บทที่ 2
ลูกไก่ในอุ้งมือ (มัจจุราช)
ชั่วโมงต่อมา
ณ คอนโดฯ สุดหรูของมัจจุราชร้าย เจ้าของห้อง 702 ซึ่งตั้งอยู่ชั้นเจ็ดของตึกสูง กำลังเดินไปเดินมาด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ค่อยจะถูกนัก มันทั้งร้อนใจ ดีใจ และตื่นเต้นระคน เขากำลังรอคอยใครบางคนอยู่ด้วยใจจดจ่อ ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองต้องอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเข้าบริษัทตอนบ่ายนี้ ความปรารถนาเมื่อรู้ว่าลูกไก่ตัวน้อยกำลังจะเดินเข้าสู่รังของมัจจุราช ทำให้แรงกระสันรัญจวนวิ่งพล่านทั่วร่างอย่างน่าโมโห ไม่นึกว่าหญิงสาวที่เลยวัยขบเผาะอย่างพิชฎาจะทำให้เขาเป็นเอามากถึงเพียงนี้
“เธอทำอะไรกับฉันกันนะพิชฎา!”
ชายหนุ่มสบถออกมาต่อจากประโยคที่เจือด้วยเสียงคำรามนั้น เสื้อคลุมอาบน้ำแหวกออกเมื่อเจ้าตัวยกมือเท้าสะเอว เขากำลังเข้าใกล้คำว่าหงุดหงิด มันน่าพิศวงที่เขารู้ดีว่าความหงุดหงิดนั้นจะหายไปเพียงเพราะได้เจอหน้าพิชฎา
ติ๊งต่องๆ ติ๊งต่องๆ
เสียงออดดังขึ้นในวินาทีต่อมา แมคโลริคถลาไปที่ประตู พาร่างสูงใหญ่ปลิวไปตรงนั้นราวกับเป็นส่วนหนึ่งของลมพายุ
“คุณน่าจะมีมารยาทด้วยการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเปิดประตูนะ” คนที่อยู่หน้าประตูตำหนิเจ้าของห้องทันทีที่พบหน้า แผงอกเปล่าเปลือยที่โผล่พ้นเสื้อคลุมอาบน้ำ แม้ไม่ได้มากมายแต่ก็ทำให้พวงแก้มสาวพรหมจรรย์ร้อนผ่าว
พิชฎาเสือกไสแฟ้มเอกสารใส่อกเขา ก่อนจะถอยหลังก้าวออกมา แต่ทว่า...
หมับ!
“ว้าย! ปล่อยนะ! ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ร้องถามทั้งๆ ที่รู้ เธอถูกแมคโลริคคว้าหมับเอาที่ข้อมือข้างขวา ก่อนจะลากเข้าห้องแล้วปิดประตู ล็อกแน่น!
ชายหนุ่มยิ้มกริ่มเมื่อลูกไก่ตัวจ้อยเข้ามาอยู่ในอุ้งมือมัจจุราช เขาทิ้งแฟ้มงานไว้บนชั้นวางรองเท้า ก่อนจะหันมาตรึงหล่อนไว้กับผนังห้อง เฝ้ามองท่าทีตื่นตระหนกอย่างพออกพอใจ ราวเสือร้ายที่ตะครุบได้เหยื่อยามหิวโซ
“จุ๊ๆๆ จะรีบไปไหนครับคุณน้า อยู่คุยกันสักนิดก่อนไม่ได้เหรอ” เจ้าของห้องหยอกเย้า ดวงตาวับวาวกวาดมองทั่วร่างสาว เสื้อที่หล่อนสวมรัดทรวดทรงองค์เอวเห็นได้ชัดเจน กระโปรงผ้านิ่มก็ดูเบาพลิ้วจนแทบจะละลายถ้าเขาเผลอไปแตะต้อง เขาไม่ต้องถอดมันออกด้วยซ้ำ หากอยากจัดการหล่อนเสียที่หน้าประตูนี้
“คิดจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เธอทำใจดีสู้เสือโต้กลับชายหนุ่ม แม้ว่าหัวใจกำลังประจานเจ้าของด้วยการกระหน่ำเต้นปานกลองศึก สองมือถูกเขาตรึงไว้ข้างลำตัว ส่วนกายตั้งแต่แผ่นอกลงไปก็ถูกทาบไว้ด้วยร่างสูงใหญ่ ลมหายใจผ่าวร้อนกำลังราดรดใบหน้างาม กระไอแห่งบุรุษเพศโจมตีอย่างรุนแรง เธอเชิดหน้าท้าท้ายแต่ดูเหมือนจะเป็นการเปิดทางให้เขาก้มลงมาจุมพิตทันทีที่ทำเช่นนั้น
“ยะ...อย่า...อย่านะ!”
ริมฝีปากอวบอิ่มของนักเขียนสาวถูกริมฝีปากคมกริบของชายหนุ่มปิดทับลงมาด้วยความรวดเร็ว ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตระหนก พอๆ กับความรู้สึกบางอย่างที่วิ่งพล่านไปทั่วร่าง ทุกครั้งที่แมคโลริคกระหวัดเรียวลิ้นในโพรงปากอุ่น ความรู้สึกบางอย่างก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ มันไต่ไปตามเส้นโลหิต วิ่งวนไปทั่วกระทั่งมาออกันที่กระเปาะแห่งความกระสัน หยุดนิ่งแล้ววิ่งวนอยู่ตรงกลางระหว่างซอกขา
มันน่าละอายที่พิชฎารู้ดีว่าตัวเองกำลังต้องการบางอย่างจากเขา บางอย่างที่มากกว่าการจูบอันดูดดื่ม
“อืม...หวานเหลือเกินคุณนักเขียน ไม่น่าเชื่อว่าสาวแก่อย่างคุณจะมีรสจูบที่หวานขนาดนี้” แมคโลริคชมเปาะเมื่อถอนริมฝีปากออกจากพิชฎา ริมฝีปากหล่อนบวมเจ่อ ใบหน้าเห่อแดงจนถึงติ่งหู ดูแล้วเหมือนเด็กสาวอายุสิบสี่มากกว่าคุณน้าอายุสามสิบสอง
“ปะ...ปล่อยฉันนะ คนสารเลว! มาจูบทำไมฮะ!” ต่อว่าเขาพลางเร่งสูบเอาอากาศเข้าปอด แมคโลริคยอมปล่อยมือเธอแต่ยังใช้ร่างตัวเองตรึงร่างเธอไว้กับผนัง เธอพยายามทุบแขนเขาด้วยสองกำปั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะเยาะ
“หึๆ เจ็บตายละคุณน้า” เขาล้อเลียน อีกฝ่ายตาขวางใส่
น้าสาวของรัญตาเปลี่ยนที่หมายมาที่ลำคอหนาของชายหนุ่ม ในเมื่อทำให้เขาเจ็บด้วยการทุบตีไม่ได้ เธอก็จะบีบคอนี้ให้ขาดอากาศหายใจไปเลย
“ปล่อยฉัน! ไม่งั้นฉันจะบีบคอคุณ” เธอท้า วางมือสองข้างยังตำแหน่งที่คิดว่าออกแรงบีบเมื่อไหร่แมคโลริคได้ขาดอากาศหายใจแน่ๆ
“อยากบีบก็เชิญ ถ้าคุณบีบคอผม ผมก็จะ...”
เขาไม่ได้พูดมันออกมาแต่ใช้ฝ่ามือสองข้างยกชายกระโปรงของหล่อนขึ้นแล้วลูบไปทั่วต้นขา มันทั้งหนั่นแน่นเนียนมือเป็นที่สุด
พิชฎาตาเบิกโต รู้สึกว่าวันนี้เธอจะเสียเปรียบมากเกินไปแล้ว
“เอาสิพิชฎา บีบคอผมเลย”
ชายหนุ่มท้าทายขณะที่นิ้วร้ายเกี่ยวชั้นในชิ้นล่างของหญิงสาวให้เลื่อนลง
พิชฎาอ้าปากหวอ ไม่นึกว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้ เธอออกแรงบีบมือลงลำคอหนาตามสัญชาตญาณ แต่แมคโลริคก็ไม่ยอมหยุด เขาเลื่อนมือซ้ายไปเกี่ยวเอวบางออกจากผนัง เป็นเวลาเดียวกับที่ฝ่ามืออุ่นร้อนข้างขวาประกบลงยังชิ้นส่วนอันไวต่อความรู้สึกของเธอ