กลางดึกคืนเดียวกัน
จอคอมพิวเตอร์ของพิชฎาเปิดค้างไว้หลายนาทีแล้ว ต้นฉบับนิยายที่ต้องเขียนหยุดนิ่งไว้ตรงบรรทัดยี่สิบสอง ด้วยว่านักเขียนผู้เป็นเจ้าของมัวแต่ฟุ้งซ่าน คิดถึงแต่คำพูดและริมฝีปากอุ่นร้อนของแมคโลริค
ภายในห้องนอนเล็กๆ ที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมายนอกจากเตียงนอนและโต๊ะทำงาน มีตู้เสื้อผ้าเก่าๆ วางชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนห้องน้ำนั้นมีเพียงห้องเดียวที่ชั้นล่าง อย่าถามถึงโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนี้ เพราะมันคงไม่มีโอกาสมาตั้งตระหง่านกินพื้นที่ห้องของพิชฎาได้แม้แต่คืบเดียว
“เฮ้อ...ยัยฎา แกจะคิดถึงเขาทำไมเนี่ย” พิชฎาบ่นให้ตัวเอง ตอนนี้เธออยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่สามารถล้มตัวลงนอนได้ทันทีหากยุติงานตรงหน้าเสีย
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในวินาทีที่พิชฎาปิดคอมพิวเตอร์ลง รัญตาเปิดประตูเข้ามาเพราะน้าสาวไม่ได้ล็อกห้อง หญิงสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก มือข้างหนึ่งวางทาบบนหน้าท้องแบนราบ
“สิ้นเดือนอย่างนี้ปวดท้องอีกแล้วละสิ” คนเป็นน้าเอ่ยอย่างรู้ทัน รีบลงไปข้างล่างเพื่อต้มน้ำใส่กระเป๋าน้ำร้อนให้หลานสาว
รัญตาพูดไม่ออก เดินช้าๆ ไปยังเตียงของพิชฎา นอนหงายแผ่อยู่กลางเตียงอย่างอ่อนล้า ความเจ็บปวดอย่างที่ผู้ชายไม่มีวันรู้โจมตีอย่างหนักหน่วงที่บริเวณท้องน้อย
หญิงสาวนอนนิ่งๆ กระทั่งอาการปวดเริ่มเบาบางลง เธอกวาดตาไปมองรอบๆ ห้อง บางทีเธอก็อยากแต่งงานกับแมคโลริคไวๆ จะได้มีเงินมาสร้างบ้านหลังใหญ่ให้น้าสาว ไม่ต้องทนอยู่บ้านเช่าหลังเล็กเช่นนี้ เธอดูเห็นแก่ตัวเมื่อคิดไปว่าแต่งงานเพื่อเงิน แต่จะเป็นไรไปในเมื่อแมคโลริคก็รักเธอ และเธอก็รักเขา บางทีเธอก็นึกโกรธผู้เป็นบิดาที่ไม่มาสนใจใยดี แม้ว่าท่านจะแต่งงานใหม่ไปแล้วแต่ก็น่าจะคิดถึงลูกสาวคนนี้บ้าง เธอไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากใครเลยทั้งบิดาและมารดา ตากับยายของเธอก็เสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก คนคนเดียวที่มอบความรักทั้งชีวิตให้เธอก็คือพิชฎา น้าสาวคนดี
“มาแล้ว ๆ เอามือออกนะเดี๋ยวน้าจะวางถุงน้ำร้อนให้” พิชฎากลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับถุงน้ำร้อนที่อุ่นได้ที่ เธอวางมันลงกับหน้าท้องของรัญตา หลานสาวคนดีหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขเมื่อไออุ่นจากถุงน้ำร้อนช่วยให้อาการปวดบรรเทาเบาบาง
“อือ...ค่อยยังชั่ว รัญนึกว่าตัวเองจะตายแล้วนะเนี่ย” สาวน้อยบ่นอุบ
พิชฎาถอดแว่นสายตาไปวางไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหยิบหนังสือนิยายที่วางอยู่ข้างกันมาหนึ่งเล่ม กะว่าจะอ่านต่อด้วยว่าคืนนี้คงนอนไม่หลับ
“ไม่ตายหรอกน่า น้าอยู่ทั้งคนยมบาลไม่กล้ามาเอาวิญญาณรัญหรอก”
คนเป็นน้าปลอบประโลมในแบบฉบับของคนรักหลาน รัญตาขยับชิดฝั่งซ้ายของเตียงเมื่อน้าสาวขึ้นมานอนข้างกัน
“ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงพูดแบบนี้กับรัญบ้าง” น้ำเสียงแห่งความน้อยใจไหลหลั่งออกมาจากริมฝีปากซีดเซียวของรัญตา บางครั้งหญิงสาวก็ยังเหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบที่ต้องการความรักและการโอบกอดจากบุพการี
“แม่ไปสบายแล้วจ้ะหลานรัก ถ้าแม่ดูอยู่แม่คงเห็นว่าวันนี้รัญเติบโตเป็นคนเก่งและสวยราวกับเจ้าหญิงน้อยๆ” พิชฎาชื่นชมคนเป็นหลาน คำพูดทุกคำไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย รัญตาเรียนเก่งสามารถสอบเข้ามหา’ ลัยได้ตั้งแต่อายุเพียงสิบเจ็ดปี แถมความสวยก็ได้ทางแม่ซึ่งเป็นพี่สาวเธอไปเต็มๆ พิศษิณี พี่สาวเธอนั้นสมัยสาวๆ สวยอย่าบอกใครเชียวล่ะ
“แล้วพ่อละคะ พ่อของรัญอยู่ที่ไหน ทำไมเขาไม่มาดูดำดูดีเราเลยคะน้าฎา เขาจะรู้ไหมว่าน้าฎาเลี้ยงรัญมาลำบากแค่ไหน”
รัญตาเอ่ยถามน้าสาว น้ำเสียงตัดพ้อ เธอเห็นคนเป็นน้านั่งหลังขดหลังแข็งเขียนนิยายหาเงินส่งเธอเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก เธอไม่เคยเห็นน้าออกไปเที่ยวที่ไหน นอกจากเวลาซื้อของใช้เข้าบ้าน น้าฎามีเวลาให้กับเธอและนิยายเท่านั้น
พิชฎาสะอึกไปเมื่อฟังมาถึงตรงนี้ นิยายที่กางคามืออยู่ตัวหนังสือไม่ได้ไหลเข้าสมองของเธอเลย
“สักวัน...รัญต้องได้เจอพ่อของรัญแน่นอนเชื่อน้านะ” พิชฎาวางนิยายไว้ข้างหมอนก่อนจะหันมาคุยกับหลานสาว เอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้หลานรัก
“ค่ะ...ถ้าพ่อรัญรวยเป็นมหาเศรษฐีก็คงจะดี เราจะได้ย้ายออกจากบ้านหลังนี้สักที รัญไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว มันเล็กและไกลความเจริญ ถ้าอาแมคไม่มาส่ง รัญยังไม่รู้เลยว่าจะกล้านั่งแท็กซี่เข้ามาหรือเปล่า”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้รัญตาก็ลืมตาขึ้นมามองคนเป็นน้าตาแป๋ว
“มีอะไร” พิชฎาถามอย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ อาทิตย์หน้าเงินเดือนออก เราไปหาอะไรทานนอกบ้านกันนะ รัญเลี้ยงน้าฎาเอง” พูดพลางยิ้มแป้นพลอยทำให้คนเป็นน้ายิ้มไปด้วย
พิชฎาไม่อยากคิดเลยว่าหากวันหนึ่งรัญตารู้ความจริงมันจะเป็นเช่นไร รัญตานิสัยเหมือนพี่สาวเธอ ชอบความฟุ้งเฟ้อชอบชอปปิ้ง แต่เมื่อการเงินของบ้านไม่อำนวย รัญตาก็ไม่เคยปริปาก ทุกอย่างเป็นเหมือนที่แมคโลริคพูดทุกคำ เธอไม่ควรคิดแทนรัญตา เพราะนั่นจะเป็นการทำร้ายรัญตาเสียเอง
“เอาไว้เงินค่าต้นฉบับน้าออก น้าจะดาวน์รถให้รัญเอง ดีไหมจ๊ะ”
“หา! จริงนะคะ ดีใจที่สุดเลย รัญรักน้าฎาที่สุด รักที่สุดในโลกเลย!” หลานสาวคนดีเอ่ยออกมาอย่างต้องการเอาใจน้าสาว อยากพลิกกายไปสวมกอดแต่ติดถุงน้ำร้อนที่วางอยู่หน้าท้อง รู้ดีว่าน้าสาวไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็เธอขอเห็นแก่ตัวรับมันไว้ก่อน เอาไว้ทำงานหาเงินได้เยอะๆ เมื่อไหร่ รับรองว่าน้าสาวคนนี้จะอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องนั่งเขียนนิยายให้เมื่อยหลังแน่นอน
สองสาวนอนคุยกันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข รัญตาสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานและจะผ่อนรถเอง ในขณะที่คนเป็นน้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเงินค่าดาวน์รถคันที่ว่า มันยังเป็นแค่ตัวหนังสือในคอมพิวเตอร์ของตนก็ตาม
เช้าวันรุ่งขึ้น
รัญตาอาการหนักไปทำงานไม่ไหว หญิงสาวเป็นไข้ทับระดูจนต้องนอนแบ็บอยู่บนเตียง น้าสาวอย่างพิชฎาคอยดูแลไม่ห่าง ปลุกหลานรักขึ้นมาทานข้าวทานยา ช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ไม่มีปริปากว่าเหน็ดเหนื่อย แถมยังโทร. ลางานให้อีกต่างหาก
“น้าฎา...โทรลางานให้รัญด้วยนา..”
สาวน้อยเพิ่งจะนึกได้เอาตอนแปดโมงเข้าไปแล้ว
“น้าโทรแล้วจ้ะคนสวย นอนไปเลยนะไม่ต้องพูดมาก น้าจะทำงาน” คนเป็นน้าสั่งหลานรัก ก่อนจะจัดแจงเปิดคอมขึ้นมาเพื่อปั่นนิยายเรื่องที่เขียนค้างไว้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มันไม่ใช่ของเธอแต่เป็นของคนที่หลับอุตุไปแล้ว มันวางอยู่ข้างหมอนของรัญตา เธอหยิบมันขึ้นมาพิจารณา พอเห็นชื่อแมคโลริคก็ทำหน้าบูดใส่เพราะไม่ชอบใจอย่างแรง
“ฮัลโหล...ยัยรัญไม่สบาย ฉันโทรไปบอกเลขาคุณแล้วนะ”
พิชฎารีบกรอกเสียงไปตามสาย ไม่ทันให้อีกฝ่ายได้เอ่ยถามด้วยซ้ำ
“ผมรู้แล้วครับคุณนักเขียน แต่ผมอยากได้รายงานการประชุมเมื่อวานนี้ คุณช่วยเอามาให้ผมก่อนเที่ยงได้ไหม รัญตาเอาไปพิมพ์ที่บ้านเมื่อคืน”
คนที่อยู่ปลายสายตอบกลับมา พิชฎาพ่นลมพรืดออกจากจมูก ทำไมสวรรค์ต้องเป็นใจเปิดทางให้เขาและเธอได้เจอกันด้วยเล่า ไม่ยุติธรรมเลย อยู่ใกล้แมคโลริคทีไรเธอควบคุมอารมณ์บางอย่างไม่ได้สักที มันคอยแต่จะคล้อยตามเขาอยู่ร่ำไป ช่างอันตรายเสียจริง
“ก็ได้ บริษัทคุณอยู่ที่ไหน” เธอถาม คนที่อยู่ปลายสายจึงตอบกลับมา ทว่าแมคโลริคไม่ได้ให้เธอเอาเอกสารไปให้ที่บริษัท เขาบอกให้เอามาให้ที่คอนโดฯ แทน เพราะใกล้กว่าที่ทำงาน เขาจะเข้าออฟฟิศตอนบ่ายเธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เขาบอกทางไปคอนโดฯ เสร็จสรรพ และหวังว่าเธอจะเอาของไปให้ก่อนเที่ยง
หญิงสาววางสายโทรศัพท์ก่อนจะหันมาปลุกหลานรัก รัญตานอนที่ห้องของเธอทั้งคืนเพราะลุกกลับห้องตัวเองไม่ไหว
“รัญ...รัญ...เอกสารบริษัทอยู่ไหน น้าจะเอาไปให้เจ้านายเรา”
“อือ...น้าฎา...รัญจะนอน...”
คนที่ถูกพิษไข้เล่นงานไม่ให้ความร่วมมือมากนัก พิชฎาต้องซักอยู่นานกว่าที่รัญตาจะตอบกลับมา
หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว สวมชุดที่เรียบร้อยกว่าเสื้อยืดกางเกงขาสั้นหน่อยหนึ่ง เพราะอย่างน้อยก็ออกไปข้างนอก เธอสวมเป็นเสื้อแขนกุดเข้ารูปกับกระโปรงผ้าพลิ้วแนววินเทจยาวเลยเข่าเล็กน้อย เส้นผมสลวยถูกมวยและยึดไว้ที่ท้ายทอยด้วยปิ่นปักผมอย่างง่ายๆ เครื่องสำอางเดียวที่ใช้คือครีมบำรุงผิวเด็กหนึ่งขวดที่มีติดกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก พร้อมกับแป้งฝุ่นและลิปกลอส
พิชฎาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยความรวดเร็ว แต่กระนั้นมันก็กินเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง เธอรีบเข้าไปในห้องหลานสาว หยิบเอาแฟ้มเอกสารดังกล่าวแล้วรีบออกจากบ้าน คาดว่ากว่าจะถึงคอนโดฯ ของแมคโลริคก็คงสิบเอ็ดโมงกว่าๆ เพราะรถราในเมืองหลวงของประเทศแห่งนี้ มันติดแทบจะทุกไฟแดง ที่สำคัญคือเธอนั่งรถเมล์ไป งานนี้ถ้าสายก็คงช่วยไม่ได้ละนะแมคโลริค