“โห... ปลาดุกตัวใหญ่มาก” เธอเห็นมันดิ้นกระเด่วๆ ในคราแรกก็ตื่นเต้นแต่พอคิดว่ามันต้องตายก็นึกสงสารจับใจ
“คุณจะฆ่ามันแล้วกินเนื้อมันเหรอ” เธอถามอย่างหวาดๆ
“ทำไม?” เขาถามกลับเสียงนิ่งในขณะที่หย่อนเบ็ดลงไปในน้ำอีก เธอเห็นว่าในน้ำนั้นใสมองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมา มีปลาตัวเล็กๆ ว่ายกันเป็นฝูง มีโขดหินเรียงตัวกันเป็นแถวอยู่ในน้ำสลับซับซ้อนถูกน้ำไหลมากระทบจนกระเซ็นขึ้นเป็นละออง มองแล้วเพลินตา น้ำในลำธารนั้นใสสะอาด มองเห็นพื้นทรายใต้ผิวน้ำได้อย่างชัดเจน เธอพอจะรู้ว่าน้ำพวกนี้มาจากต้นไม้ใหญ่ๆ ที่รายล้อมอยู่โดยรอบ ถ้าหากมีต้นไม้ จะมีน้ำอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้นั้นให้น้ำแล้วยังช่วยป้องกันน้ำท่วมได้ด้วย สังเกตได้จากบริเวณไหนที่โดนตัดไม้ทำลายป่า แถบนั้นเมื่อมีฝนตกชุกน้ำก็จะท่วมอย่างรวดเร็ว
“สงสารมัน” เธอเอ่ยตอบ ขณะมองปลาดุกที่เขาจับขังเอาไว้ตาปรอย
“สงสารมันอย่างนั้นเหรอ” สนชะงัก หันมามองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ ก่อนจะยิ้มหยัน
“คนอย่างเธอสงสารคนอื่นเป็นด้วยเหรอ”
“ทำไมล่ะคะ” เธอถามเขาอย่างงุนงง เธอจะสงสารสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นไม่ได้บ้างเลยหรือไง
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยน่ะสิ” เขากระตุกริมฝีปากเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน พี่สาวของเขาโดนผู้หญิงคนนี้จงใจขับรถชนจนตาย
“แล้วแต่คุณ แต่ปลาตัวนี้ ฉัน...” นราวดีเดินอาดๆ เข้าไป ก่อนจะเทปลาออกจากถังใบใหญ่ของเขาหน้าตาเฉย
“นี่เธอ!!!” สนยอมรับว่าโมโหเธอมาก
“เย็นนี้เธอจะกินข้าวกับเกลือใช่ไหม”
“ฉันยอมกินข้าวกับเกลือ ฉันสงสารมัน”
“เป็นคนดีจริงๆ นะ” เขาแดกดัน เธอมองเขาไม่ยอมหลบ แม้จะกลัวจนขาสั่นก็ตามที
“มันเป็นอาหารของมนุษย์ หรือเธอไม่เคยกินเนื้อสัตว์เลย เกิดมากินแต่ผักหญ้ารึไง” เขากอดอกมองเธอ นราวดีทำท่าจะเถียงแต่เถียงไม่ขึ้น
“ฉันยอมรับว่าเคยกินปลากินเนื้อ แต่มันตายแล้ว ไม่ใช่ให้ทุบหัวมันตอนเป็นๆ แบบนี้ ฉันไม่กล้าหรอกนะ”
“แสดงว่าถ้าคนอื่นไปฆ่าแกงมาให้เธอกิน เธอก็กินงั้นสิ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ปากว่าตาขยิบ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง หรือพวกศรีธนญชัย ฉลาดแกมโกง ถ้าสงสารก็ไม่ต้องกินให้มันตลอดเลยสิ”
“นี่คุณ!!!” เธอทำท่าจะเถียงแต่เถียงไม่ออก
“ทำไมล่ะ เถียงไม่ออกหรือไง” เขาหยัน เธอเม้มปากแน่น ไม่เคยเถียงชนะเขาเลยสักครั้ง
“วันนี้เธอกินข้าวกับเกลือ” เขาหันไปตกปลาต่อ นราวดีโกรธเขาจริงๆ แต่ทำอะไรเขาไม่ได้ สุดท้ายเธอแอบหลบเขาไปอาบน้ำที่ลำธาร เพราะรู้สึกร้อนและเหนียวตัว น้ำในลำธารใสเย็น อากาศดี กลิ่นผืนป่า ต้นไม้ดอกไม้ทำให้เธอเพลิดเพลิน เห็นเขาไม่ได้กักขังหรือตามติดเธอก็รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น
“สวยจัง” นราวดีมองดอกกล้วยไม้ตรงหน้าแล้วอมยิ้ม เธอไม่อยากเด็ดมันออกมาจากช่อ เพราะคิดว่าให้มันสวยสดงดงามอยู่บนต้นจะดีกว่า
“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานเมื่อเขาโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
“อย่าเด็ดนะคะ” เธอปรามเขาแต่ไม่ทันเสียแล้ว
“ทำไมล่ะ เธอชอบไม่ใช่เหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย สนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน แทนที่จะเห็นเธอทุกข์ใจแล้วมีความสุข เขาเห็นเธอสดชื่นสดใสกลับมีความสุขมากกว่า เขาพยายามปัดความรู้สึกดีๆ ที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวออกไปให้พ้นใจ
“ฉันชอบ แต่ก็ไม่อยากทำลาย มันอยู่บนต้นก็สวยดีแล้ว เราชื่นชมแบบนี้ดีกว่าไปเด็ดมันมาเสีย เพราะพอเด็ดมันมาแล้ว เดี๋ยวมันก็เหี่ยวไม่น่ามองอีก”
“ไม่หรอก” เขาปัดปอยผมของเธอที่ปรกหน้าผากออกไป ก่อนจะนำไปทัดหูแล้วเสียบดอกกล้วยไม้ลงไปแทน
“ไม่อะไรคะ”
“ถึงจะอยู่บนต้นหรือไม่ได้อยู่บนต้น สักวันมันก็ต้องเหี่ยวและร่วงหล่นไปในที่สุด”
“แต่ยังไงเราก็ต้องยืดอายุของมันให้นานที่สุด เราจะได้ชมความงดงามของมันไปอีกหลายวัน”
“เธอคิดแบบนั้นเหรอ” เขาถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ค่ะ”
“อาบน้ำเสร็จหรือยัง” เขาเปลี่ยนเรื่อง
“อุ๊ย!” เธอช้อนสายตาขึ้นสบตาเขา และจู่ๆ ความรู้สึกร้อนวูบวาบก็ปรากฏ
“เสร็จแล้ว” เธอรีบตอบเสียงสั่น ทำท่าจะเบี่ยงตัวหนีขึ้นฝั่ง แต่เขารั้งแขนเอาไว้
“ไหนขอสำรวจหน่อยว่าอาบน้ำสะอาดรึเปล่า” เขากระชับบ่าบอบบางของเธอเอาไว้ ให้เธอหันมาประจันหน้า
“ปล่อยนะคะ”
“เธอก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ปล่อย” สนกุมแก้มทั้งสองข้างของเธอเอาไว้
“สำรวจดูแล้วด้วยสายตาคร่าวๆ เหมือนจะยังไม่สะอาดนะ”
“ปล่อยค่ะ ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” เธอห่างหายจากเรื่องแบบนี้มาหลายวัน พอโดนเขาจู่โจมเข้าให้ เธอก็ทำตัวไม่ถูก แต่ประสบการณ์ สอนเธอว่าต่อต้านเขาไปก็ไร้ผล แต่จะให้ยินยอม เธอไม่พร้อมกับการรุกหนักของเขาในเวลานี้
“ไม่ปล่อย” เขาจับร่างที่ดิ้นลงน้ำอีกครั้ง
“คุณจะทำอะไรน่ะ” เธอหน้าแดงเมื่อเขาเลื้อยมือเข้ามาสัมผัสกับเรือนร่างของเธอภายใต้เสื้อตัวใหญ่กับกระโปรงยาวที่เธอใส่ลงเล่นน้ำ เพราะไม่อยากถอดเนื่องจากกลัวโป๊ แต่กลายเป็นว่าชุดนี้ง่ายต่อการสัมผัสของเขา เขาล้วงเข้ามาถึงผิวเนื้อด้านในจนเธอสั่นสะท้านวาบ
“ทำอะไรดีนะ ต่อแขนต่อขาลูกในท้องของเราดีไหม”
“คุณ! ฉันท้องอยู่นะคะ”
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันรู้วิธี รับรองว่าฟิน”
“ฉันไม่ฟินนะ อื้อ...” เธอร้องประท้วง แต่เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ มือหนาของเขาปลดเปลื้องอาภรณ์ชั้นนอกของเธอออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้หญิงสาวได้ตั้งตัว
“คนลามก” เธอกอดอกที่เหลือเพียงบราเซียร์อย่างเขินอาย
“ท่อนล่างเอาไว้ทำไมล่ะ เกะกะลูกตา” เขาป่าเถื่อนเอาแต่ใจ กระโปรงท่อนล่างของเธอถูกดึงออกจากตัว เธอดิ้นรน พยายามจะดึงคืนมา สุดท้ายมันก็ปลิวไปกับผืนน้ำ เธอกรีดร้องด้วยความโมโห ในขณะที่เขาหัวเราะชอบใจ
“ร้องแบบนี้ต้องจัดหนักๆ จะได้ร้องไม่ออก” ดูเขาพูดเข้า นราวดีทุบตีเขาจนเหนื่อยหอบ สุดท้ายโดนเขาอุ้มขึ้นฝั่งไปนอนหงายอยู่ริมตลิ่ง หญิงสาวทุบอกแกร่งของเขาแต่ไร้ผล เขาก้มลงมารุกรานปล้นจูบเธอหน้าตาเฉย ก่อนจะกอบกุมทรวงอกอวบอิ่มเคล้นคลึงหนักเบา เธอเผลอครางด้วยความรัญจวน เกลียดสัมผัสเล้าโลมวาบหวามของเขาอย่างที่สุด
“ไม่นะ อื้อ...” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขาฝังกายลงมาหาจนมิดเม้น เธอทุบแผ่นหลังของเขาแต่สุดท้ายก็ถูกเขาโจนจ้วงเข้ามาจนหมดสิ้น
“คนเอาแต่ใจ” เธอพูดอย่างยอมแพ้
“เธอก็รู้ดีนี่นาว่าฉันเอาแต่ใจ รู้แบบนี้ก็ต้องเอาใจฉันให้มากๆ”
“คนใจร้าย” เธอตัดพ้อ เขาไม่ได้สนใจแต่เดินหน้าร่วมสังวาสกับเธออย่างเร่าร้อน นราวดีร้องคราง หวีดร้องไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างรุนแรง หญิงสาวนอนหอบหายใจถี่อยู่ใต้ร่างเขา เมินหน้าไปทางอื่นเมื่อเขาเสร็จสม ตามติดเธอมาในเวลาต่อมา
“สุดยอดจริงๆ ขนาดท้องนะนี่”
“คนบ้า!” ดูเขาพูดเข้า เขาชอบพูดให้เธอเจ็บใจ
“คงต้องอาบน้ำอีกรอบ”
“ปล่อยนะ ปล่อย” เธอดิ้นแต่เขาไม่ยอมปล่อย
“ถ้าเธอดิ้นฉันจะโยนเธอลงในน้ำ”
“อย่านะ”
“ก็อย่าดิ้นสิ” เขาทำท่าจะโยน เธอรีบกอดคอเขาเอาไว้แน่น เม้มปากเข้าหากันอย่างขัดใจ
“ดีมาก ไม่ดื้อแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” เธอตาโตเมื่อเขาพูดแบบนี้ ปกติเขาออกจะเย็นชาเหลือเกิน
“ทำหน้าแบบนี้คืนนี้จะจัดให้อีกชุดใหญ่”
“คนลามก” เธอผรุสวาทเขาหน้าแดงจัด
“หรือว่าชุดใหญ่หนึ่งชุดไม่พอ จัดสักสิบชุด”
“คนบ้า! อื้อ...” เธอโดนเขาบดจูบแรงๆ ปิดกั้นคำด่าว่าต่างๆ นาๆ ของเธอจนหมดสิ้น