“ ขอโทษนะครับ แล้วปู่ของบุญโทนล่ะครับ ” ภาคยังถามต่อด้วยความอยากรู้เสียเหลือเกิน ทวดบุญถอนใจเฮือก ก่อนตอบช้า ๆ
“ ทวดมีลูกชายสี่คน ไปตายที่เนินสวาททั้งหมด หลานชายหนึ่งก็คือพ่อไอ้บุญโทนนี่แหละ ” ความเงียบเข้าครอบคลุมทันทีที่ทั้งหมดได้ยินคำตอบ มันฟังดูเศร้าสลดเหลือหลาย
“ แต่ทวดก็ไม่ได้แค้นเคืองหรือถือโทษกล่าวหาว่าเป็นความผิดของนางสวาทหรอกนะ เพราะรู้ทั้งรู้ แต่ความมักมากในกามทำให้พวกโง่นั่นเดินเข้าไปรนหาที่ตายเอง นี่แหละจิตใจมนุษย์ ทำชั่วมันทำง่าย และผลตอบแทนก็รุนแรงเหลือหลายยิ่งนัก ”
“ พวกผมเสียใจด้วยนะครับทวด แต่แบบนี้ก็แสดงว่าคนที่มีจิตใจดีและแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานความอยากในกามาได้เท่านั้นที่จะยังคงเหลือรอดอยู่ อย่างเช่นปู่ทวดกับบุญโทนใช่ไหมครับ ” ชายชรายิ้ม
“ ใช่ การยึดมั่นในสิ่งที่ควรทำ จะสามารถนำพาให้เรามีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยได้ เอาล่ะ ๆ กินข้าวกินปลากันซะ ทวดก็ชวนพวกสูโม้เสียนาน กินแล้วก็จะได้อาบท่าอาบท่าเพราะไม่งั้นดึก ๆ จะอากาศเย็นมาก นอนกันด้านล่างเนี่ยแหละ มีมุ้งมีที่หลับที่นอนในห้องเรียบร้อย หรือถ้าอยากล้อมวงก่อกองไฟเผามันเผาเผือกแก้หนาว จิบสาโทก็ไม่ว่ากันนะ ”
“ โห มีสาโทด้วยเหรอครับทวด ” ตฤณเอ่ยขึ้น
“ มีสิพี่ ของเจ๋ง ผมหมักเอง ” บุญโทนตอบแทนทวดพลางยิ้มกริ่ม
“ แหม่ ทริปนี้มีของเซอร์ไพร้ส์เยอะจริง แบบนี้สงสัยจะติดใจได้มาบ่อย ๆ ซะแล้ว ” วีเอ่ยขึ้น
แล้วทั้งสี่ก็ลงมือกินมื้อเย็นอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าจะเป็นกับข้าวพื้นบ้านง่าย ๆ แต่พวกเขารู้สึกว่ามันเลิศรสยิ่งกว่าภัตตาคารไหน ท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ และเจ้าของสถานที่ที่ต้อนรับอย่างอบอุ่นอย่างทวดบุญและบุญโทน
ราวสองทุ่มครึ่ง หลังจากจบจากมื้ออาหารอันเอร็ดอร่อย สี่หนุ่มผลัดกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ทวดบุญขอตัวไปสวดมนต์ ส่วนบุญโทนนั้นจัดการก่อกองไฟใต้ต้นไม้ใหญ่ นำหัวเผือกหัวมันที่ปลูกไว้เองออกมาเผา กลั้วคอด้วยสาโทน้ำขาวหมักเองฉบับบ้าน ๆ กระนั้นก็ทำให้ทั้งสี่บันเทิงเริงรมย์ดื่มด่ำกับทุกสิ่งอย่างรอบตัว
ท่ามกลางธรรมชาติ ท่ามกลางความเรียบง่าย ไม่ต้องปรุงแต่งรังสรรค์สิ่งใดให้มากมาย แต่สามารถสร้างความสุขได้ล้นเหลือ
“ ตฤณ มึงโอเคป่าววะ กูสังเกตเห็นมึงเหม่อ ๆ ” ภูรินทร์สะกิดเพื่อนอันเป็นว่าที่น้องเขยในอนาคตแล้วถามเบา ๆ ปล่อยให้ภาค วี และบุญโทน สนทนาแลกเปลี่ยนกันเรื่องเดินป่า
ตฤณยกแก้วสาโทขึ้นจิบแล้วยิ้มให้เพื่อน
“ ไม่เป็นไรนี่ กูอาจจะเหนื่อยจากการขับรถน่ะ ”
“ มึงแน่ใจนะ กูเห็นมึงดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่ตอนเห็นภาพของนางสวาทอะไรนั่น ”
“กูแค่อึ้งกับเหตุการณ์บ้า ๆ ที่มันเกิดขึ้น ที่ทวดกับบุญโทนเล่าให้ฟังแค่นั้นเอง คนเราจะโง่แค่ไหนถ้ารู้ว่ามีสิ่งอันตรายและความตายรออยู่ แต่ยังเดินเข้าไปหามัน แต่ก็ว่าไม่ได้นะ สมัยก่อน กูเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไรไปกว่าคนพวกนั้นเท่าไร ”
“ อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ช่างมัน ตอนนี้มึงก็ประพฤติตัวใหม่จนคนที่บ้านกูยอมรับทั้งหมด ขอแค่อย่ากลับไปทำเหมือนเดิมก็พอ แล้วก็เรื่องที่ทวดเล่านั่นน่ะ ก็อย่าไปใส่ใจอะไรมาก ไม่แน่นะเว้ย มันอาจเป็นนิทานหลอกเด็กก็ได้ ”
“ มึงคิดอย่างนั้นเหรอ ”
“ ก็.. ไม่รู้สิ แค่คิดน่ะ อาจจะสร้างสตอรี่ขึ้นมาเพื่อให้แขกที่มาพักเพลิดเพลินอะไรทำนองนี้ ”
“ อืม ก็อาจเป็นได้นะ ถ้าอย่างนั้นมาคิดกันขำ ๆ แล้วพวกผู้ชายที่ไปนอนกับนางสวาทน่ะ ถือว่าทำผิดไหม ” ภูรินทร์จ้องหน้าตฤณทันทีที่เขาถามคำถามนี้ จนกระทั่งเพื่อนต้องหัวเราะออกมา
“ อะไรของมึงภู ก็ในเมื่อมึงบอกว่ามันอาจจะเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก กูเลยถามเพื่อขอความเห็นเท่านั้นเอง ”
“ ไม่ใช่ว่ามึงอยากจะลองหรอกนะ ”
“ อะไรของมึงวะภู เมื่อกี้มึงยังบอกกูอยู่เลยว่ามันเป็นนิทานหลอกเด็ก เป็นสตอรี่ที่สร้างขึ้นมาขำ ๆ กูแค่ขอความคิดเห็น แบบลองวิจารณ์ดูอะไรเงี้ย ” ภูรินทร์ผินใบหน้าไปจ้องมองผืนป่าที่โอบล้อมบ้านไม้หลังใหญ่ไว้ครู่หนึ่ง ยกสาโทขึ้นจิบแล้วจึงตอบเพื่อน
“ มันก็ไม่น่าจะผิด เพราะเธอไม่มีเจ้าของ แล้วต่างคนต่างก็มีความสุข ต่างคนต่างฟินในเรื่องเพศทั้งผู้ชายและตัวเธอ แต่ที่ผิดคือเธอฆ่าคนเหล่านั้น ”
“ มึงผิดแล้วภู เธอไม่ได้ฆ่า คนพวกนั้นอ่อนแอเกินไปที่จะรับมือผู้หญิงเซ็กส์จัดอย่างเธอ มันต้องเจอคนที่สมน้ำสมเนื้อกัน จึงจะรอดชีวิต ” ภูรินทร์หันมาจ้องเพื่อนอีกครั้ง
“ มึงอย่าแม้แต่จะคิดนะตฤณ ” ทำให้เพื่อนส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ ไอ้บ้า มึงนี่บ้าไปแล้ว นิทานหลอกเด็กโว้ย กูแค่พูดขำ ๆ กูไปโทรหาสุดที่รักดีกว่า ไม่คุยกับมึงแล้ว ประสาทจะแดก ” ตฤณรีบตัดบทแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อกดโทรหาลดา แต่ปรากฏว่าบริเวณที่นั่งอยู่ไม่มีสัญญาณ
“ เอ้า กรรม โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณอีก ” บุญโทนได้ยินตฤณบ่นเลยเอ่ยปากถาม
“ พี่จะโทรศัพท์เหรอครับ ”
“ อืม พี่จะโทรหาแฟนน่ะ แต่มันไม่มีสัญญาณ ”
“ อ๋อ พี่ต้องเดินไปตรงโน้นเลยครัวไปนิดนึง เพราะตรงนี้ต้นไม้ใหญ่มันเยอะ ตรงโน้นโล่งกว่า ” บุญโทนบอกพลางชี้มือบอกทิศทาง
“ โอเค ขอบใจมากนะ ” ตฤณสาวเท้าออกห่างจากวงล้อมรอบกองไฟของเพื่อน ๆ ไปทางฝั่งครัวที่มีเพียงแสงสีส้มของหลอดไฟเก่า ๆ ส่องออกมาจาง ๆ
“ เฮ้ย มีสัญญาณแล้วจริง ๆ ด้วย ” ตฤณเอ่ยออกมาอย่างดีใจพร้อมกดออกโทรหาสุดที่รักทันที ดังเพียงสองทีเธอก็กดรับ