“อึก... คะ คุณชาย... ฟ้ายัง... ไม่มืดเลย ทำไม่ได้... นะเจ้าคะ อ๊ะ!” เสียงหวานครางแผ่วเบา ทว่าฝ่ามือร้อนผ่าวของส้าวเฉียนที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้อาภรณ์นั้นกลับทวีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ผ้าพันหน้าอกก็ถูกดึงและขว้างทิ้งไปยากไม่ไยดี อวี่ถงทำได้เพียงแค่ยืนค้ำโต๊ะหนังสือ เม้มริมฝีปากของตัวเองเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงไร้ยางอายของตัวเอง
ทว่าส้าวเฉียนกลับไม่แยแสคำประท้วง ซุกใบหน้าลงกับหลังคอระหงสูดดมกลิ่นหอมอย่างกระหาย จากนั้นตอบกลับเสียงแหบพร่า
“ผู้ใดตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้ว่าต้องทำแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น” ส้าวเฉียนนวดเฟ้นถันอวบล้นมืออย่างเพลิดเพลิน ก่อนทวงคำพูดที่อวี่ถงเคยลั่นวาจาเอาไว้ “ไหนเจ้าบอกว่าจะรับผิดชอบข้าอย่างไรเล่า แค่เจ็ดวันเจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ”
อวี่ถงสะดุ้งเมื่อถูกปลดกางเกงออก แล้วตามด้วยสัมผัสร้อนผ่าวเหนือจุดอ่อนไหว ดวงตากลมสีอ่อนเบิกกว้างเมื่อถูกส้าวเฉียนหยอกเย้าจนมิอาจกลั้นเสียงของตัวเองได้อีกต่อไป
“อ๊ะ! นั่นมัน อื๊อ!” ร่างน้อยขมวดเกร็งเมื่ออยู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงเรียวนิ้วที่สอดแทรกเข้ามาในร่างกาย และเมื่อส้าวเฉียนขยับมัน ธารใสก็ไหลหลั่งออกมาอย่างน่าอาย
“ร่างกายของเจ้าช่างอ่อนไหวยิ่งนัก สัมผัสครู่เดียวก็พร้อมถึงเพียงนี้” ส้าวเฉียนถอนนิ้วออกมา ดวงตาคมกริบจดจ้องความชื้นบนเรียวนิ้ว จากนั้นไล้เลียด้วยอารมณ์ร้อนรุ่ม
วาจาน่าอายของส้าวเฉียนทำให้ใบหน้าหวานแดงก่ำ
“ท่าน... อย่าพูด... อึก!” ร่างน้อยสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงปลายอวบนุ่มร้อนผ่าวที่กำลังดุนดันถูไถร่องเนื้ออย่างอาจหาญ
“แล้วเจ้าอยากปฏิเสธหรือ หากเจ้าบอกว่าไม่ ข้าก็จะไม่ทำ”
อวี่ถงมองค้อนคนยิ้มเย้าเจ้าเล่ห์ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่านางมิอาจต้านทานความปรารถนานี้ได้
“เย้าแหย่... ข้าอีกแล้ว อ๊า!” เสียงหวานร้องหลงเมื่อส้าวเฉียนใช้ทั้งแก่นกายและนิ้วร้อนสัมผัสปุ่มกระสันของนาง ทำเอาสติแทบเตลิดจนควบคุมยังเองไม่ได้
“ถงเอ๋อร์ของข้า ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน” ส้าวเฉียนเห็นใบหน้าหวานพยายามขบกรามอดกลั้นก็เอ็นดูไม่น้อย ใบหน้ารูปสลักเคลื่อนเข้าไปจุมพิตแก้มใสแผ่วเบา “หากเจ้ายินยอม...”
“ขะ ข้ายอมแล้ว อึก... คุณชาย อย่าแกล้งข้า” อวี่ถงร้องขอด้วยสายตาเว้าวอน
ส้าวเฉียนแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ทว่านางกลับไม่เคยรู้เลยว่าหากทำสายตาเช่นนี้แล้ว คืนนี้คงไม่ได้นอนทั้งคืน
“อึก!” เจ้าของดวงหน้าหวานขบกรามเมื่อความคับแน่นถูกอัดเข้ามาในกายอย่างไร้ความปรานี ไม่เพียงเท่านั้นส้าวเฉียนยังเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง กลืนกินความสุขสมอย่างตะกละตะกลามดังเช่นทุกครั้งราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้
นับวันความต้องการของส้าวเฉียนกลับเกินคำว่าพอดีไปมาก โดยหนึ่งวันเมื่อสบสายตากันครั้งใดก็เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลชักนำความต้องการ รู้ตัวอีกครั้งก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว
ดังเช่นในเวลานี้ที่อ้อมแขนแข็งแกร่งยังคงกอดรัดร่างของนางจากข้างหลัง คอยสัมผัสเร่งเร้าอารมณ์อย่างที่มีทีท่าว่าจะหยุดความร้อนรุ่มนี้ลงได้โดยง่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังพึงพอใจที่ทำให้นางเสร็จสมอยู่หลายครั้ง ราวกับกำลังอ่อยเหยื่อตัวน้อยด้วยน้ำผึ้งหวาน ครั้นนางติดกับแล้วจึงใช้ฝ่ามือฉุดนางลงสู่ห้วงเหวแห่งกามารมณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
กว่าที่เพลิงปรารถนาจะมอดลงก็ตอนที่อวี่ถงได้ร้องขอความเมตตาอย่างน่าสงสาร ส้าวเฉียนที่เพิ่งได้สติเห็นร่างอรชรชุ่มโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อบนพื้นไม้ไร้ผ้ารอง ก็รีบหยุดการกระทำป่าเถื่อนของตัวเองลงทันที จากนั้นรีบอุ้มร่างไร้สติไปชำระร่างกายอย่างละอายใจ
เปลือกตาบางเปิดปรือขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแห่งอรุณรุ่ง ภาพตรงหน้าที่เลือนรางก็เริ่มแจ่มชัดขึ้นก่อนจะสังเกตได้ว่าเพดานนี้ไม่เหมือนกับเพดานในห้องพักของตัวเองเลยสักนิด ครั้นลองขยับตัวก็พบว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่มีน้ำหนักพาดผ่านกลางลำตัวของตนเองอยู่ จึงก้มมองด้วยความสงสัย
แขนคนนี่!
อวี่ถงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนไล่สายตาไปตามท่อนแขน หัวไหล่ ลำคอ กระทั่งเห็นว่าใบหน้านั้นเป็นของผู้ใดก็ถอนหายใจออกมา
ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนางจะแบกรับความโปรดปรานอันเร่าร้อนของส้าวเฉียนไม่ไหว ถึงได้หมดสติไปกลางทางเช่นนั้น และเมื่อก้มมองดูสารรูปของตัวเองที่แม้จะไร้อาภรณ์แต่ก็ได้รับการชำระล้างเรียบร้อยแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ดูเหมือนคุณชายใหญ่จะมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง ถึงได้ปรนนิบัติให้สตรีอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ตื่นแล้วหรือ”
อวี่ถงสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ส้าวเฉียนก็เอ่ยขึ้น
ดวงตาทั้งสองสบประสานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยความเขินอายจึงกลายเป็นอวี่ถงที่พลิกตัวหลบเลี่ยงเสียเอง
“ตื่นแล้ว... เจ้าค่ะ” เสียงหวานตอบแผ่วเบาพลางขยับตัวจะลุกขึ้น แต่กลับถูกท่อนแขนแกร่งกอดรัดเอาไว้เสียก่อน
“ถงเอ๋อร์ เจ้าจะทิ้งเข้าไปอีกแล้วหรือ” ส้าวเฉียนตัดพ้ออย่างน้อยใจ เพราะไม่ว่าเมื่อใดหลังจากที่นางค้างอยู่ที่เรือนของเขา รุ่งสางนางก็มักจะหนีออกไปก่อนทุกที
“แต่ข้าต้องไปตรวจสอบสินค้าก่อนส่งออก...” อวี่ถงตอบกลับ ทว่าหัวใจกลับอ่อนยวบอย่างน่าละอาย
ความรักทำให้กลายเป็นผู้ปราชัยต่อทุกสิ่งดังที่ผู้คนที่กล่าวไว้จริงๆ
ส้าวเฉียนขมวดคิ้วพร้อมจับร่างเล็กพลิกมาเผชิญหน้า จากนั้นสบตามองอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะคิดว่าเขาสำคัญน้อยกว่างาน นางจึงเอาแต่หลบเลี่ยงเช่นนี้
ทั้งที่ใช้เวลาร่วมกันราวกับสามีภรรยามาตลอดทั้งคืน แต่รุ่งเช้านางกลับปฏิบัติตัวราวกับเป็นคนอื่น แม้กระทั่งเวลานี้ยังเปลือยกายนอนอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกันแท้ๆ จะไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร
“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานเจ้าก็ตรวจไปแล้วหรอกหรือ ข้าจำบัญชีที่เจ้านำมาให้ข้าได้”
อวี่ถงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สงสัยว่าเหตุผลส้าวเฉียนจึงฉุนเฉียวเช่นนี้ ทั้งที่หน้าที่ตรวจสอบก่อนสิ่งสินค้านั้น นางก็ทำเป็นกิจวัตรมาตลอดห้าปี หรือเพียงเพราะว่านางหลับนอนกับเขา เขาจึงคิดจะมอบสิทธิพิเศษแก่นาง
แต่นางไม่ได้ต้องการสิทธิ์เหล่านั้นสักหน่อย...
“แต่ข้าต้องไปตรวจด้วยตัวเองทุกเช้านะเจ้าคะ ข้าทำเช่นนี้ทุกวัน หากวันนี้หยุดไป บ่าวบริวารอาจสงสัยก็ได้”
ส้าวเฉียนชักสีหน้าเล็กน้อย แต่ที่อวี่ถงกล่าวมานั้นก็มีเหตุผล และเพราะนางขยันเช่นนี้มิใช่หรือ เขาจึงพึงพอใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับนาง แต่เมื่อคืนเขารู้ตัวลงมือหนักเกินไปจนเจ้าตัวถึงกับสลบคาอก จึงเป็นห่วงสุขภาพ อยากให้พักผ่อนมากๆ เท่านั้น
“ถงเอ๋อร์...”
หัวใจของอวี่ถงสั่นไหวอย่างรุนแรงเมื่อถูกเรียกด้วยน้ำเสียงแสนหวานอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน และเมื่อถูกเรียกเช่นนี้ทีไร นางก็คล้อยตามเขาไปทุกที
“ข้าจะไปเจ้าค่ะ ท่านอย่าห้ามข้าเลย”
ส้าวเฉียนเห็นสีหน้าและแววตาเด็ดเดี่ยวของอวี่ถงก็ยอมแพ้ แพ้อย่างราบคาบ
“ก็ได้ แต่หลังจากนี้ข้าจะไปกับเจ้าด้วย...”
“แต่...!”
นิ้วเรียวยาวแตะลงบนริมฝีปากจิ้มลิ้มแผ่วเบาเพื่อปิดไม่ให้นางโต้แย้ง
“ข้ายอมให้เจ้าได้เท่านี้”
อวี่ถงมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยความสับสน ความจริงนางก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์มันจะเลยเถิดมาถึงเพียงนี้ โดยหลังจากที่ได้ปรับความเข้าใจหลังร่วมมื้ออาหารกันแล้ว ส้าวเฉียนกลับเรียกร้องให้นางรับผิดชอบการกระทำนี้ด้วยการอยู่ข้างกายเขาต่อไป อีกทั้งยังห้ามไม่ให้นางเปลี่ยนใจจากเขาโดยเด็ดขาด ช่างเป็นโทษทัณฑ์ที่โหดร้ายเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นส้าวเฉียนยังใช้จุดอ่อนนี้เข้ามาสัมผัสชิดใกล้ ใช้ความน่าสงสารจากการถูกทอดทิ้ง ร้องขอการปลอบประโลมจากนางอยู่หลายครั้ง และทั้งที่รู้ว่าผิด แต่นางกลับมีความโลภไม่ต่างกัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าส้าวเฉียนไม่เคยมีใจให้ แต่ในช่วงเวลานี้เท่านั้น ขอแค่นางได้ครอบครองความโศกเศร้าของเขาก็ยังดี
หากทว่านานวันเข้าการปฏิบัติตัวของส้าวเฉียนกลับยิ่งทำให้นางคิดมากจนเกือบจะล้ำเส้นอยู่หลายครั้ง ทำให้นางคิดเข้าข้างตัวเองว่าส้าวเฉียนก็มีใจให้แก่นาง แต่หากนางคิดผิดเล่า ถึงวันนั้นนางจะตัดใจได้จริงหรือ