EP 2/6 ลูกไก่ในอุ้งมือ (มัจจุราช)

940 คำ
“รัญตาจะได้ทุกสิ่งที่แกอยากได้ ฉันจะเป็นคนหามาให้เอง ถ้าท่านอยากให้ลูกได้ในสิ่งที่แกควรได้ ก็หย่ากับเมียซะ แล้วมาเอายัยรัญไปเลย!” พิชฎาท้า ทำเอาบุรุษมากวัยหน้าเจื่อน ท่านหันมามองภรรยาก็เห็นยืนกำหมัด เม้มปากแน่นด้วยกำลังระงับความโกรธ “ฉันทำอย่างนั้นกับคนที่ฉันรักไม่ได้หรอก คุณเดือนไม่ผิดในเรื่องนี้” ติภพว่า “พี่สาวฉันก็ไม่ผิด!” พิชฎาโต้กลับเสียงเขียว ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมาสนใจคนทั้งสาม สตรีหน้าบางอย่างเดือนเด่น รีบสะกิดสามีเพราะยังไม่อยากเป็นข่าวฉาวเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านเพราะนามสกุลมันค้ำคออยู่ “ฉันขอโทษ” ติภพเอ่ยกับพิชฎา แต่นักเขียนสาวเชิดใส่ “อย่ายุ่งกับยัยรัญเกินขอบเขตที่ฉันให้ ไม่อย่างนั้นฉันจะพายัยรัญไปอยู่ที่อื่น แล้วจะไม่มีใครรู้อีกเลยว่าเราอยู่ที่ไหน” พิชฎาขู่ หยดน้ำตาขังคลอด้วยความกดดัน เธอแค่ขู่ จะพาหลานสาวย้ายไปอยู่ที่ไหนได้ในเมื่อเงินทองมันเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เธอเดินทางได้สะดวก และตอนนี้เธอก็ไม่สามารถเบียดเบียนเงินจำนวนนั้นได้ “พวกเราทำในสิ่งที่ควรทำ ถ้าเธอยังเห็นแก่ตัวไม่ยอมรับในสิ่งที่เราหยิบยื่นให้ สักวันเมื่อหนูรัญรู้ความจริง คนที่หนูรัญจะเกลียดที่สุดก็คือเธอ ไปกันเถอะค่ะคุณภพ คนใจแคบอย่างนี้อย่าไปเสวนาด้วยเลย” ประโยคท้ายๆ เดือนเด่นเอ่ยกับสามี ก่อนจะชวนเขาออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้พิชฎานิ่งอึ้งอยู่กับความจริงที่ช่างยอกแสยงใจ “มันจะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันนั้นใช่ไหมรัญตา...” พิชฎารำพันถึงคนเป็นหลาน หยดน้ำตาที่คลอขังไหลรดแก้มบางอย่างช้าๆ เธอไม่มีกะจิตกะใจจะเดินเที่ยวอีกต่อไป กะว่าจะกลับบ้านไปตั้งหลัก แต่ก็บังเอิญเจอเข้ากับบริษัทขายรถยนต์แห่งหนึ่งซึ่งมาออกบูธที่ห้างนี้ และมันทำให้เธอคิดบางอย่างออก คงมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น พิชฎาก็ขึ้นรถเมล์ที่หน้าห้างสรรพสินค้า เพื่อไปลงยังคอนโดฯ ของแมคโลริค เธอโทรบอกหลานสาวว่าวันนี้อาจจะกลับดึก ไม่ต้องรอทานมื้อค่ำ จำเป็นต้องโกหกเพื่อจะได้อยู่เจรจากับแมคโลริคให้เรียบร้อย เธอรอจนเกือบสามทุ่มจึงได้เห็นรถยนต์ของเขาเลี้ยวเข้ามาทางด้านซ้ายของตึก ตอนนี้เธอนั่งอยู่บริเวณล็อบบี้ขนาดย่อมที่มีไว้สำหรับแขกของคอนโดฯ แห่งนี้ อึดใจต่อมา ร่างสูงใหญ่อย่างชายเลือดผสมก็ก้าวเข้ามาภายในตัวตึก เขาประหลาดใจนักหนาที่เห็นพิชฎาที่นี่ รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ พลอยทำให้คนที่ถูกจ้องมอง แก้มร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน หญิงสาวอดคิดถึงเรื่องเมื่อสองสามวันก่อนไม่ได้ “คุณน้าทำให้ผมประหลาดใจ” แมคโลริคแกล้งเย้าด้วยการเอ่ยสถานะของหล่อนที่มีต่อหลานสาวของตัวเอง “ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ เอ่อ...ช่วยบอกพนักงานของที่นี่ได้ไหมว่าอย่าบอกใครว่าฉันมาที่นี่” เธอรีบหาทางปกป้องตัวเองจากความรู้สึกของหลานสาว ทว่าแมคโลริคกลับเข้าใจผิด “คุณกลัวผู้หญิงคนอื่นของผมจะเข้าใจผิดเหรอ ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะนาทีนี้ผมมีแค่คุณ” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่รั้งเอวบางเข้าหาร่างตน พิชฎาอ้าปากหวอ ผู้คนที่เดินไปมาแถวล็อบบี้มองทั้งสองเป็นตาเดียว “นี่! ปล่อยฉันนะ คนมองใหญ่แล้ว” “ไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่อยากให้พนักงานที่เคาน์เตอร์จำหน้าสวยๆ ของคุณได้ ผมว่าเราขึ้นห้องกันดีกว่านะ” ว่าพลางรั้งร่างบางให้เดินไปขึ้นลิฟต์ด้วยกัน พิชฎาต้องคอยเอากระเป๋าปิดหน้าไว้เพราะอับอายต่อสายตาที่มองมา ชาวบ้านคงเข้าใจเธอผิดแล้วกระมัง เมื่อขึ้นมาถึงห้อง แมคโลริคกลับไม่ได้แตะต้องพิชฎา เขาปล่อยหล่อนแต่โดยดี ราวกับว่าเมื่อครู่นี้เพียงต้องการกลั่นแกล้งเท่านั้น พิชฎารู้สึกน้อยใจอย่างประหลาด แต่ก็พยายามลืมความรู้สึกนั้น หญิงสาวนั่งลงตรงที่เขาเชื้อเชิญให้นั่ง แมคโลริคหาเครื่องดื่มมารับรองอย่างดิบดี ก่อนจะนั่งลงเพื่อจ้องหน้าผู้มาเยือนอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้มาให้คุณนั่งจ้องนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่ม เมื่อการถูกจ้องอย่างตั้งใจทำให้หัวใจสั่นไหว “ก็พูดมาสิครับ ผมรอฟังอยู่ คุณพูดแล้วผมจะได้พูดบ้าง” “ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือ” พิชฎาว่า แมคโลริคเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “จากคนที่คุณบอกว่าเกลียดนี่เหรอ” เขาย้อน “อืม...ฉัน...ยินดีให้คุณคิดดอกเบี้ย” เธอยื่นข้อเสนอ ถ้าตัวเองทำงานเป็นหลักแหล่ง มีสลิปเงินเดือนเหมือนชาวบ้าน รับรองว่าไม่มีทางบากหน้ามาหาเขาเด็ดขาด “แสดงว่าคุณต้องการเงินงั้นสิ” พิชฎาพยักหน้า กระดากชอบกลที่ต้องมาเอ่ยปากขอยืมเงินเขา “ฉันต้องการเงินไปดาวน์รถให้หลาน” “อยากได้คันไหนให้รัญตาไปเลือกเลย ที่โชว์รูมในเครือของบริษัทผมเยอะแยะไป” เขาแนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม