ร่างอรชรผละห่างจากเขาเล็กน้อยก่อนล้มตัวลงนอนตะแคงในท่าหันหลังให้ หญิงสาวกำลังจะหลับตาลงก็ต้องตกใจเมื่อรู้สึกถึงแรงกดจากแขนหนาใหญ่ที่พาดบนตัวเธอ พัลเลเดียมเอนตัวนอนด้านหลัง อกกว้างนั้นแนบสนิทกับแผ่นหลังของลลิลที่สั่นน้อย ๆ เขากอดเธอแนบสนิทและลมหายใจร้อนเป่าอยู่ที่ลำคอของเธอว่าหญิงสาวกลับยังไม่แน่ใจ
เธอเหลือบมองมือของเขาข้างหนึ่งที่ยังมีผ้าพันแผล เขาอาจยังโกรธเธอไม่หายและไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนเพราะตั้งแต่พบกันครั้งนี้ท่าทีของเขาไม่มีอะไรที่ทำให้เธอแน่ใจได้สักอย่าง ร่างบอบบางเริ่มเกร็ง แม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นบ้างเพราะคืนนี้เธอไม่ต้องนอนคนเดียวอย่างที่ผ่านมาแต่นี่ก็เป็นคืนแรกที่พัลเลเดียมกลับมานอนเพนท์เฮ้าส์ของพี่สาวแถมยังมานอนเบียดกับเธออีก น่าประหลาดที่เธอไม่รู้สึกอึดอัดแต่ก็กลัวว่าเขาจะเกิดรำคาญถ้าเธออยากพลิกตัว
“อาพีท...กลับไปนอนบนเตียงเถอะค่ะ”
ลลิลแข็งใจพูดก่อนได้ยินเสียงเขาตอบกลับมาแนบชิดข้างใบหู
“ไม่ชอบหรือที่ผู้ชายนอนกอด หรือว่าอึดอัดที่ถูกผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนกอด”
“ลิลไม่มีแฟนนะคะ”
“พูดไปใครจะเชื่อว่าโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วจะไม่เคยคบใครสักคน”
“ลิลเคยชอบ...แต่ไม่เคยคบ”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
จบคำถามพัลเลเดียมก็ขยับตัวพร้อมทั้งจับร่างบางให้นอนหงาย ลลิลตกใจกับอารมณ์ของชายหนุ่มที่เปลี่ยนกะทันหัน เขาเลื่อนตัวขึ้นมาอยู่เหนือเธอและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างคาดคั้น
“บอกมาสิลาริมาร์...ว่าผู้ชายคนนั้น...เป็นใคร!”
“อาพีท...อยู่บนตัวลิลอย่างนี้หายใจไม่ออกนะคะ”
“บอกมาก่อนสิว่าใครที่เธอเคยชอบ ตั้งแต่รู้จักเธอมาไม่เคยเห็นควงใครหรือว่าแอบไปพบกันไม่ให้พ่อเธอรู้”
“พ่อจะรู้หรือไม่รู้มันก็เป็นสิทธิ์ของลิลที่จะคบใครก็ได้นี่คะ”
“อวดดีเกินไปแล้วลาริมาร์”
“โอ๊ย!”
ลลิลร้องเสียงหลงเมื่อเขาพลิกตัวนอนหงายแต่ไม่ยอมปล่อยเธอกลับบังคับให้ร่างบางนอนแนบอยู่บนอกของเขาแทน หญิงสาวพยายามดิ้นรนหากก็เหมือนทุกครั้งที่ไม่เคยสำเร็จแม้พยายามขัดขืน
“อาพีทปล่อยลิลนะ”
“ร้องไปเลยเด็กจอมดื้อ”
ชายหนุ่มเสียงแข็งขณะลมหายใจร้อนเป่ารดปลายคางของหญิงสาว ลลิลหน้าแดงซ่านเมื่อนอนอยู่บนอกกว้างโดยถูกแขนแกร่งกอดกระหวัดรัดร่างเธอเอาไว้ คราวนี้เธอไม่สามารถเบี่ยงหน้าหลบได้และต้องจ้องหน้าเขาตรง ๆ ขณะที่หน้าสวยอยู่ห่างจากใบหน้าคมเข้มแค่คืบ ลลิลหายใจหอบแต่ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจ
“นี่ถ้าเป็นเด็กตัวเล็กฉันจะจับตีก้นเสียให้เข็ด”
“ลิลโตแล้วนะคะ”
และสวยมากด้วย พัลเลเดียมขบกรามเบา ๆ และสับสนกับความรู้สึกของตัวเองทุกครั้งเมื่อได้แนบสนิทกับร่างนุ่ม เขาไม่อยากแตะต้องเธอด้วยซ้ำ ปฏิญาณไว้ตั้งแต่แรกว่าจะทำให้อิศราเจ็บปวดเหมือนอย่างที่ทำกับพี่สาวของเขา แค่อยากแก้แค้นให้พ่อของเธอเจ็บใจแต่เขามิอาจข่มความรู้สึกของตัวเองให้มองว่าลลิลเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาที่เขาเคยรู้จักได้ในเมื่อตอนนี้เธอกลายเป็นสาวสะพรั่ง ทั้งสวยอ่อนหวานแม้อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ ชายหนุ่มแสดงความโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินเธอพูดถึงผู้ชายคนอื่น...นี่เขาเป็นอะไรกันทำไมถึงได้หัวเสียกับเรื่องที่คิดมาตลอดว่ามันไร้สาระ ร่างหนาระบายลมหายใจหนักพร้อมสันกรามแกร่งนูนขึ้น
“ใช่...เธอโตแล้ว และตอนนี้เธอก็เป็นเมียฉันแล้วด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นลิลจะไม่พูดถึงเรื่องอดีต ในเมื่ออาพีทอยากให้ลิลยอมรับในสิ่งที่เป็นปัจจุบันเท่านั้น”
“แต่ฉันก็มีสิทธิ์จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ”
“ลิลไม่เคยมีแฟน”
“แต่เมื่อกี๊เธอบอกว่าเธอเคยชอบผู้ชายคนหนึ่ง...ฉันแค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
ลลิลเงียบไปแต่นัยน์ตาคู่งามที่สะท้อนภาพใบหน้าคมคร้ามเบื้องล่างกลับส่องประกายวับวามขึ้นมาชั่ววาบก่อนมันจะจมลึกหายไป เธอเม้มปากแน่น
“เขาเป็นคนที่ลิลเคยรู้จัก และเขา...ก็ไม่รู้หรอกค่ะ...ตอนนี้เขาอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ อาพีทรู้แล้วก็ปล่อยลิลเถอะค่ะ”
“เธอทำให้ฉันเสียเวลามากเลยนะรู้ไหมลาริมาร์”
หญิงสาวเอียงหน้า “คะ?”
“แบบนี้เธอต้องเสียค่าปรับ”
“ค่าปรับ?”
“ด้วยการจูบฉัน”
“อาพีท...”
ลลิลเงียบไปแต่ร่างนั้นสั่นสะท้าน แววตาของหญิงสาวสะท้อนความลังเลทั้งยังดูพิสุทธิ์มากเสียจนดูเหมือนเธอไม่เคยประสีประสาเรื่องแบบนี้ แต่เป็นความจริงล่ะหรือ...พัลเลเดียมไม่เคยแน่ใจ เพราะอิศราทำลายความเชื่อใจทั้งหมดที่เขามีมาก่อนหน้า ฉะนั้นแล้วสิ่งที่เขาจะไว้วางใจได้คือความเชื่อของเขาเอง
“ถ้าเธอไม่ยอมจูบฉันก็จะไม่ปล่อย”
“ลิลจูบไม่เป็นค่ะ”
เขาเลิกปากขึ้นและใช้สายตาเหยียดหยัน “ก็แค่อ้าปากแล้วเอาลิ้นออกมา หนุ่มสาวอเมริกันใครก็ทำเป็นทั้งนั้น”
“ไม่เอาลิ้นออกมาได้ไหมคะ”
“ถ้าอย่างนั้นเขาจะเรียกว่าจูบหรือ”
“ปากชนปากไงคะ”
“โอเค...ถ้าอยากจะทำอย่างนั้น”