ตอนที่ 3

1951 คำ
EP 3: เลขาเฉิ่มอุ้มรัก     คงเป็นเพราะหล่อนเดินเคียงข้างมากับธีธัช เจ้านายสุดหล่อผู้เป็นพระเอกของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ทำให้สายตาของผู้คนในงาน จับจ้องมองมา ผู้หญิงหลายคนเอียงหน้าซุบซิบกัน ในขณะที่ผู้ชายจ้องมองมาด้วยสายตาราวกับจะกระชากขึ้นไปบนเตียง “ไม่มีอะไรหรอก เอาไว้ผมพาคุณออกงานบ่อยๆ จะได้ชิน” มือใหญ่แตะลงบนท่อนแขน ทำให้หล่อนพอได้สติกลับคืนมาบ้าง “มิ้ม... ไม่ชินเลยค่ะบอส” “ยิ้มเข้าไว้นะ แล้วก็เดินข้างๆ ผม ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ ไม่ต้องกลัว” คำปลอบประโลมของธีธัชราวกับมีเวทมนต์ เพราะมันทำให้หล่อนมีแรงใจที่จะต่อสู้กับสายตาที่จ้องมองมาทุกคู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ “ค่ะบอส” ธีธัชพาหล่อนเดินทักทายกับนักธุรกิจมากนานหลายตา และแนะนำหล่อนในฐานะเลขายอดเยี่ยมของตนเองอย่างภาคภูมิใจ หล่อนต้องเสแสร้งฉีกยิ้ม ทั้งๆ ที่หัวใจละโมบอยากเป็นอย่างอื่นมากกว่าแค่เลขาหน้าห้อง “ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคุณธีธัชจะมีเลขาที่สวยขนาดนี้” ธีธัชหัวเราะเบาๆ และหันมามองหล่อน ก่อนจะตอบเพื่อนนักธุรกิจที่กำลังมองหล่อนตาเป็นมันราวกับจะฉีกเนื้อกินเข้าไปทั้งตัว “คุณมิ้มไม่ได้แค่สวยนะครับ แต่เธอทั้งเก่ง และฉลาด ทำงานไม่เคยผิดพลาด” ต้องยิ้ม... ต้องยิ้มเอาไว้... มิรดาท่องบอกตัวเองในอกซ้ำไปซ้ำมา และก็ภาวนาให้งานเลี้ยงนี้เดินทางไปถึงตอนจบโดยเร็ว “และผมก็หวงมากด้วยครับ” ธีธัชบอกว่าหวงหล่อน แต่เขาหวงหล่อนในฐานะเลขาเท่านั้น ทำไมจะไม่รู้ “แหม สรรพคุณดีเว่อร์ซะแบบนี้ เป็นผมก็ทั้งหวงและก็ทั้งหึงเลยล่ะครับ” คนพูดหัวเราะร่วนขบขัน จ้องมองหล่อนราวกับจะกินเสียให้ได้ ตรงกันข้ามกับธีธัชที่รอยยิ้มดูเครียดขึ้นกว่าเดิม เขาหันมามองหล่อน ก่อนจะออกคำสั่ง “ผมรบกวนคุณมิ้มไปตักอาหารให้ผมหน่อยนะ” “ให้มิ้มเอามาให้ตรงนี้ไหมคะบอส” “ไปรอผมที่โต๊ะ เดี๋ยวผมตามไป” “ค่ะบอส” หล่อนก้าวเดินจากมา แต่สองหูก็ยังได้ยินคำสนทนาของเจ้านายกับเพื่อนนักธุรกิจแว่วมา “ผมชอบเลขาของคุณจัง ถ้าผมอยากจะขออนุญาตตามจีบ คุณธีร์จะว่าอะไรไหมล่ะครับ” “ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่คงต้องแล้วแต่คุณมิ้มเธอ ผมไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว” “นี่ถ้าผมเป็นคุณธีร์นะ ผมจัดการไปแล้ว เลขาสวยๆ แบบนี้น่ะ” “ผมไม่ทำอย่างนั้นกับพนักงานตัวเองหรอกครับ นี่คือปณิธานของผม” “แหม ผมนับถือคุณธีร์จริงๆ ครับ” เท้าเล็กรีบก้าวเดินต่อไป หัวใจเจ็บปวด จนสมองนึกอะไรไม่ออก ลืมกระทั่งคำสั่งของธีธัช หล่อนเดินออกไปนอกงานเลี้ยง สายลมเย็นฉ่ำที่พัดเข้ามาปะทะผิวสาว ทำให้เย็นยะเยือกไปทั้งจิตวิญญาณ หล่อนอยากกลับห้อง... ไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เลย มิรดาก้มลงมองเนื้อตัวของตัวเองอย่างเวทนา ต่อให้หล่อนสวยแค่ไหน พยายามทำตัวให้คู่ควรกับเขายังไง แต่ธีธัชก็ไม่มีทางมอง สองแขนยกขึ้นโอบกอดเนื้อตัวเอาไว้ด้วยความเหน็บหนาว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมีเสื้อสูทของใครบางคนคลุมทับมาบนบ่า “อุ๊ยยยย...” หล่อนตกใจมาก รีบหันไปมอง ก็พบว่าผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเป็นเจ้าของเสื้อสูทบนบ่าบอบบางของตัวเอง “ผมเห็นคุณยืนตัวสั่นน่ะ ก็เลยให้ยืม” “ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ” หล่อนจะส่งเสื้อสูทคืนเขา แต่เขาขยับออกห่าง และส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ยืมเถอะ ผมไม่คิดเงินหรอก” มิรดาอมยิ้มขบขันออกมาในที่สุด “ผมดีใจที่เห็นคุณหัวเราะนะครับ” “ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อยนี่คะ” ผู้ชายเจ้าของเสื้อสูทเดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะชวนหล่อนไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร และชวนคุยต่อ “ก็ผมเห็นคุณเดินหน้าเศร้านี่ครับ” หล่อนเอียงหน้ามองเจ้าของคำพูดที่ตัวเองไม่อาจจะปฏิเสธได้ “นี่แสดงว่าคุณจับตามองฉันตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอคะ” เขาหัวเราะอีกแล้ว ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย หากหล่อนเป็นแบบเขาบ้างก็คงดี “ก็คุณสวยนี่ครับ ผู้ชายทุกคนในงานมองคุณทั้งนั้นแหละ แต่ผู้ชายที่โชคดีมีคนเดียวก็คือคนที่ควงคุณมา” สีหน้าของหล่อนเจื่อนและเศร้าลงทันที เมื่อนึกถึงธีธัช “ผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้านายของฉันค่ะ” “แค่เจ้านายหรือครับ” “ใช่ค่ะ ฉันเป็นแค่เลขาของเขา” “ดูท่าทางคุณไม่พอใจกับตำแหน่งที่เขามอบให้เลยนะครับ คุณคงแอบรักเจ้านายล่ะสิ” คำพูดตรงไปตรงมาและแทงใจดำของผู้ชายข้างตัว ทำเอาไว้มิรดาถึงกับหน้าตาตื่น “นี่คุณ... อย่าพูดอะไรบ้าๆ แบบนี้นะคะ” “ปฏิเสธเสียงสูงแบบนี้ แสดงว่าคุณแอบรักเจ้านายอยู่จริงๆ ด้วย” “ฉันไม่ได้...” “สายตาที่คุณมองเขาน่ะ มันฟ้องทุกอย่าง ใครก็มองออก และผมคิดว่าเจ้านายของคุณก็ต้องรู้ ว่าคุณคิดยังไงกับเขา” หล่อนรีบส่ายหน้าพรืดทันควัน “ไม่... เขาไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่เคยแสดงท่าทางอะไรออกไป” “แววตาคุณมันฟ้องชัดจะตายไป” “ฉันใส่แว่นเวลาทำงาน และก็ทำงานอยู่เฉพาะแค่หน้าห้องของเจ้านายเท่านั้น” ผู้ชายที่เป็นคู่สนทนาของหล่อนหัวเราะขบขัน ก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้ แต่หล่อนรีบเอามือดันเขาเอาไว้ทันควัน “นี่จะทำอะไรน่ะ” “ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่ได้ชอบคุณ ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว” ดวงตากลมโตของหล่อนเบิกกว้าง และแววตาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “แล้วคุณมานั่งกับฉันแบบนี้ ไม่กลัวคนที่คุณชอบเข้าใจผิดหรือไงคะ คุณ...” “ผมชื่ออัศวิน เป็นเลขาของนักธุรกิจชื่อดังที่มีนามว่า วรเวช อนันไพศาล” “ห๊ะ นี่คุณทำงานกับคุณวรเวชเหรอคะ” ทำไมหล่อนจะไม่รู้จักล่ะ วรเวช อนันไพศาลเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทยเลยล่ะ หล่อนได้ยินชื่อเขาบ่อยมาก “ใช่ครับ” “ไม่น่าเชื่อเลย ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ คุณอัศวิน” “เรียกผมว่าวินเถอะครับ ดูเป็นกันเองดี” “คุณวิน...” หล่อนทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย “ส่วนฉันชื่อมิรดานะคะ หรือเรียกว่ามิ้มก็ได้” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” หล่อนกับอัศวินคุยกันอย่างถูกคอ ก่อนที่เขาจะเปิดเผยว่าตัวเองก็แอบชอบเจ้านายของตนเองเหมือนกัน นั่นก็คือวรเวชนั่นเอง “ไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าคุณจะ...” “ชอบผู้ชายด้วยกันใช่ไหม” อัศวินต่อประโยคที่ขาดหายไปของหล่อนให้อย่างรู้ทัน “ใช่ค่ะ” “รสนิยมทางเพศมันเลือกไม่ได้หรอก ผมพยายามชอบผู้หญิงแล้วนะ แต่ทำไม่ได้” “แล้วครอบครัวคุณว่ายังไงบ้างคะ” “พวกเขาไม่รู้หรอก ผมเก็บเป็นความลับ และก็คงให้รู้ไม่ได้แหละ เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียว พวกเขาหวังเอาไว้กับผมมาก ว่าผมจะมีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูลให้” หญิงสาวยื่นมือไปแตะแขนกำยำของชายข้างตัวอย่างให้กำลังใจ “เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยเวลา ฉันขออวยพรให้คุณสามารถหาทางแก้ไขปัญหาได้เร็วๆ นะคะ” “ขอบคุณมากครับ” “ฉันดีใจนะคะที่ได้คุยกับคุณ อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้ฉันรู้ว่า โลกใบนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่ฉันต้องเผชิญหน้า และเรื่องของคุณก็ทำให้ฉันรู้ว่าปัญหาของฉันมันเล็กเท่ามดเลยค่ะ หากเทียบกับปัญหาที่คุณกำลังเผชิญหน้าอยู่” “ผมดีใจนะที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น หวังว่าสักวันเราจะได้เจอกันอีก” “เราต้องได้เจอกันแน่นอนค่ะ เพราะเจ้านายของคุณกับเจ้านายของฉันทำงานอยู่วงการเดียวกัน” หล่อนกับอัศวินนั่งคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ อัศวินก็ถูกเจ้านายเดินมาตามให้เข้าไปข้างใน ในขณะที่หล่อนก็เพิ่งนึกได้ว่าลืมตักอาหารให้กับธีธัช “ขอโทษค่ะบอส มิ้ม...” เมื่อหล่อนกลับเข้ามาภายในงานเลี้ยง แล้วพบว่าธีธัชกำลังเดินตักอาหารอยู่ด้วยตัวเอง “ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ไม่เป็นไร” “มิ้ม...” “แล้วเป็นไงล่ะ ผู้ชายคนนั้นท่าทางเข้าท่าดีเหมือนกันนะ หล่อด้วย” “บอสเห็นด้วยเหรอคะ” หล่อนหน้าตาตื่น ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่หลุดออกมาจากปากของธีธัช “พอดีผมเดินไปห้องน้ำน่ะ แล้วก็หลงทางไปที่สวนก็เลยเห็นเข้าพอดี คุณดูผ่อนคลายนะตอนที่คุยกับผู้ชายคนนั้นน่ะ” ทั้งท่าทางและน้ำเสียงของธีธัชราบเรียบ และไม่ได้มีร่องรอยไม่พอใจอะไรเลย เขาคงยินดีจริงๆ หากหล่อนจะคบหาใครเป็นแฟนสินะ บ้า... ทำไมจะต้องเป็นหล่อนอยู่แค่คนเดียวนะที่รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องนี้ น้ำตาพาลจะไหลเสียให้ได้ แต่ก็จำต้องกะพริบตาถี่ๆ ไล่มันไป “ใช่ค่ะ คุณวินเป็นคนตลก คุยด้วยแล้วก็สนุกดีค่ะบอส” เขาน่าจะดีใจและก็สบายใจหากได้ยินคำตอบเช่นนี้จากปากของหล่อน ธีธัชละสายตาจากอาหารตรงหน้า และมองหล่อน วูบหนึ่งหล่อนเห็นร่องรอยความไม่พอใจในดวงตาของเขา แต่แค่พริบตาเดียวมันก็หายไป จนทำให้หล่อนรู้ว่าตัวเองคงตาฝาดไปเอง “เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าคุณจะต้องได้ผู้ชายติดมือจากงานเลี้ยงนี้” หล่อนยิ่งฟังเขาพูด ก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ก็จำต้องยิ้มรับทั้งน้ำตา “มิ้มต้องขอบคุณบอสจริงๆ ค่ะ ขอบคุณที่สุดเลยค่ะ” หล่อนประชดเขาออกไป แต่รู้ดีว่าเขาไม่มีทางรู้ความหมายของมันหรอก “มิ้มขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะบอส” “ตามสบายเถอะ อ้อ แล้วคุณก็ลองถามนายอัศวินดูนะว่าคืนนี้ไปส่งคุณที่คอนโดได้หรือเปล่า” “บอส... ไม่ว่างเหรอคะ” เมื่อเขาพูดแบบนี้ หล่อนก็เข้าใจความหมายของเขาได้เป็นอย่างดี “ผมว่าจะไปต่อกับลิลลี่น่ะ ผู้หญิงสวยๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ” หล่อนมองตามสายตาของเขาไป สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างของผู้หญิงสวยมาก หุ่นดีสุดๆ และก็ตรงตามสเป็กของธีธัชทุกอย่าง หัวใจเจ็บลึกราวกับถูกมืดเฉือนแล้วทาด้วยเกลือไอโอดีน “เธอสวยมากนะคะ” “ใช่ สวยและก็หุ่นดีมากๆ ผมชอบ” “เอ่อ... งั้นบอสไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมิ้มนะคะ มิ้มกลับเองได้ค่ะ” “ถ้าคุณพูดแบบนี้ ผมก็สบายใจ” หล่อนกัดฟันฝืนยิ้มออกไป “มิ้ม... ขอตัวนะคะ” “ตามสบายครับ” หล่อนกลั้นใจยิ้มให้กับเขาอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเดินห่างออกมาทั้งน้ำตา ที่นี่ไม่ใช่ที่ของหล่อน และหล่อนก็ไม่ควรที่จะเหยียบย่างมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม