บริษัท S.P.K
วันนี้ฉันได้มาฝึกงานที่นี่วันแรกโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าตำแหน่งที่ฉันได้มาฝึก ใช่ตำแหน่งที่ฉันอยากทำจริงๆหรือเปล่า
“น้องเจนคะ...”
ฉันเดินเข้ามาในบริษัทอย่างดูเก้ๆกังๆแต่อยู่ๆก็มีเสียงใครคนหนึ่งเรียกฉันเอาไว้
“เรียกหนูหรอคะ...?”
ฉันจำได้ว่าพี่คนนี้เป็นคนที่ดูแลคุณยายคนที่สัมภาษณ์ฉันวันนั้นนี่น่า
“ใช่ค่ะ...คุณท่านให้พี่มารอพบค่ะ”
“รอพบหนูหรอคะ คุณยาย เอ่ย! คุณท่านต้องการพบหนูหรอคะ..?”
“ใช่ค่ะ ท่านให้พี่มาตามน้องไปพบที่ห้องค่ะ”
“ตามไปพบ...ท่านมีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่า...ท่านจะเปลี่ยนใจไม่รับหนูแล้ว ไม่ได้นะคะ รับหนูแล้วจะเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นคะ ท่านแค่ต้องการคุยกับน้องเรื่องหน้าที่ที่ต้องทำนะคะ”
“อ่อ...งั้นก็ได้คะ”
ฉันพยักหน้ารับคำพี่คนนั้นแล้วก็เดินตามเธอไป ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณยายที่สัมภาษณ์ฉันจะต้องมาบอกหน้าที่งานฉันด้วย จริงๆแล้วคุณยายก็แก่แล้วทำไมถึงยังทำงานอยู่ได้ ควรจะต้องพักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้วนะหรือว่าจะต้องเป็นเพราะ....
“อุ้ย!..”
ฉันเดินชนกับอะไรไม่รู้พอเงยหน้ามาเท่านั้นแหละ
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ...”
นั่นไงคนที่ฉันเกลียดที่สุดก็ได้เจอจนได้ จะใครละคะก็เจ้าของบริษัทปากหมานี่ไงคะ
“ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ได้ ทำไมไม่รู้จักขอโทษ...”
“เอ่อ...คุณกิจคะพี่ต้องขอโทษแทนน้องเขาด้วยนะคะ พอดีน้องเขาเป็นเด็กฝึกงานเพิ่งมาใหม่อาจจะยังไม่รู้ว่าคุณกิจเป็น...”
“เป็นเจ้าของบริษัทที่ชื่อคุณศุภกิจ เจริญสุไพศาล หนูรู้จักค่ะ หนูรู้จักท่านดีเลยละคะ”
ฉันพูดแทรกพี่คนนั้นทันทีว่าฉันรู้จักคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันคนดีที่สุดเลยละ เพราะเขานี่แหละเป็นคนที่ฉันเกลียดที่สุด
“รู้จักฉัน...แล้วยืนนิ่งทำไม ทำไมไม่ขอโทษ”
“แล้วทำไมคุณไม่ขอโทษหนูด้วยละคะในเมื่อคุณก็ชนหนูเหมือนกัน ถ้าหนูขอโทษคุณก็ต้องขอโทษหนูเหมือนกัน”
“นี่เธอกล้ามากนะที่ต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้”
“ก็หนูไม่ผิดนี่คะ...”
ฉันยื่นหน้าเข้าไปท้าทายเขาด้วยความไม่เกรงกลัว
“เป็นแค่เด็กฝึกงานอย่าคิดมากพูดจาไม่มีสัมมาคารวะแบบนี้ ใครรับเธอเข้ามาฉันไม่อนุญาตฉันไม่ให้เธอฝึกงานที่นี่...”
“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะรับแล้วเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว”
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันเป็นเจ้าของบริษัทฉันจะทำอะไรก็ได้”
“หนูไม่ยอมนะคะ พี่คะ...หนูไม่ยอมนะคะ”
ฉันเถียงสู้เขาไม่ได้เลยหันไปหาพี่ผู้หญิงคนที่จะพาฉันไปหาคุณยาย
“คุณกิจคะ เอ่อ...คุณท่านเป็นคนสัมภาษณ์น้องเจนนะคะ แล้วคุณท่านก็ตัดสินใจรับน้องเจนแล้ว”
“ไม่ครับ ท่านอยู่ไหนครับผมจะไปคุยกับท่านเอง ยังไงผมก็ไม่รับเด็กคนนี้ให้เข้ามาฝึกงานในบริษัทผม เด็กไม่มีสัมมาคารวะแบบนี้ผมไม่ชอบ”
“แต่ย่าเลือกแล้วกิจก็ขัดย่าไม่ได้...”
ฉันหันไปมองตามเสียงพร้อมกับเขาทันที ที่เห็นคุณยายเดินมา
......
ภายในห้องของคุณย่าผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับคุณย่า โดยมียัยเด็กที่ไม่มีสัมมาคารวะยืนอยู่ข้างๆคุณย่าของผม โดยที่ไม่เกรงกลัวผมเลยแม้แต่น้อย เธอยังทำหน้าตาลอยไปลอยมานึกหรอว่าคุณย่าของฉันจะคุ้มหัวเธอได้
“ผมไม่ยอมนะครับ ยังไงผมก็ไม่ยอมให้ยัยเด็กนี่เข้ามาฝึกงานในบริษัทของผม”
“ทำไมกิจถึงต้องไม่ยอมด้วย หนูเจนผิดอะไร”
“ผิดตรงที่เด็กคนนี้ไม่มีสัมมาคารวะครับ เดินชนผมแล้วก็ไม่ยอมขอโทษ ทั้งที่ก็รู้ว่าผมเป็นใครแต่ก็ยังกล้าท้าทาย”
“จริงหรือเปล่าหนูเจน ที่เดินชนคุณกิจแล้วทำไมไม่ขอโทษ”
คุณย่าหันไปถามเธอดูสีหน้าเธอเริ่มจ๋อยๆไป สมน้ำหน้า
“คุณกิจก็เดินชนหนูเหมือนกันนี่คะ ถ้าคุณกิจเดินมาแล้วเห็นหนูตั้งแต่แรกรู้ว่าหนูไม่ได้มองทางคุณกิจก็คงหลบหนูแล้ว นี่คุณกิจก็ไม่ได้มองทางเหมือนกันคุณกิจก็เลยชนหนู...ถ้าหนูต้องขอโทษคุณกิจคุณกิจก็ต้องขอโทษหนูเหมือนกัน”
ยัยนี่พูดจากวนประสาทจริงๆ
“นี่เธอ...”
“มันก็จริงอย่างที่หนูเจนพูด ถ้ากิจมองทางตั้งแต่แรกคงไม่ชนกับหนูเจนหรอก...”
“คุณย่า สรุปคุณย่าจะยอมเด็กคนนี้หรอครับ”
“กิจ ย่ารับหนูเจนให้มาฝึกงานที่นี่แล้วส่งเรื่องไปทางมหาวิทยาลัยแล้วว่าหนูเจนจะฝึกงานที่บริษัทเรา ถ้าย่าเปลี่ยนใจย่าก็เป็นผู้ใหญ่ที่เสียคำพูดซิ...”
“ใช่ค่ะคุณท่านพูดถูก...”
“....”
ผมหันไปมองหน้ายัยเด็กแสบที่สมทบกับคุณย่าด้วยความไม่พอใจ
“ก็ได้ครับ...ตามใจคุณย่า แต่คุณย่าจะเอาไปฝึกงานแผนกไหนก็ได้แต่ต้องให้ไกลตาผมที่สุดเพราะผมไม่อยากเห็นหน้าเด็กคนนี้อีก...”
“คงไม่ได้หรอก...เพราะหนูเจนจะมาฝึกงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของกิจแทนคุณวันวิสา ที่ลาคลอดไปเป็นเวลา 3 เดือน”
“เลขาส่วนตัว..?”
"เลขาส่วนตัว..?"