือจำนวนมาก พี่จึงเอามาตากแห้งไว้ น้องรองเจ้าไม่สบายรีบกินเร็วเข้า” ข้าวตากแห้ง บัดซบ! นี่ยังนับว่าเป็นความโชคดีอีกหรือ หากนางย้อยกลับไปได้สาบานว่านางจะใช้นามลับเข้าไปโจมตีคนแต่งเรื่องนี้ให้หนักเลยทีเดียว จ๊อก... เสียงท้องน้อยๆ ของซ่งหานลู่ดังขึ้นมือเล็กยกขึ้นกุมหน้าท้องของตนแล้วเม้มริมฝีปากเล็ก “อาการป่วยของข้าดีขึ้นมากแล้ว พวกท่านเองก็ยังไม่ได้กินอะไรใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าวต้มถ้วยนี้เรามาแบ่งกันเถอะนะ” “ข้าไม่หิวพี่รองท่านกินมากจะได้หายไวๆ” เสียงเล็กใสเอ่ยบอกรัวเร็ว เขาจะกล้าแย่งของของนางมากินได้อย่างไร ท้องหิวยังคงทนไหว แต่หากถูกนางทุบตีจนขาหักคงยากจะทนได้ “เมื่อครู่ตอนต้มข้าวให้เจ้าข้าเองก็กินมาแล้ว น้องรองเจ้ารีบกินข้าวจะได้กินยา” เมื่อถูกขยั้นขยอเช่นนี้ซ่งไป๋ลู่แม้รู้สึกละอายใจแต่ก็จำใจยกชามที่แตกบิ่นตรงหน้าขึ้นกินข้าวต้มใส หลังจากกลืนข้าวต้มที่ซ่งไป๋ลู่แทบสัมผัสไม่ได้ถึงเม็ดข้าวลงท้องแล้ว นางก็ถูกเด็กชายวัยสิบสี่ปีบังคับให้นอนพักต่อ คนถูกบังคับ ถึงกับกุมขมับมองเด็กชายสองคนที่ทำราวกับเป็นผู้ปกครองของนางด้วยความอ่อนใจ ทว่าเพราะร่างของเด็กหญิงซ่งไป๋ลู่ผู้นี้เองก็อ่อนล้าจากพิษไข้เป็นทุนเดิม ดังนั้นนางจึงไม่คิดโต้แย้งยอมทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่าย ทิ้งกายลงนอนตามที่เด็กชายตัวผอมต้องการ เพียงแต่ยามที่เอนกายลงบนเตียงไม้ไผ่ที่แข็งกระด้างคิ้วเล็กก็ขมวดมุ่น แน่นอนว่าความคิดของซ่งไป๋ลู่ตอนนี้ก็คือ หายดีเมื่อไหร่นางจะต้องทำที่นอนนุ่มๆ เป็นอันดับแรก หากแต่เพราะนอนหลับมาครึ่งวันแล้ว แม้ร่างกายจะอ่อนล้าแต่ก็ไม่อาจข่มตาหลับ ดวงตากลมใสจึงกวาดมองไปรอบตัว เรือนที่ซ่งไป๋ลู่และพี่น้องทั้งสองของนางพักอาศัยอยู่หลังนี้เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ที่มุงด้วยกระเบื้องผุๆ หลายจุดยังมีรอยแตกร้าวจนแสงแดดทะลุผ่านเข้ามา ไม่ต้องคิดถึงยามฝนตกหลังคาเก่าๆ นี้คงไม่อาจช่วยอะไรได้เลย ดูเหมือนนอกจากฟูกนอนแล้ว หลังคาก็เป็นอีกสิ่งที่นางต้องจัดการแก้ไขโดยเร็ว เมื่อนอนไม่หลับร่างเล็กก็ค่อยๆ ลงจากเตียง เปิดประตูไม้ที่แทบจะหลุดออกมาจากวงกบหากนางออกแรงมากเกินไป ประตูนี่ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน เมื่อเดินออกมานอกตัวบ้านดินหลังเล็ก เบื้องหน้าเป็นลานโล่ง ด้านซ้ายมือมีโรงเรือนเก่าๆ ที่คาดว่าน่าจะถูกใช้เป็นห้องครัว เพียงแต่ ทั้งสี่ทิศไร้กำแพง มีเพียงเตาเล็กและกะทะไร้ด้ามใบหนึ่งวางอยู่บนเตา ด้านข้างเป็นชามบิ่นๆ สองสามใบวางซ้อนกันอยู่บนชั้นไม้ไผ่ที่ทำอย่างง่ายๆ ห้องครัวนี่ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน ดวงตากลมกวาดตามองไปรอบตัวทั้งสี่ทิศ นอกจากหน้าบ้านล้วนมีแต่หญ้าขึ้นรกชัน บ่งบอกถึงการขาดคนดูแล หญ้าพวกนี้ก็ควรต้องจัดการแก้ไขเช่นกัน ซ่งไป๋ลู่รู้สึกปวดขมับทั้งสองข้างขึ้นมา เพียงขยับตัวกวาดสายตาก็พบเพียงสิ่งที่ ควรต้องจัดการแก้ไข ไปเสียทุกอย่าง ทว่ายามยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมองแล้วก็ได้แต่นึกสะท้อนใจ อยู่ในร่างของเด็กสิบขวบเช่นนี้นางจะแก้ไขทุกอย่างได้อย่างไรกัน ..................................................... “พี่รอง พวกเรากลับมาแล้ว” เสียงของซ่งหานลู่ดังขึ้นที่ด้านนอกก่อนที่ประตูผุๆ จะถูกเปิดออก พร้อมกับร่างผอมแห้งของสองพี่น้องที่เดินเข้ามา ซ่งไป๋ลู่ได้แต่มองดูด้วยความกังวลใจว่าประตูบ้านนี้จะพังลงมาทับเด็กชายทั้งสองหรือไม่ “พี่รอง วันนี้ข้ากับพี่ใหญ่ไปช่วยท่านป้าชุนทำนา พวกเขาจึงแบ่งมันเทศมาให้พวกเราหนึ่งตะกร้า” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วเอ่ยบอกราวกับมีเรื่องยินดียิ่ง ทว่าคนได้ยินกลับขมวดคิ้วแน่น “เจ้ากับพี่ใหญ่ไปทำนาทั้งวันได้ค่าแรงเป็นเพียงมันเทศหนึ่งตะกร้าเท่านั้นหรือ” ซ่งไป๋ลู่ไม่รู้เรื่องอัตราการจ้างงานของคนในยุคนี้ แต่แม้ซ่งต้าลู่จะเป็นเพียงเด็กชายวัยสิบสี่ปีและซ่งหานลู่จะมีอายุแค่ห้าขวบ ทว่าอย่างน้อยไปทำงานก็ควรได้ค่าแรงไม่ใช่หรือไร เหตุใดจึงได้เพียงมันเทศหนึ่งตะกร้าเช่นนี้เล่า “ท่านป้าชุนไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเช่นนั้น แต่น้องรองเจ้าลืมไปแล้วหรือท่านป้าใหญ่เป็นผู้ดูแลพวกเรา เงินค่าแรงของพวกเราย่อมต้องยกให้นาง” เป็นผู้ดูแล ต้องยกเงินค่าแรงให้ หึ! สตรีนางนั้นน่ะหรืออย่าใช้คำว่าดูแลเลย เรียกว่ากดยี่ข่มเหงและรีดไถจึงจะเหมาะสมกว่า ซ่งไป๋ลู่ยังคงจำครั้งแรกที่พบเจอคนที่สองพี่น้องเรียกว่า ท่านป้าใหญ่ ได้ดี ในใจพลันนึกค่อนขอดดูแคลน หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ยามนี้ตัวนางอยู่ในร่างของเด็กหญิงวัยสิบขวบผู้อ่อนแอ หากสร้างเรื่องขึ้นมาคำพูดจะมีน้ำหนักสู้สตรีร้ายกาจนางนั้นได้อย่างไร ทว่าแม้ยามนี่นางไม่พูดก็ไม่ได้หมายความว่านางยินดีให้สตรีผู้นั้น ข่มเหงรังแกตนเองและเด็กชายตรงหน้าทั้งสองคน เพียงแค่เรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดีก็เท่านั้น “พวกเจ้ารอหน่อยพี่จะเร่งไปก่อไฟ คืนนี้เราจะได้กินมันเผากัน” “เย้!” เสียงของซ่งหานลู่ร้องอย่างดีใจ ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางนี้ของน้องชายแล้วสะท้านในอก ที่ผ่านมาสามพี่น้องตระกูลซ่งต้องใช้ชีวิตยากลำบากแค่ไหนกัน เพียงได้กินมันเผาสักมื้อก็ยินดีถึงเพียงนี้แล้ว “ข้าเสียงดังรบกวนพี่รองแล้ว” คนที่กระโดดร้องดีใจหันมาเห็นแววตากลมของพี่สาวจดจ้องมาที่ตนก็เม้มริมฝีปากเล็กเอ่ยเสียงเบา ขยับตัวไปยืนด้านหลังพี่ชายคนโต “เรื่องแค่นี้จะเรียกว่ารบกวนได้อย่างไร” ซ่งไป๋ลู่ที่สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในแววตาเด็กชายตัวน้อยเอ่ยเสียงอ่อนโยน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร่างทำสิ่งใดไว้ เด็กชายหานลู่ผู้นี้จึงได้หวาดกลัวทุกการเคลื่อนไหวของนางได้ถึงเพียงนี้ “พี่ใหญ่ มันพวกนี้ท่านตัดส่วนบนของหัวให้ข้าสักสองข้อนิ้วมือได้หรือไม่” แม้ซ่งต้าลู่จะไม่รู้เหตุผลที่น้องสาวต้องการเศษหัวมันช่วงบน ทว่าเพียงแค่สองข้อนิ้วมือไม่นับว่ามากมายอะไรเขาจึงพยักหน้ารับคำของนาง ยามที่ฝืนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ซ่งหานลู่ก็ประคองหัวมันเผาเข้ามาให้พี่สาวของตน บนแก้มของเขามีรอยถ่านสีดำติดมอมแมมดูแล้วคงลงมือช่วยซ่งต้าลู่เผามันพวกนี้ด้วยอย่างแน่นอน “พี่รองหัวมันสุกแล้ว ท่านรีบกินตอนที่กำลังร้อนๆ” ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางถือประคองอย่างระมัดระวังราวกับหัวมันในมือเล็กเป็นของล้ำค่าแล้วถอนหายใจยาว ไหล่เล็กสะดุ้งเล็กน้อย รีบเอ่ยบอกอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้แอบกินก่อนท่านนะขอรับ” จ๊อก... คล้ายกังวลว่านางจะไม่เชื่อคำของเด็กน้อย ท้องแห้งๆ ของเขาจึงได้ส่งเสียงยืนยันออกมา “ก็แค่หัวมันเทศ หากเจ้าหิวก็กินก่อนได้เลย” “ท่านป้าชุนบอกว่ามันเทศพวกนี้เป็นของดีที่ลูกชายของนางได้มาจากจวนเจ้าเมืองราคาในตลาดสูงมากทีเดียว ข้าจะกล้ากินก่อนท่านได้อย่างไร” ตั้งแต่จำความได้ ของดีใดล้วนต้องให้พี่สาวก่อนเสมอ ดังนั้นให้ซ่งหานลู่อยากกินแค่ไหน มันเทศหัวแรกก็ต้องมอบให้คนบนเตียงก่อน “กินก่อนกินหลังอะไรกัน พวกเราเป็นพี่น้องกันย่อมต้องแบ่งปันกัน” ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ หากแต่กลับทำให้ดวงตากลมเล็กเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เพื่อแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า นางจึงเอื้อมไปหยิบมันเผาในมือเล็กมาปลอกกิน “อืม... อร่อยสมกับที่เจ้าบอกจริงๆ น้องเล็กเจ้าลองกินดูสิ” “ไม่ได้ขอรับ! พี่ใหญ่บอกว่าพวกเราเป็นผู้ชายต้องเสียสละ ดูแลปกป้องท่าน พี่รองหากท่านชอบข้าจะเอามาให้ท่านอีก” “น้องเล็กเจ้าเห็นพี่สาวผู้นี้เป็นแม่หมูหรือไรแค่มันหัวเดียวข้าก็อิ่มมากแล้ว ที่เหลือเจ้ากับพี่ใหญ่ก็กินเถอะ” ซ่งไป๋ลู่ สตรีนางนี้คืออดีตภรรยาของเขาไม่เพียงเป็นหญิงชาวไร่ที่ขาดการอบรมไร้ทั้งการศึกษาและมารยาท แม้แต่รูปร่างก็ใหญ่โตราวหมูแม่พันธุ์ ผิวกายดำกระด้างหยาบกร้านเสียยิ่งกว่าหนังวัวตากแห้ง เป็นบทบรรยายที่นักเขียนเอ่ยถึงซ่งไป๋ลู่ ดูแล้วสาเหตุที่นางในอนาคตมีรูปร่างเช่นนั้นทั้งที่สถานะทางบ้านยากจนถึงเพียงนี้คงเพราะสองพี่น้องแซ่ซ่งมักมอบของกินที่ดีที่สุดให้กับนางก่อนเสมอเช่นนี้ “ขอบคุณพี่รอง” คนตัวเล็กเอ่ยขอบคุณหนึ่งคำแล้วก็หมุนตัวจากไป ซ่งไป๋ลู่มองตามแผ่นหลังของเขาแล้วถอนหายใจยาว ไม่ว่าบทบาทของนางร้ายตัวประกอบซ่งไป๋ลู่และพี่น้องของนางในนิยายจะถูกกำหนดไว้เช่นไรล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะนับจากนี้นางจะเป็นผู้กำหนดบทบาทของตัวละครนี้ด้วยตัวเอง ในเมื่อมีวาสนาได้พบเจอ ข้าจะปกป้อง ส่งเสริมพวกเขาเอง ..................................................... น้องลู่ ถ้ามันจะขนาดนี้ แม่ว่าสร้างใหม่เถอะลูก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม