บทที่ 3.3
หลุดพ้นจากคนชั่ว
ซ่งหลี่เถียนวันนี้ข้าจะทวงคืนความยากลำบากทั้งหมด
“ท่านป้าใหญ่ ของพวกนั้นพวกข้าล้วนใช้เงินของตัวเองซื้อมาทั้งสิ้น จะเป็นของท่านได้อย่างไร”
“นางตัวดี เจ้ากล้าซุกซ่อนเงินหรือเอามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“ข้าไม่ให้ เงินที่ท่านพ่อส่งมาท่านก็ยึดไปจนหมดตอนนี้ยังจะมาเอาเงินของพวกเราอีก ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือ”
“เงินของพ่อเจ้าอะไรกัน พ่อเจ้าไม่เคยส่งเงินมาให้สักหน่อย”
“เช่นนั้นพี่ใหญ่ทำงานทุกวันเงินค่าแรงก็สมควรได้รับ เหตุใดจึงเป็นท่านที่ยึดไปหมด”
“สารเลว ล้วนสารเลวกันทั้งสิ้น สมแล้วที่เป็นเด็กเหลือขอไร้มารดาอบรม ซ่งไป๋ลู่! นางตัวดีเจ้ากล้าถามเอาเงินจากข้าหรือ พี่เจ้าทำงานทดแทนบุญคุณให้ข้าจะมาถามเอาเงินอะไรกัน”
ซ่งไป๋ลู่ได้ยินคำพูดของสตรีตรงหน้าในใจก็นึกเย้ยหยัน หากแต่บนใบหน้ากลับอาบไปด้วยน้ำตาโผเข้าไปโอบกอดพี่ชายเอาไว้
“ท่านป้าพวกเราเป็นหลานของท่าน ไม่ใช่ทาสนะเจ้าคะจะได้ทำงานให้ท่านโดยไม่ได้แม้แต่ข้าวเป็นการตอบแทนเช่นนี้ได้อย่างไร”
“หลานอะไรพวกเจ้าล้วนเป็นตัวภาระทั้งสิ้น ส่งเงินมาให้ข้า”
เอ่ยจบซ่งหลี่เถี่ยนที่ตีคนจนเจ็บมือก็หันไปหยิบไม้กวาดขึ้นหมายฟาดลงบนตัวซ่งไป๋ลู่ที่กล่าวยั่วโทสะนาง ซ่งต้าลู่รีบรวบตัวน้องสาวเอาไว้แนบอก ทว่าก่อนที่ไม้กวาดในมือซ่งหลี่เถี่ยนจะหวดลงมา ก็ถูกมือหนาของกู้ฉินจับยึดเอาไว้
“กู้ฉิน! เรื่องในบ้านตระกูลซ่ง คนนอกอย่างเจ้าอย่าได้มาสอดมือ ปล่อยข้า!”
“เช่นนั้นหากเป็นข้าเล่า!”
ซ่งหลี่เถี่ยนใบหน้าซีดเผือดในทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังกู้ฉินคือใคร…
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน!”
“ซ่งหลี่เถี่ยน เจ้าบอกว่าไม่เคยได้รับเงินจากซ่งไห่เฟิง เช่นนั้นในทุกสิบห้าวันเงินที่รับจากข้าไปคืออะไรกัน”
“เอ่อ...”9
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสามคนอย่างที่ซ่งไห่เฟิงฝากฝังเอาไว้ เช่นนั้นเงินจำนวนนี้เจ้าก็ไม่สมควรรับต่อ อีกทั้งตลอดสองปีมานี้เงินที่รับไปก็สมควรเอามาคืน”
“ยังมีข้าวและเนื้อหมูที่ท่านป้าขโมยไปด้วยขอรับ”
ซ่งหานลู่ยังคงฝังใจเรื่องเนื้อหมูของตนไม่หายเอ่ยร้องขอความเป็นธรรมต่อหัวหน้าหมู่บ้านในทันที โดยไม่สนใจสายตาถลึงโกรธที่คนเป็นป้าส่งมาเลยสักนิด
“เช่นนั้นก็รวบยอดคืนมาให้หมด”
“ข้าจะเอามาคืนทั้งหมดได้อย่างไร ทั้งหมดนั่นนับรวมกันหลายสิบตำลึงเลยเชียวนะเจ้าคะ อย่างมากก็... ก็มีแค่ห้าตำลึง”
“เช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นแม่หมู ไก่ ที่ดินหลังบ้านข้าเล่าเจ้าค่ะ”
ซ่งไป๋ลู่ฉวยโอกาสที่เหล็กกำลังร้อนตีซ้ำในทันที ซ่งหลี่เถี่ยนไม่ทันเอ่ยคัดค้านโจวซือเว่ยผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็เห็นชอบด้วย อีกทั้งยังให้ซ่งหลี่เถี่ยนซ่อมแซมประตูบ้านที่นางพังลงให้สามพี่น้องตระกูลซ่งอีกด้วย
“ไม่คิดว่าน้องสาวของข้าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้”
เมื่อทุกคนกลับไปแล้วซ่งต้าลู่ก็เอ่ยกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ซ่งหานลู่ที่เมื่อครู่เป็นม้าเร็วไปตามคนกระโดดขึ้นเตียงเข้ามากอดขาพี่สาวของตนแน่น
“พี่รองท่านยอดเยี่ยมที่สุด”
ซ่งไป๋ลู่ยกมือขึ้นดีดนิ้วลงบนศีรษะเล็กของน้องชาย ทว่าซ่งหานลู่ไม่คิดวิ่งหนี ยังเงยหน้าให้นางดีดได้อย่างถนัดมือ
“พี่รองอยากตีข้า ข้าย่อมยินดีให้ตี ขอเพียงท่านยังคงเป็นพี่รองที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้ อย่าได้กลับไปเป็นพี่รองที่โง่งมคนเดิมอีกก็พอ”
ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาวส่ายหน้าไปมา ก่อนจะสบดวงตาคมของซ่งต้าลู่ บนตัวเขายังมีรอยฝ่ามือของซ่งหลี่เถี่ยนชัดเจนจนนางปวดใจ ขยับตัวไปหยิบตลับยาที่ซื้อเอาไว้ออกมา
“น้องรองนี่คือ...”
“ยาทาแก้ฟกช้ำเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ท่านถอดเสื้อออกข้าจะทายาให้”
ซ่งต้าลู่ใบหน้าแดงก่ำ หากแต่ก็ยอมปลดเสื้อของตนเองออกให้น้องสาวตัวน้อยทายาให้
“ข้าว่าแล้วเชียวว่าสักวันต้องได้ใช้ยานี่ พี่ใหญ่ครั้งหน้าหากใครจะตีท่าน ท่านก็หัดหลบเสียบ้าง หรือไม่ก็สวนกลับไปเลย ยอมให้เขาตีอย่างเดียวแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”
“นางคือป้าใหญ่ อย่างไรก็นับว่าเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ข้าจะตีนางได้อย่างไร”
“เช่นนั้นหากคราวหน้านางจะตีข้า ท่านก็จะให้นางตีหรือเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ซ่งต้าลู่ก็กำมือแน่น สายตามองไปยังประตูเรือนที่พังลง แววตาที่อบอุ่นแปลเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง ดุดัน
“พวกเจ้าเป็นน้องของข้า จะให้ผู้อื่นแตะต้องได้อย่างไร”
............................................
หลังจากที่ซ่งหลี่เถี่ยนถูกตัดออกจากการเป็นผู้ดูแลสามพี่น้องตระกูลซ่ง ซ่งต้าลู่ก็ไม่ต้องออกไปทำงานหนักเช่นทุกวันอีก และเพราะอีกฝ่ายเอาที่ดินสิบหมู่ แม่หมูหกตัว ไก่สิบตัวมาชดเชยเงินที่ยึดไปถึงสองปี ตอนนี้ซ่งต้าลู่จึงต้องเร่งทำเล้าหมู และเล้าไก่ อีกทั้งยังต้องวางแผนเร่งปลูกพืชผลให้ทันทั้งสิบหมู่ในเดือนนี้ แน่นอนว่าที่ดินมากมายถึงเพียงนั้นเขาที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปีจะทำคนเดียวไหวได้อย่างไร
“ข้าได้ยินว่าท่านลุงกู้ฉิน กับพี่กู้เหยียนไม่มีที่ดินทุกวันเลยต้องขับเกวียนรับฝากของเข้าเมือง หากเราแบ่งที่ดินให้เขาสามหมู่แลกกับข้อตกลงให้เขาช่วยเราปลูกข้าวแปดหมู่ พี่ใหญ่ท่านเห็นเป็นอย่างไรเจ้าคะ”
ในเมื่อเขาทำคนเดียวก็ไม่หมด แบ่งให้กู้เหยียนช่วยทำย่อมดีกว่าปล่อยทิ้งร้าง อีกทั้งยังได้แรงงานของพวกเขาทั้งครอบครัวมาช่วยนี่นับว่าเป็นความคิดที่ดี
“เช่นนั้นข้าจะไปลองคุยกับท่านลุงกู้ดู”
“สมแล้วที่เป็นพี่รองของข้า”
ซ่งไป๋ลู่ส่ายหน้าไปมากับคำเยินยอของน้องชายตัวน้อย มือเล็กปลอกเปลือกลูกพลับแล้วร้อยเป็นพวง เอาไปแขวนตากแดด ส่วนที่ยังไม่สุกดีก็เอาดองใส่ไหเอาไว้
“พี่ใหญ่ไม้ไผ่พวกนั้นท่านไม่ใช่แล้วหรือเจ้าคะ”
“อืม... เล้าไก่กับเล้าหมูทำเสร็จแล้วไม่จำเป็นต้องใช้อีก”
“เช่นนั้นยกให้ข้านะเจ้าคะ”
ซ่งต้าลู่พยักหน้าอนุญาต แล้วเดินออกจากบ้านไปเพื่อเจรจาเรื่องการแบ่งที่ดินให้ตระกูลกู้ช่วยทำ
“พี่รองท่านจะทำอะไรหรือขอรับ”
ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างยกไหท้อดอกไปไว้ที่ข้างบ้าน แล้วเดินมาหอบไม้ไผ่ไปที่หลังเรือน ใช้เวลาร่วมครึ่งวันก็ทำค้างปลูกผักเสร็จ
“น้องเล็ก เจ้าไปเอากล้าฟักทองมาลงดินกัน”
ซ่งหานลู่พยักหน้ารับคำพี่สาว ไม่นานนักสองพี่น้องก็ปลูกต้นฟักทองเสร็จ ซ่งไป๋ลู่จับต้นที่กล้าพันขึ้นบนค้างไม้ไผ่ ใช้ต้นหญ้าฟางแห้งมัดยึดเอาไว้หลวมๆ ขณะที่ซ่งหานลู่พรมน้ำตามหลังให้อย่างเบามือ
“พี่รองเราจะมีฟักทองกินกันแล้วใช่หรือไม่”
ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างพยักหน้ารับคำของน้องชาย นับจากนี้ชีวิตของพี่น้องตระกูลซ่งทั้งสามจะต้องก้าวหน้าขึ้นอย่างแน่นอน
............................................
ยามที่สองพี่น้องตระกูลซ่งนอนหลับแล้ว ซ่งไป๋ลู่ก็ลงจากเตียงมาอย่างแผ่วเบา อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์เดินไปหยิบดินเหนียวที่ขุดมาจากบนเขาออกมาเติมน้ำผสมแกลบ ใช้เท้าเล็กนวดให้ทั้งหมดเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
“น้องรอง”
เสียงดุที่คุ้นหูดังมาจากหน้าประตูบ้าน ซ่งไป๋ลู่รู้สึกเสียวหลังวาบ โดยไม่ต้องหันไปมองก็รับรู้ได้ว่าคือผู้ใด
“พี่ใหญ่ ท่านยังไม่หลับหรือ”
“ควรเป็นข้าที่ถามเจ้า เหตุใดไม่นอนมาเล่นดินอะไรกลางดึก”
“ข้าไม่ได้เล่นนะเจ้าคะ”
ซ่งไป๋ลู่เอ่ยโต้ ก่อนจะยกยิ้มกว้างส่งสายตาออดอ้อนไปให้อีกฝ่าย ไม่รู้ว่านางร้ายตัวประกอบเช่นซ่งไป๋ลู่ผู้นี้มีดีอะไรถึงได้มีพี่ชายที่รักใคร่เอ็นดู และห่วงใยนางถึงเพียงนี้
“ข้าเพียงลุกขึ้นมานวดดินทิ้งไว้ พรุ่งนี้จะได้เอาขึ้นไปอุดรูรั่วบนหลังคาเจ้าค่ะ”
“นี่เจ้าคิดจะปีนขึ้นไปอุดรูรั่วบนหลังคาอย่างนั้นหรือ”
“ช่วงนี่ฝนใกล้มาหากไม่เร่งจัดการหลังคารั่วพวกนั้นข้าเกรงว่า...”
“ไปล้างตัว พรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้เอง”
เรื่องที่หลังคาบ้านรั่วนั้นซ่งต้าลู่ไม่ได้คิดจะปล่อยผ่าน ทว่าที่ผ่านมาเขาถูกซ่งหลี่เถียนใช้งานจนไม่มีแม้แต่เวลาพัก ดังนั้นจึงได้ละเลยเรื่องนี้ไป เพียงแต่เมื่อรู้ว่าน้องสาวตัวน้อยคิดแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง ในใจของพี่ชายเช่นเขาก็รู้สึกไม่ยินยอม ดังนั้นทันทีที่ฟ้าสางซ่งต้าลู่ก็จัดการซ่อมแซมอุดรอยรั่วบนหลังคาจนแล้วเสร็จ เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นก็คือ
“น้องรองเหตุใดจึงใส่แกลบลงไปในดินเหนียวเช่นนี้”
“ทำเช่นนี้จะทนทานมากกว่าเจ้าค่ะ พี่ใหญ่วันนี้ท่านต้องไปช่วยท่านป้าชุนทำนาอีกหรือไม่”
เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นซ่งไป๋ลู่จึงเบี่ยงประเด็นสนทนา ซ่งต้าลู่แม้รู้ว่าน้องกำลังหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของเขาแต่ก็ไม่คิดจะคาดคั้นอะไรจากนางเพิ่ม เพียงพยักหน้ารับคำของนางเท่านั้น
“เช่นนั้นเร่งไปล้างตัวแล้วมากินข้าวเถิดเจ้าค่ะ”
ซ่งไป๋ลู่เอ่ยบอกแล้วตักข้าวต้มไข่ใส่ชามก่อนจะยกเข้าไปในบ้าน กลิ่นของอาหารเช้าทำให้ดวงตากลมของคนบนเตียงเปิดกว้าง ก่อนที่จะดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พี่รอง เช้านี้มีเนื้อกินอีกหรือไม่”
ซ่งไป๋ลู่ถอนหายใจยาว น้องชายผู้นี้หายใจเข้าออกเป็นเนื้อหรืออย่างไรกัน
“ไม่มี”
ใบหน้ากลมสลดลงเล็กน้อย ก่อนหน้าไม่เคยลิ้มรสของอร่อยไม่ได้กินไปทั้งชีวิตเขาก็ไม่เสียใจ ทว่ายามนี้ได้ลองกินแล้ว ท้องเล็กๆ ของเขาก็เอาแต่ร่ำร้องอยากกินเนื้อไม่หยุด
“เช้านี้เป็นข้าวต้มไข่ แต่ข้าบอกพี่กู้เหยียนแล้วหากวันนี้ขายผลไม้ได้ให้ซื้อเนื้อมาหนึ่งจิน”
“พี่รองท่านดีที่สุด เช่นนั้นวันนี้ข้าจะตั้งใจเก็บผลท้อให้มากขึ้น”
ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้างมองเด็กชายที่วิ่งไปล้างหน้าล้างตาอย่างกระตือรือร้น ความจริงแล้วนอกจากเนื้อหมูหนึ่งจิน นางยังฝากให้กู้เหยียนซื้อไข่ไก่ ข้าวสาร และของแห้งมาอีกอย่างละเล็กน้อย ดวงตากลมมองเสื้อผ้าสีซีดของสามพี่น้องตระกูลซ่งที่มีเพียงคนละสองชุดแล้วถอนหายใจยาว
อย่างไรเสียสิ่งสำคัญก็คือปากท้อง และการใช้ชีวิต เสื้อผ้าเหล่านี้ย่อมรอได้
............................................
น้องไป๋สุดยอดไปเลยลูก!!!!!!!
ต่อไปก็เริ่มทำสวนกันได้แล้วววววว