ท่านพ่อ... ท่านผิดเองที่ยกตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ให้อัสมิน และท่านพี่... ท่านพี่ก็ผิดที่อ่อนแอ ข้าต่างหากที่สมควรปกครองชนเผ่ากัวลา และเป็นประมุขของซาล ข้าต่างหาก
เพื่อชดเชยความผิดของข้า ข้าได้เลี้ยงมาราตีจนเติบใหญ่และดูแลนางเป็นอย่างดีแล้ว หวังว่าท่านคงให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำ
อับดุลอาซิกล่าวขอโทษบิดาและพี่ชายในใจ
แม้ต้องการอำนาจ แต่ความสำนึกผิดของชีคแห่งกัวลาก็ยังเกาะกินใจเขาอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้ถูกเก็บงำไว้ภายใต้ความเลือดเย็นที่เขาได้หยิบยื่นความตายให้แก่ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ
ความเย็นของน้ำจากผ้าผืนน้อยทำให้มาราตีค่อยๆ ได้สติ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือยะห์นา ร่างงามโผเข้ากอดคนสนิทแนบแน่น เนื้อตัวสั่นเทาจนสะท้าน ความดีใจที่ได้เห็นคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะทำให้หญิงสาวเผลอสะอื้นออกมา
“ท่านเป็นเช่นไรบ้าง เงียบเสียคุณหนู จงอย่าได้ร้องไห้เช่นนี้อีก ท่านไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่สำคัญท่านไม่เคยอ่อนแอ ข้ารู้” ยะห์นาปลอบประโลมนายสาวด้วยความห่วงใย เห็นร่องรอยบนเรือนร่างและจุดอ่อนไหวของร่างกายที่นางทำความสะอาดให้จนหมดสิ้นก็นึกเอ็นดูและสงสารยิ่ง
“ข้าอยากไปจากที่นี่ ยะห์นาท่านได้ยินสิ่งที่ข้าขอหรือไม่ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่” เป็นครั้งแรกที่มาราตีหวาดกลัวและร้องไห้
ยะห์นากอดร่างเล็กที่สั่นเทาอย่างปลอบประโลมไม่ห่างกาย
“มันคงไม่ง่ายแบบนั้น ท่านก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้” คำพูดของยะห์นาทำให้มาราตีถอนสะอื้น
“ยะห์นา ชีคอัฟฟานจะประหารข้าในเช้าวันนี้ คงเหลือเวลาอีกไม่นานที่จะฆ่าข้าเสียให้สิ้นชีวาวาย หากไม่รีบหนีข้าคงไม่มีโอกาสอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่” มาราตีเขย่าแขนยะห์นาเพื่อเร่งเร้าให้หาทางหนี เธอยังจำคำพูดเมื่อค่ำคืนของเขาได้เป็นอย่างดี
ยะห์นาส่ายหน้าเบาๆ ชีคอัฟฟานอาจพูดเช่นนั้นจริง แต่นางคิดว่าตอนนี้คงเปลี่ยนใจแล้ว เพราะชีคหนุ่มสั่งให้คนไปตามนางมาดูแลมาราตีเป็นอย่างดี หากต้องการอันใดให้รีบแจ้งทันทีอย่าได้ชักช้าโดยให้คนคอยรับใช้ไม่ขาดตกบกพร่อง
“ท่านอย่ากังวลไปเลย ท่านชีคไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน ท่านควรทำใจให้สบาย อย่างไรเสียท่านก็ต้องอยู่ที่นี่ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องออกจากที่นี่ไป” ยะห์นาลูบผมดำขลับสลวยของนายสาวอย่างทะนุถนอม
กิริยาของนางทำให้มาราตีรู้สึกอบอุ่นเสมอ
“ท่านแน่ใจได้อย่างไรเล่า ก็ท่านชีคบอกข้าเช่นนั้น ข้าเชื่อว่าเขาต้องทำตามที่พูด” มาราตีส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อในคำพูดนั้น
“ท่านเชื่อข้าเถิด ตอนนี้ควรแต่งตัวให้เรียบร้อยจะดีกว่า ข้าทำความสะอาดเรือนร่างของท่านจนหมดจดแล้ว ท่านสวมใส่เสื้อผ้าจะได้สบายเนื้อสบายตัว ที่สำคัญ... ควรกินอะไรเสียหน่อย จะได้มีแรง” ยะห์นาลูบมือนายสาวอย่างปลอบประโลม
“ตกลงชีคอัฟฟานไม่ฆ่าข้าแล้วรึ เขาบอกท่านหรืออย่างไรกัน เหตุใดท่านจึงไม่ทุกข์ร้อนในสิ่งที่ข้าพูด” มาราตียังไถ่ถามด้วยความไม่แน่ใจ
“หรือเจ้าอยากตายกันมาราตี ถึงได้ถามย้ำไปย้ำมาอยู่แบบนี้ อยากตายนักรึไง ไม่อยากเห็นหน้าข้าขนาดนั้นเชียวหรือ งั้นข้าจะให้เจ้าเห็นหน้าข้าทุกเวลาจนเบื่อเลยทีเดียว” เสียงกร้าวทรงอำนาจที่เปล่งมาจากประตูห้อง... ทำให้มาราตีรีบตวัดผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่า
ยะห์นารีบคำนับชีคหนุ่ม รู้ว่าถึงเวลาที่ต้องออกไปจากห้องนี้แล้ว รู้ดีว่านายสาวจะต้องปลอดภัย
“ยะห์นาอย่าเพิ่งไป อย่าทิ้งข้าแบบนี้ ยะห์นาท่านทิ้งข้า...” มาราตีเรียกแม่เฒ่าคนสนิทเสียงสั่น มองสบตาสีเทาเข้มด้วยความพรั่นพรึง
“คุณหนู ข้าต้องไปก่อน ท่านอย่ากังวลไปเลย” ยะห์นาจบคำพูดก่อนหันไปถอนสายบัวให้ชีคอัฟฟานและออกจากห้องไป
มาราตีมองตามด้วยสายตาตัดพ้อ
“เก่งๆ แบบเจ้ากลัวเป็นด้วยรึ”
อัฟฟานนั่งลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวรีบเขยิบไปจนชิดหัวเตียงที่ทำจากทองคำ ความจริงเธออยากหายตัวได้ จะได้หายไปจากตรงนี้เสียด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นสายตาประกายกล้ากำลังเล้าโลมกวาดไล้เรือนร่างแม้อยู่ภายใต้ผ้าแพรเนื้อดีก็ยิ่งร้อนวูบวาบ รู้สึกเหมือนตัวเองเปลื้องผ้าเปลือยเปล่าต่อหน้าต่อตาเขา ไม่ได้มีสิ่งใดปิดบังสักนิด
“ประหารหม่อมฉันเสียสิ พระองค์อยากฆ่าหม่อมฉันนักไม่ใช่รึ ไม่ต้องมาเยาะเย้ยถากถางกันหรอก”
หญิงสาวสะบัดหน้าหนี แต่เขาจับปลายคางไว้แน่นเพื่อไม่ให้เธอหันหน้าหนีไปได้
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาสะบัดหน้าหนีใส่ข้า ยิ่งเจ้าอยากตาย ข้าก็จะให้เจ้าอยู่ ถ้าเจ้าอ้อนวอนขอชีวิตข้าวันไหน วันนั้นข้าค่อยประหารเจ้า ข้าชอบทำอะไรตรงกันข้ามกับความต้องการของคนอื่น” ไม่เพียงแค่จับปลายคาง อัฟฟานยังรั้งร่างเปลือยมากอดรัด พูดเสียงเข้มข่มขวัญร่างอรชรอย่างสบายอารมณ์
“งั้นข้าไม่อยากตาย จะอยู่ก่อกวนท่านตลอดไป”
คำพูดดื้อรั้นของหญิงสาวในอ้อมแขนทำให้อัฟฟานหัวเราะเสียงดัง
“หัวเราะอะไร” หญิงสาวถามอย่างมีแง่งอน กิริยานั้นน่ารักยิ่งสำหรับเขา
“หัวเราะเจ้ายังไงเล่า เจ้าไม่อยากตายก็ดีแล้ว เพราะข้าก็ไม่อยากให้เจ้าตาย ข้าเสียดายอาหารหวานๆ ที่จะได้กลืนกินทุกค่ำคืน ที่สำคัญข้ายังเชยชมเจ้าไม่หนำใจเลยด้วยซ้ำ” เขาลูบคางสาวยั่วๆ
มาราตีผลักมือใหญ่ออกอย่างขัดใจ
“ไหนบอกว่าถ้าข้าไม่อยากตาย ท่านจะให้ตายยังไงเล่า” เธอพูดด้วยความโมโห
“ใช่ แต่ที่เจ้าพูดเมื่อครู่ คือเจ้าอยากตายจริงๆ เลยพูดเช่นนั้น ข้าจับน้ำเสียงและแววตาของเจ้าได้ ที่สำคัญข้าชอบขัดอารมณ์ของคนที่ขอร้องเสียด้วย มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งในชีวิตข้า”
มาราตีกัดริมฝีปากจนเจ็บ นึกเจ็บใจจนแทบกระอัก
..คนอะไรวางอำนาจ เอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่สุด
“กำลังนินทาข้าอยู่ในใจงั้นรึ” เขาจับปลายคางมนเอาไว้แน่น มองสบตาสีน้ำตาลเข้มเย้าๆ
“ปล่อย! ข้าเกลียดท่าน” เธอกระซิบชิดใบหน้าของเขาเสียงเข้ม มองสบตาคมเข้มนั้นไม่หลบ... ไม่เกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย
อัฟฟานหัวเราะเสียงดัง พลางกระตุกยิ้มทรงเสน่ห์และช่างเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์แสนจะชั่วร้ายที่สุดในความคิดของมาราตี
“เจ้าจะเกลียดข้าหรือรักข้าแทบขาดใจ ข้าก็ไม่สน ข้าจะสนก็เพียง แต่เรือนร่างของเจ้า ฐานะของเจ้าคือตัวประกันอันทรงเกียรติแต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเชลยและนางบำเรอเท่านั้น ข้าชักติดใจนางบำเรอเช่นเจ้าเสียแล้วสิ เรื่องอันใดจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ” มือใหญ่ลูบไล้เพื่อยืนยันคำพูด สายตาร้อนแรงแสดงถึงความต้องการ มองสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มจนหญิงสาวเสมองไปทางอื่นเพราะสู้แรงตาเขาไม่ไหว
“ทำไมท่านไม่ประหารข้าเสียอย่างที่บอกเมื่อคืน ข้าไม่อยากเป็นอะไรในฐานะไหนทั้งนั้น” มาราตีพยายามดิ้นหนี เขากระชากผ้าห่มคลุมกายออกโดยแรง
“ว้าย!!!” เธอใช้มือน้อยปกปิดเรือนร่างด้วยความอาย
“มันเกะกะลูกตาของข้าชะมัด” เขาคำรามดุดันด้วยกิริยาคุกคาม ไม่ตอบคำถามซ้ำซากนั้นอีก
ชีคหนุ่มมองร่างสาวน้อยอย่างลุ่มหลง แม้จะมีรอยแดงจ้ำจากฝีมือของเขาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเซ็กซี่น่าปรารถนาของเธอลดน้อยลงไปได้เลย แถมรสเสน่หาที่ติดตรึงตราจิตใจแข็งกล้าก็ทำให้อารมณ์พิศวาสฟาดฟันกระหน่ำให้เขาร้อนระอุขึ้นมาอีกระลอกใหญ่ แค่ได้สัมผัสเชยชิมก็เหมือนต้องมนตร์ตราแสนสวาท เกาะกินใจเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นอยู่ตลอดกาล
เธอเกิดมาเพื่อเขา... เพื่อเขาจริงๆ เขาเป็นผู้เชยชม แต่กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เธอราบคาบ... พ่ายแพ้ต่อความต้องการล้ำลึกที่ทิ่มแทงร่างกายให้เจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
แววตาเป็นประกายกล้าทำให้เธอร้อนๆ หนาวๆ แรงดิ้นน้อยนิดจึงเกิดขึ้น แต่เพราะเรี่ยวแรงถูกค่ำคืนหวามดูดกลืนไปแทบหมดสิ้น ทำให้เพียงไม่กี่นาทีหญิงสาวก็นอนอยู่ใต้ร่างสูงอย่างอ่อนแรง ลมหายใจถูกผ่อนออกมาจากจมูกโด่งรั้นด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ยอมรับโดยดุษฎีว่าสู้แรงเขาไม่ไหวจริงๆ