“ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ทำ แล้วคืนนี้ไม่ต้องนอนค้างที่เพนท์เฮ้าส์นี่”
“คุณพีทจะมาค้างที่นี่หรือคะ?”
“ฉันจะกลับไปนอนห้องชุดของฉัน ส่วนลาริมาร์...เธอนอนคนเดียวได้...ออกไปได้แล้ว”
“คะ...ค่ะ”
จูลี่ถอยหลังกลับและไม่แม้แต่จะถามต่อสักคำเดียวเพราะเธอรู้ว่าพัลเลเดียมเปป็นคนเด็ดขาดขนาดไหน ตั้งแต่มาทำงานเป็นแม่บ้านประจำเพนท์เฮ้าส์ของแพตเธอเป็นคนเดียวที่ได้รับความไว้วางใจและรู้ว่าพี่น้องทั้งสองคนมีนิสัยเป็นอย่างไร ฉะนั้นแล้วจูลี่จึงไม่กล้าแม้แต่จะต่อปากต่อคำเพราะแค่มองหน้าเธอก็เข้าใจความหมาย และเมื่อแม่บ้านสาวชาวอเมริกันไปแล้วลลิลก็ขยับตัวทำท่าขัดขืนทว่าร่างสูงก็ไม่ยอมปล่อยเธออยู่ดี แม้จะโกรธเกลียดเช่นไรหากแต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงบางอย่างผุดขึ้นในใจและทำให้เขาอบอุ่นอยู่ลึก ๆ อย่างประหลาด
“คืนนี้จูลี่จะไม่อยู่ที่นี่ เธอต้องหัดอยู่ในเพนท์เฮ้าส์นี่คนเดียว”
“ลิลอยู่ได้...แต่อาพีทปล่อยลิลเสียทีสิคะ”
หญิงสาวพูดเสียงพร่าต่ำ เธอยังไม่ยอมสบนัยน์ตากร้าวสีน้ำตาลขุ่นคู่นั้นที่จับจ้องใบหน้าสวยหวานซึ่งเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มจนถึงใบหู ลลิลรู้สึกอับอาย รสชาติจากปากและลิ้นของเขายังติดอยู่ที่ริมฝีปากระริกสั่น มันทำให้เธอทั้งวาบหวิวและหัวใจระทึกเหมือนเต้นผิดจังหวะ และสำหรับชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ได้ต่างกัน หัวใจของเขาเต้นเร็วมากจนนึกโกรธตัวเองขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“เธอต้องอยู่แบบนี้...ฉันพอใจจะมาก็มา ถ้าไม่อยากมาเธอก็ต้องอยู่คนเดียว”
“ลิลอยู่คนเดียวได้ และอาจจะ...”
“อาจจะอะไร!”
พัลเลเดียมเสียงดุพร้อมกับบีบปลายคางหญิงสาวและบังคับให้ใบหน้าสวยเชิดมองเขาเต็มตา ชายหนุ่มขบกรามแน่น
“เธอกำลังจะบอกใช่มั้ยว่าอยู่คนเดียวยังดีกว่ามีฉันอยู่ที่นี่”
“มันก็เป็นอย่างที่อาพีทคิดนั่นล่ะค่ะ...อะ!”
อีกครั้งที่เธอส่งเสียงไม่ทันพ้นลำคอก็ถูกเขาปิดปากเสียด้วยลิ้นร้อนที่จ้วงเข้าไปเต็มอุ้งปากเล็ก ลลิลไม่รู้ว่าจะตอบโต้เขาด้วยวิธีไหน เธอตัวเล็กกว่า เรี่ยวแรงน้อยกว่า ยิ่งขัดขืนก็รังแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวด แต่หญิงสาวก็แทบทนไม่ได้กับความดิบห่ามในทุกนาทีที่พัลเลเดียมแสดงออกกับเธอไม่ว่าเธอจะพูดแม้แต่หายใจก็ยังผิดและขัดตาเขาไปเสียทั้งหมด
“อาพีท...ปล่อยลิล!”
ร่างแน่งน้อยสะบัดไหล่และผลักหน้าอกกว้างที่แนบชิดและบดเบียดอกนุ่มหลายครั้งหลายหนตั้งแต่เข้ามาในเพนท์เฮ้าส์หรูของแพตเมื่อชายหนุ่มเลื่อนปากของเขาออก ลลิลรู้สึกเจ็บบนกลีบปาก เธอรู้ว่ามันบวมเจ่อและเปียกชื้นไปด้วยร่องรอยจากการรุกรานของเขา พัลเลเดียมเหยียดปากเยาะขณะเช็ดคราบความหวานหอมที่หยาดหยดลงบนปลายคางแกร่ง เสียงหอบหายใจของหญิงสาวสะท้อนในห้องนั้นได้ยินชัดเจนแต่เขากลับหยามหยันใบหน้าหวานที่ออกอาการตระหนกด้วยประกายตาดูถูก
“ทำเหมือนไม่เคยกับเรื่องแบบนี้ เธอมันก็ไม่ได้ต่างกับอิสราสักเท่าไหร่ พ่อมักมากส่วนลูกสาวก็คงเป็นเด็กใจแตกที่แกล้งทำเหมือนไม่ประสีประสา”
“อาพีท...พูดเกินไปแล้วนะคะ”
“ยังน้อยไปกระมังกับความร่านที่เธอพยายามซ่อนมันไว้ บางทีตอนนี้อาจจะอยากขึ้นเตียงกับฉันใจแทบขาด แต่ทำเป็นเล่นตัวให้ผู้ชายนึกอยากว่างั้น!”
“อาพีท!”
ลลิลหมดความอดทนและปรี่เข้าหาร่างสูงใหญ่พร้อมทั้งกำหมัดทุบถองลงบนอกกว้างโดยไม่รู้น้ำตาจากไหนถั่งเป็นสายไม่หยุด แต่ยังไม่ทันรัวกำปั้นให้เขาเจ็บข้อมือทั้งสองก็ถูกคว้าไว้ได้ก่อนร่างนั้นจะถูกผลักลงไปนั่งบนเก้าอี้นวม พัลเลเดียมโน้มตัวลงไปหาพร้อมทั้งค้ำยันมือทั้งสองข้างบนพนักวางแขน เสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังก้อง เธอเหมือนเด็กตัวเล็กที่กำลังถูกสั่งสอนเพราะความดื้อรั้น
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้ลาริมาร์”
“ไม่!...ลิลไม่หยุด อาพีทใจร้าย!”
“บอกให้หยุดไง...หยุดส่งเสียงโวยวายเดี๋ยวนี้!”
“ไม่! ลิลเกลียดอาพีท ลิลไม่ใช่เด็กใจแตก ทำไมอาพีทต้องว่ากันขนาดนี้ อาพีทพูดเหมือนไม่เคยรู้จักลิล”
“หยุดร้องไห้...บอกให้หยุด!”
“ไม่!...ลิลเกลียด...”
เสียงหวานแห้งแหบขาดหายเมื่อชายหนุ่มปิดปากเธอด้วยมือหนาใหญ่ เขากดฝ่ามือลงไปเพื่อให้เธอหยุดร้องแต่ร่างแน่งน้อยกลับหอบสะอื้นและกระตุกหลายหน หยาดน้ำตาไหลอาบฝ่ามือหนา ดวงตาของเธอจ้องมองเขาราวกับไม่ยอมแพ้
นี่มันบ้าชัดๆ! เขาเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แต่กลับต้องมาทะเลาะกับเด็กสาวที่พึ่งบรรลุนิติภาวะ ชายหนุ่มขบกรามแน่น พัลเลเดียมนึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการปรามเด็กสาวคนหนึ่งด้วยการปิดปากเพื่อให้เธอเบาเสียงลง แต่ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือออกก็รู้สึกเจ็บแปลบบนฝ่ามือแกร่ง ความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปถึงข้อมือขณะใบหน้าหวานกดเกร็งและนัยน์ตาคู่งามที่จ้องเขาอย่างเอาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ยอมดึงมือกลับและยังคงปิดปากหญิงสาวอยู่เช่นนั้นแม้จะรู้ว่าถูกลลิลตอบโต้ด้วยการกัดมือหนาจนเลือดซึมไหลออกมาและหยดลงบนลำคอของเธอ